CD บทที่ 47 แข่งกันจับคนร้าย
จ้าวหยู่หัวเราะออกมาอย่างไร้เหตุผล ทำให้หวังเฟ่ยที่กำลังรวบรวมพยานหลักฐานต้องหยุดการทำงานลงเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“เชิญหัวเราะไปให้พอใจเลยนะ!” หลิวชางฮู ยังคงตีหน้าขรึมตำหนิจ้าวหยู่ต่อ “ฉันอย่างจะรู้ว่าแกจะหัวเราะไปได้อีกนานแค่ไหน จ้าวหยู่!!”
คูปิงทำท่าไม่สนใจและเตรียมหันหลังกลับไปปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองต่อแม้ว่าเธอจะไม่ชอบจ้าวหยู่เท่าไหร่นักแต่เธอก็ไม่ชอบหลิวชางฮูด้วยเช่นกัน
ขณะที่เธอกำลังจะเดินจากไป จ้าวหยู่กลับเรียกตัวเธอเอาไว้เสียก่อน “เฮ้ อย่าเพิ่งไปสิ หัวหน้าทีมคู!” จ้าวหยู่พูดพร้อมหัวเราะไปด้วย “คุณต้องมาเป็นพยานให้กับผมก่อน!”
“อะไรนะ?” คูปิงหันกลับมาสนใจพร้อมใบหน้างุนงง “หมายความยังไง?”
“เห้ย หลิว!” จ้าวหยู่หันกลับไปพูดกับหลิวชางฮูพร้อมหัวเราะอีกครั้ง “เรื่องการพนันของเรานะ แบบไหนนับว่าได้หรือไม่ได้?”
หลิวชางฮูกรอกตาขณะตอบ “ทำไม มีปัญหาอะไร ถ้าแกสามารถไขคดีมือที่หายไปนี่ได้ ฉันจะจ่าย 1,800 หยวนให้แทน แต่ไหนล่ะคนร้าย? ถ้าไม่มีคนร้าย แกจะปิดคดีนี้ลงได้อย่างไรกัน!”
“แหม่ เร่งรีบจังเลยนะ” จ้าวหยู่เอียงศีรษะยียวน “เราไม่ได้กำหนดกันไว้ว่า 7 วันหรอกหรือ นี่เพิ่งผ่านมาแค่ 5 วันเองนะ ฉะนั้นฉันก็ยังมีเวลาอยู่ถูกไหม?”
“ใช่ ใช่แล้ว! แกยังมีเวลาอยู่!” หลิวชางฮูหัวเราะใส่ “ยังมีหน้าอยากจับคนร้ายให้ได้อยู่อีกหรือ? หึ เอาอย่างนั้นก็ได้! งั้นฉันจะพูดไว้ตรงนี้เลยนะว่าการเดิมพันจะเสร็จสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อแกสามารถจับคนร้ายตัวจริงมาได้เท่านั้น! คนอื่นไม่นับ!”
“หึ ฉันแค่อยากได้ยินคำนี้แหละ!” จ้าวหยู่หันหน้าไปคุยกับคูปิง “ได้ยินแล้วใช่ไหมครับ หัวหน้าทีมคู คุณต้องเป็นพยานให้กับฉันด้วยนะ หลังจากนี้ผมจะไปตามจับตัวคนร้ายให้ได้ด้วยตัวฉันเอง แล้วเรามาดูกันสิว่าใครจะสามารถจับคนร้ายได้ก่อนกัน ฟังดูเป็นยังไง?”
เมื่อจบประโยคเหล่าตำรวจที่ได้ยินเรื่องการเดิมพันต่างพากันซุบซิบจนเกิดความวุ่นวายไปหมด ในสายตาของพวกเขามองว่าจ้าวหยู่กำลังขุดหลุมฝังตัวเองอยู่ชัด ๆ คูปิงมีอำนาจเข้าถึงหน่วยเฝ้าระวังและหน่วยลาดตระเวนต่าง ๆ มากมาย ถ้าเทียบกันแล้ว จ้าวหยู่ที่ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสามารถจับกุมตัวคนร้ายด้วยตัวเขาเองสำเร็จ!
“ได้!” คูปิงหันกลับมาตอบพลางเยาะเย้ยเขาด้วยการพูดอีกว่า “ดูเหมือนว่าฉันคงได้แต่พูดคำว่า ขอให้นายโชคดีสินะ”
สิ้นเสียงของคูปิง สมาชิกในทีม B ต่างพากันทำสีหน้าเยาะเย้ยจ้าวหยู่ด้วยเช่นกันแต่จ้าวหยู่กลับผายมือเอาพร้อมกวักมือเรียกทุกคนบริเวณนั้นให้เข้ามาใกล้ ๆ
“มานี่มาทุกคน เข้ามา ๆ ดูเหมือนว่าทุกคนจะให้ความสนใจกับเรื่องนี้กันดีจังนะ เอางี้ ใครที่พนันว่าฉันจะชนะ ฉันจะจ่ายให้คนนั้นเลยสิบเท่าของเงินเดิมพัน! แต่ถ้าไปพนันฝั่งหัวหน้าคูแล้วเธอชนะ ก็จะได้รับเงินคืนสองเท่าจากที่วางไว้เป็นไง? สนใจกันไหม?”
คำพูดของจ้าวหยู่สร้างความอึดอัดให้กับทุกคนไปหมด พวกเขาคิดว่าจ้าวหยู่ต้องบ้าไปแล้วจริง ๆ ที่กล้ามาพนันอะไรแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็เป็นตำรวจแท้ ๆ เขากลับกล้าทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างไรกัน? ทุกคนได้ทำแค่มุงดู แต่ไม่มีใครสักคนที่จะกล้าร่วมวงเดิมพันนี้ด้วยเลย
“เหอะ!” เมื่อเห็นว่าไม่มีใครกล้ามาร่วมพนันกับเขาด้วยเลย จ้าวหยู่โบกมือไปมาเล็กน้อยด้วยความเบื่อหน่าย “ช่างเถอะ ช่างมัน กลับไปทำงานไป ยังมีอาชญากรรอให้ฉันไปตามจับตัวอยู่! คอยดูก็แล้วกัน!” จ้าวหยู่เดินกลับไปทางสุสานทันทีที่เขาพูดเสร็จ จากนั้นคนอื่น ๆ ก็พากันแยกย้ายกลับไปทำหน้าตัวเองตามเดิม
“รุ่นพี่คะ รุ่นคงไม่หลงทางใช่มั้ยคะ?” หลี่เบ่ยหนีคือบุคคลหนึ่งเดียวที่กำลังเป็นกังวลกับจ้าวหยู่ เธอโบกมือเรียกเขาแต่จ้าวหยู่กลับโบกมือตอบกลับไปให้อย่างสบาย ๆ
“ไม่เป็นไร ฉันจะทำมันด้วยตัวฉันเอง รอบนี้เธอไม่ต้องเข้ามาช่วยหรอก จะได้ไม่มีใครมาดูถูกอะไรได้อีก!”
“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ!” หลี่เบ่ยหนีหยุดฝีเท้าของเธอลงด้วยความคับข้องใจ “ฉันหมายความว่าคุณกำลังเดินไปผิดทางค่ะ มันต้องไปทางนี้ต่างหากค่ะ!”
ปรากฏว่าจ้าวหยู่กำลังเดินลึกเข้าไปในสุสานและนั่นไม่ใช่ทางออกอย่างแน่นอน
“อ้าว ฮ่า ฮ่า ฮ่า” จ้าวหยู่ทำได้แค่หัวเราะตอบกลับไป
สมาชิกทีม B คิดว่า จ้าวหยู่คงยังมึนกับฤทธิ์ยาที่ตกค้างในตัวอยู่ จึงทำให้เขาไม่สามารถคุมตัวเองเอาไว้ได้ ขณะที่เขากำลังก้มตัวลงเพื่อหัวเราะ
ทางด้านหลิวชางฮูถ่มน้ำลายลงพื้นพร้อมบ่นงึมงา ในคอตัวเองว่า “แค่ทางออกยังไม่มีปัญญาหาให้เจอได้ แล้วจะไปจับตัวคนร้ายได้อย่างไรกัน เหอะ!”
ในเวลานั้น จ้าวหยู่ได้เดินจากไปไกลแล้ว แต่พวกเขายังคงเห็นการเคลื่อนไหวของจ้าวหยู่อยู่ อย่างไรก็ตามพวกเขาเห็นว่า จ้าวหยู่ไม่ได้เดินออกไปจากสุสานแต่อย่างใด แต่กำลังเดินวนรอบ ๆ ไปมาภายในสุสานนี่แทน
การเคลื่อนไหวแปลก ๆ ของจ้าวหยู่กำลังดึงความสนใจของเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคูปิงซึ่งก่อนหน้านี้เธอตั้งใจจะเดินออกจากสุสานไปแล้ว แต่เมื่อเห็นท่าทางแปลก ๆ ของจ้าวหยู่ที่เดินวนไปมา ใบหน้าของเธอก็แสดงความสงสัยออกมาให้เห็นในทันที
“จ้าวหยู่กำลังวางแผนอะไรไว้กันแน่?”
ขณะที่ทุกคนกำลังงุนงงกับการกระทำของจ้าวหยู่ จู่ ๆ พวกเขาก็สังเกตเห็นว่าจ้าวหยู่หยุดอยู่ข้างหน้าหลุมศพเหมือนกับว่าเขากำลังเจออะไรบางอย่าง จากนั้นเขาก็เริ่มเตะที่หลุมฝังศพนั่น!
“เฮ้ย!!” เจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ต่างพากันตกตะลึงและคิดกับตัวเองว่า
‘จ้าวหยู่คงบ้าไปแล้วจริง ๆ ใช่ไหมเนี่ย?’
หลังจากที่เขาเตะหลุมฝังศพอยู่สอง สามรอบ จ้าวหยู่ก็กระโดดหายตัวไปในทันที
“เอ๊ะ? เขาหายไปไหนกัน”
“ไม่มีทางน่า”
“หรือว่าหมอนั่นจะเจอทางหนีแล้ว!”
“มุ่งหน้าไปทางนั้นเร็วทุกคน เร็วเข้า!”
คูปิงเพิ่งจะตระหนักอะไรได้ เธอรีบวิ่งตามที่ ๆ จ้าวหยู่ไปเป็นคนแรก หลังจากนั้นคนอื่น ๆ รวมทั้ง หลิวชางฮูและหวังเฟ่ยเองก็รีบตามไปเช่นกัน
เมื่อทุกคนพากันไปถึงด้านหน้าของหลุมฝังศพนั่นต่างก็ตกตะลึงและอยู่ในความเงียบ ด้านข้างหลุมฝังศพมีทางเข้าเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณครึ่งเมตรซ่อนอยู่!
ก่อนที่ทุกคนจะสามารถมองอะไรไปได้มากกว่านี้ จู่ ๆ จ้าวหยู่ก็โผล่พรวดขึ้นมาจากที่ซ่อนนั้นพร้อมกับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง!
เธอยังคงสวมใส่หมวกผ่าตัดพร้อมกับเสื้อกันลมอยู่เหมือนเดิมและเธอคือคนร้ายในคดีนี้ หลี่ดัน!
“เร็วเข้า!” จ้าวหยู่ดึงตัวหลี่ดันให้เข้ามาใกล้ ๆ ตัวเองและทำท่าชูสองนิ้วที่เป็นที่นิยมในการถ่ายรูปขึ้นมา “เร็วเข้าสิ ถ่ายรูปให้ฉันที!”
ไม่กี่นาทีต่อมา หลี่ดัน ก็ถูกใส่กุญแจมือและถูกนำตัวไปโรงพักโดยรถตำรวจในทันที ขณะที่เธอกำลังถูกดันตัวให้เข้าไปในรถ เธอส่งสายตาอาฆาตจ้องมองมาที่จ้าวหยู่ จนเขารู้สึกอึดอัด เมื่อคิดว่าเธอคือผู้หญิงตัวคนเดียวที่สามารถตัดข้อมือเหยื่อได้ถึงสามคน ข้อเท็จจริงนั้น ไม่ได้ทำให้รู้สึกจ้าวหยู่รู้สึกอะไร นอกไปจากที่กระดูกสันหลังสั่นวาบไปมาก็เท่านั้น
“รุ่นพี่คะ!” หลี่เบ่ยหนีตบเข้าที่ไปแผ่นหลังของจ้าวหยู่ทำให้จ้าวหยู่สะดุ้งไปทั้งตัว
“พระเจ้า! โธ่ นึกว่าใคร เธอทำฉันตกใจนะเนี่ย!” จ้าวหยู่เอื้อมมือไปกุมหัวใจตัวเองเอาไว้ เธอทำเขารู้สึกกลัวขึ้นมาจริง ๆ
“อะไรนะ! คุณมุดลงไปที่หลุมฝังศพนั่นโดยไม่เกรงกลัวอะไรแต่กลับมากลัวฉันเนี่ยนะคะ!?” หลี่เบ่ยหนีหยอกล้อพร้อมกลับส่งรอยยิ้มกลับไป ขณะที่เธอนั่งข้าง ๆ จ้าวหยู่ เธอก็ไม่สามารถระงับความอยากรู้อยากเห็นของตัวเธอเอาไว้ได้เลย “บอกฉันมาเดี๋ยวนี้เลยนะคะว่ารุ่นพี่รู้ได้ยังไงเรื่องที่คนร้ายซ่อนตัวอยู่ตรงนั้นน่ะ”
“เอ่อ คือ ฉันก็แค่” จ้าวหยู่ครุ่นคิดคำโกหกอยู่ขณะหนึ่ง “อ่อ ก็แม่ของหลี่ดันบอกว่าเธอต้องเดินทางไปกับพวกคณะโรงละครและจะไม่กลับบ้านประมาณ 5 วัน ก็หมายความว่าเธอจะยังไม่กลับบ้านไปในทันทีหลังจากลงมือแน่ ๆ หลี่ดันคงจะเตรียมการอะไรไว้อย่างแน่นอน” จ้าวหยู่เริ่มเล่าต่ออีกว่า “ยังจำคดีของปีที่แล้วได้อยู่ไหม ตอนที่เธอตัดมือของหยวนหลีลี่ไป เธอสามารถเลี่ยงกล้องวงจรปิดได้หมดและหลบซ่อนตัวอยู่บนดาดฟ้าได้นานถึง 7 วันเชียวนะ! ดังนั้นฉันก็เลยคิดว่าเธอคงจะทำการแบบเดียวกันอีกครั้งก็แค่นั้นเอง”
“ว้าว ก็ฟังดูเข้าท่าอยู่นะคะเนี่ย” หลี่เบ่ยหนีคิดตาม เธอแสดงความคิดเห็นอีกว่า “พื้นที่บริเวณนี้ก็ไม่มีกล้องวงจรปิดซะด้วย นอกจากถนนด้านนอกนั่น ถ้าเธอเลือกที่จะซ่อนตัวโดยไม่ทิ้งหลักฐานใด ๆ เอาไว้ การเลือกซ่อนตัวในหลุมฝังศพก็เป็นความคิดที่สมบูรณ์แบบจริง ๆ นะคะเนี่ย ว้าว คนร้ายคนนี้ต้องใจถึงมากจริง ๆ ถึงจะทำอย่างนั้นได้!”
“ก็ใช่น่ะสิ ไม่งั้นเธอคงไม่ลงมือก่อเหตุแบบนี้ได้ถึงสามครั้งหรอก จริงไหม?” จ้าวหยู่ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรเลย
“เอะ แต่เดี๋ยวนะคะ” ทันใดนั้น หลี่เบ่ยหนีเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “รุ่นพี่คะ? แม้ว่าคุณจะรู้ว่าคนร้ายจะต้องซ่อนตัวเองอยู่ที่หลุมฝังศพก็ตามแต่คุณรู้ตำแหน่งที่เธอซ่อนอย่างถูกจุดได้อย่างไรคะ?”
“เอ่อ…นั่นก็เพราะ…คือ” จ้าวหยู่ตกตะลึงไปกับคำถามที่ไม่คาดคิดมาก่อน ขณะนั้น เขาไม่สามารถหาข้ออ้างอะไรดี ๆ มาใช้ได้เลย