ตอนที่แล้วบทที่ 8 เสียใจด้วยนะ ข้ามีคู่หมั้นแล้ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 10 มีกฎหมายบ้านเมืองไหม?

บทที่ 9 ลิงที่ไม่เต้นคือลิงตาย


บทที่ 9

ลิงที่ไม่เต้นคือลิงตาย

เซียวต้าโหย่วดึงนางถังกลับมา แต่นางไม่ยอมขยับไปไหน อย่างไรเสียนางถังก็เหนือกว่าทั้งน้ำหนักและยังรวยกว่าอีกด้วย

“เงียบซะ แล้วถอยออกมา”

นางถังอยากจะโต้แย้ง แต่ก็ยอมสงบแล้วถอยออกมายืนข้างหลังโดยไม่พูดอะไรอีก ในขณะที่นางหลิวที่อยู่ไม่ไกลเชิดหน้าอย่างภูมิใจที่นางถังต้องหุบปากของนางเพราะหัวหน้าหมู่บ้านและพี่ใหญ่

“หัวหน้าหมู่บ้าน ผู้หญิงคนนี้แค่ปากเสียเท่านั้น ขอท่านอย่าได้ถือสา” เซียวต้าโหย่วกล่าวอย่างระมัดระวัง

หัวหน้าหมู่บ้านพ่นลมออกทางจมูกและมองไปยังประตูที่ปิดอยู่ “พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว แต่ยังไม่มีใครออกมาอีกรึ?”

“ใช่ขอรับ ข้าตะโกนจนคอจะแตกอยู่แล้ว”                     เซียวต้าโหย่วตอบ

ในขณะที่หวังกุ้ยฮวาเห็นหัวหน้าหมู่บ้านคล้ายพระโพธิสัตว์มาโปรด นางรีบออกมาด้านหน้า “ท่านหัวหน้าหมู่บ้านในที่สุดท่านก็มา ซีซียังเป็นแค่เด็ก แต่นางถังกลับพูดจาเสีย ๆ      หาย ๆ ใส่ลูกสาวข้า ได้โปรดให้ความเป็นธรรมแก่ข้าด้วย”       หวังกุ้ยฮวาเหมือนเห็นพระโพธิสัตว์ “ถ้าหากท่านไม่ให้ความเป็นธรรมกับข้า ข้าจะไปที่อำเภอแล้วร้องเรียนเรื่องนี้กับนายอำเภอ”

ทุกครั้งที่มีคนรังแกหวังกุ้ยฮวา นางมักจะไปร้องเรียนกับนายอำเภอซึ่งเป็นคนมอบแผ่นป้ายศีลธรรมให้นางนั่นเอง

“พอแล้ว นางถังก็หุบปากแล้วไม่ใช่รึไง? เจ้าเป็นตัวอย่างของหมู่บ้านควรที่จะปฏิบัติกับคนอื่นด้วยความปรานีสิ แล้วอีกอย่างวันนี้เป็นวันอะไร? เจ้าไม่รู้จักนับเลยหรืออย่างไร?” เขามองไปรอบ ๆ แล้วกล่าวกับคนในหมู่บ้าน “แต่ละคนที่นี่ต่างก็ต้องการจะไล่พวกเด็กกำพร้ากับแม่ม่ายออกไปเท่านั้น หากว่าเจ้าจะมุงดูอยู่เฉย ๆ ข้าคงไม่ได้ขอมากเกินไปหรอกใช่ไหม?”

จากนั้นเขาก็เดินไปข้างหน้าแล้วก็เริ่มเคาะประตูบ้านอย่างรุนแรง

“หลานสะใภ้ ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากจะช่วยเจ้าหรอกนะ แต่ยากที่จะขัดมติของส่วนรวมได้ เปิดประตูออกมาเดี๋ยวนี้”

เสียงเคาะประตูนี้ทำให้เซียวเป่าเอ๋อร์กลัว เขายืนอยู่ด้านในของประตูถอยหลังออกมา เขาได้ยินเสียงผู้คนเอะอะอยู่หน้าบ้านนานแล้ว แต่แม่ของเขายังไม่ยอมตื่น ถ้าไม่ติดว่านางยังหายใจอยู่ เขาคงคิดว่าแม่ของเขาตายไปแล้ว

เซียวเป่าเอ๋อร์กลับไปที่ห้องนอนของนาง แล้วพบว่าท่านแม่ของเขายังคงนอนอยู่ที่มุมเตียงของท่านยาย ท่านแม่คงจะง่วงนอนมากจนเสียงโวยวายข้างนอกไม่มีผลกับนาง

“หลานรัก พวกเขามากันแล้วเหรอ?”

นางหวังตื่นขึ้นแล้ว แต่นางไม่ได้พูดอะไรออกมา

เซียวเป่าเอ๋อร์พยักหน้า เขาส่งเสียงปลุกท่านแม่ที่กำลังหลับพร้อมเขย่าตัวนางด้วย “ท่านแม่ ท่านแม่ตื่นเถอะขอรับ”

เซียวหลีขมวดคิ้วและหยีตาเพราะแสงแดดที่ส่องเข้ามา นางขยี้ตาแล้วกล่าว “ทำไมข้างนอกถึงได้เอะอะวุ่นวายนัก?”

“ท่านปู่ได้พาคนมาไล่พวกเราแล้วขอรับ”

เซียวเป่าเอ๋อร์ทำหน้ามุ่ย ถึงแม้ว่าเขาจะไม่พอใจเป็นอย่างมากแต่เขาก็ไม่อาจทำอะไรได้ แม้ว่าท่านแม่จะบอกว่าไม่ต้องออกไปไหนและไม่ต้องกลัวการถูกรังแก แต่เขาก็รู้ดีว่าท่านแม่เพียงแค่อยากโอ้อวดเท่านั้น อย่างไรเสียท่านแม่ของเขาก็เป็นแค่หญิงสาวอ่อนแอที่ไม่มีแรงแม้แต่จะหักคอไก่

“อาหลี พวกเราคงต้องไปกันแล้ว” นางหวังสะอื้นออกมา ท้ายที่สุดแล้วนางก็ไม่อยากไปจากที่นี่ ถึงแม้จะรู้ว่าสามีที่ไม่เอาไหนทิ้งนางกับลูก ๆ ไปแล้วก็ตาม ทำให้ชีวิตของนางต้องลำบาก แต่นางก็ยังรอเขากลับมาเสมอ

นางเคยชินกับความลำบากและการเฝ้ารอแล้ว

หากต้องไปจากที่นี่จริง ๆ  คงรู้สึกเหมือนมีบางอย่างหายไปจากชีวิตของนาง เมื่อคิดเช่นนี้ก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา

“ท่านแม่ พวกเราจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”

เซียวหลีเช็ดน้ำตาบนหน้าของนางหวังด้วยรอยยิ้ม ถึงแม้ว่านางจะไม่เคยสัมผัสถึงสายสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ และไม่เคยได้พบหน้าพ่อมาก่อน แม้แต่หน้าตาเขาก็ยังนึกไม่ออก แต่พอจะเข้าใจถึงสิ่งที่เรียกว่าความหลงใหลของหญิงสาว

แล้วนางก็พลันนึกขึ้นได้ว่าถ้าหากสิ่งที่เซียวเป่าเอ๋อร์พูดเป็นความจริง ท่านพ่อของนางพาเซียวเยี่ยนไปขายที่หอคณิกา ผู้ชายที่น่ารังเกียจเช่นนี้ทำไมแม่ของนางถึงยังไม่เข้าใจอีกนะ?

นางหวังส่ายหัวของนางแล้วกล่าว “ที่นี่ไม่มีอะไรอีกแล้ว พวกเราไปกันเถอะ”

แต่แม่ม่ายกับลูกกำพร้าพ่ออย่างพวกนางจะเอาตัวรอดจากเสือและฝูงหมาป่าข้างนอกได้อย่างไร?

เซียวเป่าเอ๋อร์กอดเซียวหลีแน่น เขารู้ดีว่าในเวลานี้พวกเขาจะต้องไปแล้ว แต่เมื่อเห็นความไม่เต็มใจของท่านยาย ท่าทางยืนหยัดอย่างเข้มแข็งของท่านแม่ นั่นทำให้เขารู้สึกยินดีอยู่ในใจ

ดูเหมือนว่าท่านแม่ของเขาจะเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ กลายเป็นท่านแม่ที่งดงามที่สุด เก่งที่สุด และกล้าหาญที่สุดสำหรับเขา

แต่ตัวเขาก็รู้ว่าความกล้าหาญที่มีในตอนนี้ มันไม่ต่างอะไรไปกับให้ตั๊กแตนไปขวางรถ*[1] หรือเอาไข่ไปทุบกับหิน*[2]

“ท่านแม่ พวกเราไปกันเถอะขอรับ เอาไว้เป่าเอ๋อร์โตแล้ว จะเอาทุกสิ่งทุกอย่างของพวกเรากลับคืนมาอย่างยุติธรรมขอรับ”

เซียวหลีพ่นลมออกทางจมูก ยกมือลูบหัวน้อย ๆ ของเขาแล้วกล่าวว่า “ลูกชายข้าช่างทะเยอทะยานยิ่งนัก”

ในเวลานี้ผู้คนข้างนอกกำลังสร้างความกดดันให้มากขึ้นทีละน้อย ช่างเป็นปัญหาเสียจริง ๆ  นางจึงได้หันหน้าไปหานางหวังแล้วกล่าว “ท่านแม่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นท่านจะต้องนอนอยู่ที่เตียง ปล่อยทุกอย่างให้เป็นหน้าที่ข้า ไม่จำเป็นต้องกลัว”

“อาหลีอย่าไปโต้เถียงกับพวกเขาเลย หากพวกเขาอยากจะได้ที่ดินตรงนี้ก็ปล่อยให้พวกเขาเอาไป ข้าจะไปคุยกับหัวหน้าหมู่บ้านเอง เมื่อใดที่พี่สาวของเจ้ากลับมาพวกเราก็จะไป.....”

หลังจากกล่าวนางหวังกำลังจะลุกขึ้นจากเตียง แต่     เซียวหลีดันนางกลับลงไปที่เตียง “ท่านแม่ ข้าไม่เจ็บตัวอีกแน่ ท่านวางใจเถอะ”

“แต่ว่า....”

“ครั้งนี้ ลูกขอไม่เชื่อฟังท่าน บ้านของพวกเราก็จำเป็นที่จะต้องปกป้องโดยพวกเราเอง คนอื่นไม่เห็นใจสงสารพวกเรา แถมยังไม่ยอมปล่อยพวกเราไปด้วย”

นางหวังอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ แต่เซียวหลีไม่คิดที่จะปลอบนางตอนนี้ นางหันไปหาเซียวเป่าเอ๋อร์แล้วสั่งให้เขาอยู่กับนางหวัง

เซียวเป่าเอ๋อร์รู้สึกกังวลและกลัว แต่ว่าเขาจะทำอะไรได้? ถึงเขาจะไม่ยินยอมแต่ฟังเสียงที่คุกคามของชาวบ้านข้างนอกแล้ว บ้านหลังนี้ของพวกเขาคงไม่สามารถรักษาเอาไว้ได้แล้ว

นอกประตูบ้าน หัวหน้าหมู่บ้านเคาะประตูแล้วตะโกนอยู่หลายหน ตัวเขาได้ยินเสียงคนพูดพึมพำกันอยู่ในบ้าน แต่กลับไม่มีใครออกมาเปิดประตูให้เขาหรือตอบอะไรกลับมา ทำให้เขารู้สึกโกรธขึ้นมา ตอนแรกเขาก็รู้สึกเสียใจกับพวกนางอยู่บ้าง แต่ในเวลานี้เขาเริ่มคิดว่าคนบ้านนี้ต้องมีอะไรบางอย่างที่ทำให้คนอื่นเกลียดแน่ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ทำให้หัวหน้าหมู่บ้านอย่างเขารู้สึกโมโหเช่นนี้

“หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านต้องทำรุนแรงเสียหน่อย ถ้าจะจัดการกับพวกแม่ลูกไร้ยางอายพวกนั้น”

“ใช่ ๆ ถ้าไม่ทำอย่างนั้นพวกเขาไม่ยอมไปหรอก ไต้ซือก็บอกแล้วว่าแม่ม่ายกับเด็กกำพร้าพ่อพวกนี้ส่งผลเสียต่อฮวงจุ้ย ปีนี้มีคนสองคนในหมู่บ้านของพวกเราที่ตายอย่างไม่ทราบสาเหตุ ถ้าไม่ไล่พวกเขาออกไป บางทีมันอาจจะส่งผลร้ายมาถึงท่านหัวหน้าหมู่บ้านก็ได้”

เซียวต้าโหย่วกล่าวโดยมีภรรยาของเขานางหวังคอยสนับสนุน

เซียวหลียืนอยู่หน้าประตูได้ยินที่พวกเขาพูดกัน ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตลก พวกเขาก็แค่อยากจะได้ที่ดินตรงนี้จึงได้พูดไปเรื่อยและอ้างเรื่องโชคลางเพื่อหลอกผู้คน

“ใช่แล้ว ข้าว่า....รีบไล่พวกนางออกไปเร็ว ๆ กันเถอะ”

บางคนพูดเสริมขึ้นมา จริง ๆ แล้วแม่ม่ายกับเด็กกำพร้านั้นไม่ได้สร้างปัญหาให้กับพวกเขาในหมู่บ้าน แต่การที่มีคนสองคนมาตายในหมู่บ้านอย่างทราบสาเหตุไม่ได้เช่นนี้ มันทำให้หัวใจของพวกเขาเต้นเร็วขึ้นมา ไม่ว่าที่ไต้ซือคนนั้นพูดมาเป็นเรื่องจริงหรือไม่ พวกเขาก็ต้องไล่พวกนางออกไป

ว่ากันตามตรงแล้วเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องในครอบครัวของเซียวต้าโหย่วและเซียวโหย่วฟู่ ในฐานะคนนอกทุกคนต่างก็สนใจแต่ผลประโยชน์ของตัวเองเท่านั้น

ในบรรดาผู้คนเหล่านี้ เซียวต้าโหย่วกับเซียวต้าฟู่เป็นคนที่กระวนกระวายมากที่สุด เพราะที่ดินผืนนี้ได้ถูกมอบให้          เซียวต้ากุ้ยโดยพ่อแม่ของพวกเขาเอง ซึ่งเรื่องนี้ทำให้พวกเขาอึดอัดใจมาก ตัวเซียวต้ากุ้ยนอกจากจะไม่ได้เรื่องแล้วก็ยังไม่มีลูกชาย ซ้ำยังให้กำเนิดลูกสาวไร้ยางอายสองคน ส่วนตัวเองก็หายสาบสูญไปโดยไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย

หัวหน้าหมู่บ้านจ้องไปที่นางถังแล้วถอนหายใจ “นางถัง เจ้าว่าอย่างไร?”

นางถังที่ยังกลัวหัวหน้าหมู่บ้านอยู่ เสนอความคิดอย่างระมัดระวัง “ทำไมท่านไม่งัดประตูล่ะเจ้าคะ?”

งัดประตูงั้นเหรอ?

ไม่ได้เด็ดขาด เซียวหลีรีบเปิดประตู บ้านนี้สภาพโทรมจะแย่อยู่แล้ว ถ้าหากประตูโดนงัดอีกพวกนางคงถูกฝนสาดแน่ถ้ามีพายุเข้าแบบเมื่อคืนอีก

แอด...

ทุกคนจ้องมองไปที่ประตู เซียวหลีตกใจ นางไม่คิดว่าที่ลานบ้านจะเต็มไปด้วยผู้คนขนาดนี้

ช่างเป็นการแสดงที่น่าดูชมอะไรเช่นนี้

“อรุณสวัสดิ์ท่านลุงท่านป้า พวกท่านมารวมตัวกันที่นี่ทำไมเหรอ? น่าเสียดายที่บ้านของข้าไม่มีชาหรือข้าวดี ๆ เลย ข้าจึงทำได้แค่ออกมาทักทายเท่านั้น”

เซียวหลียิ้มและพยักหน้าทักทายทุกคนพลางมองไปรอบ ๆ ก่อนจะหันหลังไปหยิบม้านั่งมาขวางประตู ปิดประตูบ้าน จากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้หน้าประตูแล้วมองไปที่หัวหน้าหมู่บ้านด้วยสายตาที่ไร้เดียงสา นางคล้ายจะจำหน้าของผู้คนที่อยู่ที่นี่ได้ ดูเหมือนว่าความทรงจำส่วนใหญ่ของเจ้าของร่างจะกลับมาแล้ว

เซียวหลีนั่งไขว่ห้างกล่าวด้วยท่าทีหยอกเย้า “ว้าว ผู้คนมากมายมาที่บ้านของข้าเพื่อมาดูละครลิงกันสินะ? มา มา มา ท่านลุงใหญ่ท่านป้าใหญ่ ท่านลุงรองท่านป้ารอง แสดงละครลิงให้ดูหน่อย ลิงที่ไม่เต้นคือลิงที่ตายนะ”

*[1] ตั๊กแตนไปขวางรถ มาจาก 螳螂挡车 เป็นสำนวนจีน หมายถึง ทำอะไรเกินตัว หรือตรงกับสำนวนไทยที่ว่า เอาไม้ซีกงัดไม้ซุง

*[2] เอาไข่ไปทุบกับหิน มาจาก 鸡蛋碰石头 เป็นสำนวนจีน หมายถึง ทำอะไรเกินตัว ไม่รู้จักประเมินตนเอง เหมือนเอาไข่ที่เปราะบางไปทุบกับก้อนหิน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด