CD บทที่ 38 ความจริงที่คาดไม่ถึง
ทันทีเมื่อได้เห็นท่าทีที่ว้าวุ่นของหญิงชรา จ้าวหยู่ก็อยากรู้อยากเห็นมากขึ้น ลางสังหรณ์ของเขาบอกว่าในปีนั้นต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ ๆ เขาบอกกับหญิงชราว่า เขามีความจำเป็นเร่งด่วนและเป็นเรื่องที่สำคัญมาก หวังว่าหญิงชราจะเข้าใจและยอมให้ความร่วมมือกับเขาโดยดี เขาใช้วิธีขู่แบบอ้อม ๆ ว่าถ้าหญิงชราไม่ยอมบอกข้อมูลให้กับเขาในตอนนี้ เขาจะรอจนกว่าลูกสาวเธอจะกลับมาและเข้าไปสอบถามด้วยตัวเอง
ความกังวลของหญิงชราถูกสังเกตได้อย่างง่ายดายเมื่อได้ยินคำว่า ‘เปียโน’ เธอลองชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียจากเหตุการณ์นี้จนท้ายที่สุดเธอก็เลือกที่จะบอกข้อมูลในสิ่งที่จ้าวหยู่ต้องการ
จ้าวหยู่ลองคาดเดาเหตุการณ์เอาไว้หลาย ๆ อย่างเกี่ยวกับเรื่องการถอนตัวในงานแข่งขันของเด็กอัจฉริยะคนนี้และเมื่อยิ่งได้ฟังเรื่องราวจากปากของแม่เธอเองก็ยิ่งทำให้จ้าวหยู่ตระหนักได้ว่าเรื่องราวมันซับซ้อนกว่าที่เขาเคยคิดเอาไว้มากนัก
“ใช่จ๊ะ ลูกสาวของฉันเคยเล่นเปียโนจริง ใคร ๆ ต่างก็รู้กันดีว่าหลี่ดันเป็นเด็กอัจฉริยะด้านเปียโนของเมืองเฟิงหลิง” หญิงชรากล่าวด้วยความรู้สึกหนักใจ “เรามีลูกสาวแค่คนเดียว ทั้งตัวฉันและพ่อของเธอต่างก็ยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อจะได้มีเงินไว้ส่งเธอเรียนเปียโนในตัวเมืองได้ พวกเราถึงขั้นยอมขายบ้านหลังเก่าที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้” เธอกล่าวต่ออีกว่า “ลูกสาวของฉันเธอเป็นเด็กมีไหวพริบ เธอรู้ว่าพ่อแม่ต้องทำงานกันหนักขนาดไหนเพื่อส่งเธอเรียน เธอจึงให้ความสนใจและตั้งใจเรียนเปียโนมากกว่าใคร ๆ จนเธอสามารถเอาชนะรางวัลระดับเขต ระดับเมือง และระดับจังหวัดได้!”
“แม้ว่าพวกเราจะมีฐานะยากจน แต่พวกเราทั้งคู่ต่างมีความหวังใหม่กับตัวดันดัน พวกเรารู้สึกโชคดีที่มีเธอเป็นลูก พ่อของเธอมั่นใจมากว่าอนาคตของลูกสาวเราจะต้องรุ่งโรจน์สว่างสดใสและนำพาความเจริญมาสู่ครอบครัวเราได้และยังสามารถทำได้ดีกว่าบ้านที่มีลูกชายเสียด้วยซ้ำ! แต่แล้ว…”
เมื่อเล่ามาถึงจุดนี้ หญิงชราเริ่มสั่นไปทั้งตัว ความรู้สึกเจ็บปวดพาดผ่านสีหน้าของเธออย่างเห็นได้ชัด
“แต่ความฝันของเราก็ต้องแตกสลายลงไปไม่มีชิ้นดีในระหว่างการแข่งขันเปียโนที่ฉินชาน!”
“คุณป้ากำลังหมายถึงการแข่งขันเปียโนครั้งที่สิบประจำเมืองฉินชานใช่หรือเปล่าครับ?” จ้าวหยู่ถามเพื่อความแน่ใจ
“ใช่! ใช่แล้ว! งานนั้นแหละ ฉันไม่มีทางลืมมันลงได้เลยในชีวิตนี้!” เธอกล่าวพร้อมน้ำตา
หญิงชรานวดไปมาที่หน้าท้องของเธออยู่ชั่วขณะหนึ่ง อาจเพราะเธอกำลังรู้สึกเจ็บใจ จากนั้นเธอก็เริ่มเล่าเรื่องต่ออีกว่า
“แม้ว่าจะเป็นแค่การแข่งระดับเมืองก็ตาม แต่ก็เป็นการแข่งขันที่สำคัญมากกับดันดันของเรา”
“เฉพาะนักเรียนที่จบการศึกษาชั้นมัธยมตอนปลายเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ได้เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ได้ ถ้าผู้เข้าแข่งขันทำผลงานได้ดีจนสามารถอยู่ในลำดับแรก ๆ ก็จะสามารถเข้าศึกษาต่อที่สถาบันดนตรีชื่อดังของจังหวัดได้ มันเป็นเวทีที่ยอดเยี่ยมมากสาหรับนักเปียโนทุกคน!” เธอยังคงกล่าวต่อไป
“ถ้าดันดันของเราสามารถเข้าแข่งขันรอบสุดท้าย เราก็จะสามารถเก็บสะสมเงินไว้สำหรับการศึกษาต่อในอนาคตของเธอได้ และด้วยเหตุนั้นเองจึงทำให้เธอรู้สึกเป็นกังวลอย่างมากในระหว่างการแข่ง เธอตั้งใจที่จะทำให้ได้อันดับดี ๆ เพื่อให้พวกเราภูมิใจในตัวเธอ”
“ตั้งแต่แรกเริ่มของการแข่งเต็มไปด้วยความราบรื่น ตั้งแต่รอบการลงทะเบียนและรอบคัดเลือก ดันดันของเราสามารถเอาชนะเด็กคนอื่น ๆ ได้ทั้งหมดด้วยความสามารถที่โดดเด่นของเธอเอง กรรมการหลาย ๆ ท่านไม่เพียงแต่เชื่อว่าเธอจะผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายได้เท่านั้น แต่พวกเขาเชื่อว่าแชมป์ปีนั้นจะต้องเป็นของดันดันแน่นอน! ต่อมาเธอได้อันดับที่สามในการแข่งรอบก่อนรอบสุดท้ายและสามารถผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายมาได้ พวกเราดีใจเป็นอย่างมาก ถ้าดันดันสามารถรักษาระดับของตัวเองไว้ได้แบบนี้ เธอก็สามารถเข้าเรียนต่อที่สถาบันดี ๆ ที่มีชื่อเสียงได้อย่างง่ายดายแต่เธอกลับไม่พอใจในผลประกาศ เธอรู้สึกว่าความสามารถของเธอเหนือกว่าผู้เข้าแข่งขันทั้งสองคนก่อนหน้านี้ เธอเลยต้องการเพิ่มความยากในการเล่นให้มากขึ้นเพื่อที่จะได้สามารถเอาชนะเด็กสองคนนั้นในรอบสุดท้ายแต่แล้วในตอนท้าย…ฮึก”
หญิงชราลดศีรษะตัวเองลงต่ำอย่างไม่รู้ตัว น้ำตาของเธอไหลอาบใบหน้าเต็มไปหมดไม่มีประโยชน์อะไรที่จ้าวหยู่จะคาดคั้นให้เธอพูดอะไรในตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแค่รออย่างอดทนเพื่อให้อาการของหญิงชราสงบลง
เมื่อเธอควบคุม ความรู้สึกตัวเองได้แล้ว เธอจึงเริ่มเล่าต่อ
“แต่เพื่อความเป็นธรรมในการแข่ง ผู้เข้าแข่งขันจะต้องเล่นเปียโนในแบบเดียวกันทั้งหมดในรอบสุดท้ายและเพื่อให้ทุกคนได้ทำความคุ้นเคยก่อนแข่ง ทางกรรมการจะจัดสรรเวลาการซ้อมแต่ละช่วงไว้ให้โดยจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้าก่อน” หญิงชราถอนหายใจพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ต่างก็มีความสัมพันธ์ต่าง ๆ กับทางผู้จัดงาน พวกเขากำหนดช่วงเวลาการซ้อมดี ๆ ทั้งหมดไปให้กับคนรู้จักตัวเองและเพราะพวกเราไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ กับใคร เราจึงได้ช่วงสุดท้าย ณ เวลา 2 ทุ่ม”
“เราคิดว่าเวลานั้นก็ไม่เป็นไร ยังไม่ดึกเกินที่จะได้ซ้อมและโดยเฉพาะการได้ฝึกซ้อมคนสุดท้ายจะไม่ได้จำกัดเวลาเอาไว้ เราจะอยู่ซ้อมนานเท่าไหนก็ได้ ตัวดันดันเอง เธอยังคงไม่พอใจกับผลลัพธ์ เธอเลยต้องการฝึกซ้อมให้มากกว่าเดิม แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เวลาซ้อมของเราถูกเลื่อนไปเป็นสามทุ่ม พ่อของดันดันพยายามจะพูดต่อรองกับทางผู้ดูแลว่าการแข่งรอบสุดท้ายจะถูกจัดขึ้นในวันถัดไปแล้ว แต่ก็ไร้ผล เราไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากนั่งรอ ผู้แข่งขันที่ซ้อมเป็นคนสุดท้ายออกจากห้องซ้อมมาตอน สามทุ่มครึ่ง ไม่มีใครอยู่ที่นั้นแล้วนอกจากพวกเราสามคน ดันดันมีทัศนคติที่ดี เรื่องแบบนี้เธอไม่เก็บมาใส่ใจ เธอไม่ได้แสดงอาการสะทกสะท้านใด ๆ ออกมาเลย จิตวิญญาณเธอเต็มเปี่ยมไปด้วยเสียงของเปียโน! แต่แล้วก็…”
ร่างของหญิงชราสั่นไปทั้งตัว เธอพยายามพูดขึ้นมาอย่างยากลำบาก
“เราสองคนพ่อแม่นั่งมองเธอฝึกซ้อมจากทางฝั่งของผู้ชม เธอเป็นเด็กที่งดงามและน่าหลงใหลยามที่เธอกำลังบรรเลงเสียงเปียโน แต่ทันใดนั้นพ่อของเธอก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของดันดันดังขึ้น! เราทั้งคู่รีบวิ่งขึ้นไปดูทันทีว่าเกิดอะไร ภาพที่เราเห็นคือเธอกำลังจับมือขวาของตัวเองที่เต็มไปด้วยเลือด! เสื้อผ้าของเธอเปื้อนเลือดเต็มไปหมด”
“อะไรนะ?!” จ้าวหยู่มัวแต่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องราวที่ได้ฟังจากตัวหญิงชราจนเผลออุทานออกมากับเหตุการณ์ที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้น
“เธอตกอยู่ในอาการหวาดกลัวและอยู่ในภาวะช็อก ทั้งตัวฉันและพ่อของเธอเองต่างก็ตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้าไม่น้อยไปกว่ากัน” เธอเล่าต่อด้วยความเจ็บปวด “เราไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ได้แต่มองดูเลือดของเธอไหลรินไม่ยอมหยุด เราพยายามจะพาเธอไปที่โรงพยาบาลในทันทีแต่ไม่มีใครอยู่รอบ ๆ บริเวณนั้นเลยสักคน เราจึงไม่ได้รับความช่วยเหลือแต่อย่างใด เราไม่สามารถเรียกแท็กซี่ได้เลย แต่ในที่สุดก็มีรถบรรทุกผ่านทางมา คนขับอาสาพาพวกเราไปส่งที่โรงพยาบาล”
“เมื่อแพทย์ได้ทำการวินิจฉัยเสร็จ พบว่านิ้วกลางของเธอถูกวัตถุมีคมอะไรสักอย่างตัดออกไป ไม่เพียงแต่โดนเส้นเอ็นเท่านั้น ข้อต่อบางส่วนของนิ้วก็ได้รับบาดเจ็บด้วยเช่นกัน เราจำเป็นที่จะต้องตัดนิ้วนั้นของเธอทิ้งและหานิ้วใหม่ใส่กลับเข้าไปแทนที่นิ้วเดิม หรือหาส่วนที่ขาดหายไปมาต่อกันมิฉะนั้นเธอจะกลายเป็นเด็กพิการไปทั้ง ๆ แบบนี้”
“มันเป็นครั้งแรกที่พวกเราต้องมาเจอกับเหตุการณ์อะไรแบบนี้ ตอนนั้นพวกเราดูเหมือนกับคนโง่ เมื่อได้ยินหมอบอกต้องหานิ้วอื่นมาเติมเต็ม พ่อของดันดันรีบกลับไปยังสถานที่ฝึกซ้อมอีกครั้งเพื่อทำการหาอีกครึ่งหนึ่งของนิ้วเธอ แต่เมื่อตอนที่พ่อของเธอกลับไปถึงห้องซ้อมนั้น ที่บนเปียโนถูกเช็ดคราบเลือดออกไปจนหมด ไม่มีแม้แต่ร่องรอยใด ๆ เหลือเอาไว้เลย ทำให้เราไม่สามารถตามหานิ้วของดันดันได้”
ในตอนนั้นเอง หญิงชราก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้และร้องไห้ออกมาในที่สุด