บทที่ 7 ซุ่มซ่าม
บทที่ 7
ซุ่มซ่าม
“ท่านลุงเหวินไฉ?”
เซียวหลีมองไปที่เขาอย่างสงสัย เซียวเป่าเอ๋อร์สงบเสงี่ยมลงมาราวกับเด็กที่ทำอะไรผิด เขาไม่กล้าที่จะมองตาของเซียวหลี “ท่านแม่ เป่าเอ๋อร์ผิดไปแล้วและจะไม่พูดถึงเขาอีกขอรับ”
“เหรอ?”
“เป่าเอ๋อร์จะไม่ไปหาท่านลุงเหวินไฉอีกแล้วขอรับ” เซียวเป่าเอ๋อร์กล่าวอย่างขลาดกลัว เขาไม่กล้าแม้แต่จะมองไปที่เซียวหลีที่กำลังจ้องมองมาที่เขาแล้วพูดออกมาอย่างระวังตัว “ท่านแม่ ท่านบอกว่าท่านยายหิวจนสลบไปใช่ไหม? ถ้าหากข้าป้อนน้ำท่านยายแล้วค่อยป้อนเนื้อทีหลัง ท่านยายจะฟื้นขึ้นมาใช่ไหม?”
มือเล็ก ๆ ที่ไม่รู้จะวางเอาไว้ตรงไหน เกากับกางเกงของเขา
ท่านลุงเหวินไฉงั้นเหรอ? เซียวหลีนึกออกได้แค่ลาง ๆ ว่ามีครูคนหนึ่งอยู่ในหมู่บ้านนี้ที่เหมือนจะมีความสัมพันธ์อะไรบางอย่างกับเจ้าของร่างนี้ หลังจากที่คิดเรื่องนี้มากเกินไปนางก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาจึงได้เลิกคิดไป ในเวลานี้นางควรจะต้มน้ำแกงไก่เสียก่อน ที่นี่มีทั้งคนแก่, คนอ่อนแอ และคนพิการจำเป็นต้องได้รับสารอาหาร
เมื่อนำไก่ลงไปในหม้อ นางให้เซียวเป่าเอ๋อร์เฝ้าดู น้ำแกงไก่อยู่ในห้องครัว แล้วเซียวหลีรีบบดสมุนไพรที่นางเก็บมาแล้วจากนั้นก็ไปหาหรงสวิน
หลังจากที่แตะหน้าผากของหรงสวิน และจับชีพจรของเขาเซียวหลียิ้มออกมาอย่างมั่นใจ ถึงแม้ว่าคนคนนี้จะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เขาก็ยังมีความต้องการที่จะเอาชีวิตรอดอย่างแรงกล้าอยู่ หากรวมกับวิชาแพทย์เฉพาะตัวของนางแล้ว จะต้องรักษาชีวิตของเขาได้แน่ นางจึงนำสมุนไพรมาทำแผลให้หรงสวิน
“อุว”
“ท่านยังรู้สึกเจ็บได้เช่นนี้ ท่านควรจะดีใจนะ”
เซียงหลีดึงเอาปิ่นเข็มเงินที่ปักอยู่ที่ขาของหรงสวินออก สัมผัสที่ต้นขาของเขาแล้วถาม “เป็นอย่างไรบ้าง? ตรงนี้รู้สึกอะไรบ้างไหม?”
หรงสวินตกตะลึง ผู้หญิงคนนี้สัมผัสที่ต้นขาของเขาโดยที่สีหน้าของนางไม่แดงและหัวใจก็ไม่เต้นเร็ว นางดูเฉยชามากหรือว่านางจะมีประสบการณ์กับผู้ชายมานับไม่ถ้วน?
“ทำไมท่านถึงได้จ้องเขม็งมาที่ข้าเช่นนี้? แล้วตรงนี้ล่ะ? ท่านมีความรู้สึกที่ก้นของท่านบ้างไหม? แล้วตรงเอวของท่านล่ะ?”
“อ๊ะ!” หรงสวินมองไปที่ผู้หญิงตรงหน้าเขา มือของนางนั้นมาถึงก้นของเขาแล้ว เขาต้องการที่จะขัดขืน แต่มือของเขาขยับไปตรงที่บาดเจ็บไม่ได้ ทำให้ได้แต่รู้สึกขนลุก
“ผู้หญิงคนนี้ ทำไมเจ้าถึงได้ไร้ยางอายเช่นนี้”
เซียวหลีรู้สึกถึงความไร้เหตุผลของชายหนุ่มที่ไม่รู้จักเข้าใจความหวังดีของผู้คน
นางรู้สึกได้ว่าผู้ชายคนนี้มีอาการเก่าร่วมกับอาการใหม่ และนางก็อยากที่จะรักษาขาของเขาไปพร้อมกัน แต่นึกไม่ถึงว่านอกจากเขาจะไม่สำนึกบุญคุณแล้วยังพูดจาเสีย ๆ หาย ๆ ใส่นางอีกต่างหาก
เซียวหลีลุกขึ้นยืนแล้วมองหรงสวินพลางกอดอก “ถ้าข้าเดาไม่ผิด ขาของท่านคงไม่ใช่แค่กระดูกหักเฉย ๆ แต่ดูท่าจะเดินไม่ได้มา 5-6 ปีแล้ว”
“ดูเหมือนว่าเจ้าพอจะมีวิชาแพทย์อยู่บ้างสินะ”
“และถ้าข้าเดาไม่ผิดท่านคงจะได้หมอที่มีความสามารถมารักษาให้ท่านนานแล้ว และดูเหมือนว่าท่านนั้นกำลังจะหายดีแล้ว แต่ท่านกลับถูกตามล่าโดยศัตรูของท่านเสียก่อน?”
หรงสวินพ่นลมออกทางจมูกออกมาอย่างเย็นชา นางพูดถูกแค่ครึ่งหนึ่ง ขาของเขารับรู้ความรู้สึกได้เพียงเล็กน้อยมา 5-6 ปีแล้ว
เซียวหลีจ้องไปที่ริมฝีปากของเขา ดูจากสีหน้าของเขาแล้ว นางคงเดาถูกแน่ ๆ
“ข้าสามารถรักษาขาให้ท่านได้ ขอเพียงสามเดือนท่านก็จะเดินเหินได้อย่างอิสระแล้ว”
หรงสวินเห็นความมั่นใจในดวงตาของนาง แต่เขารู้ดีอยู่แก่ใจ เป็นเวลานานหลายปีแล้วที่เขาไม่เคยนึกยอมแพ้ เขามองไปที่สีหน้าของเซียวหลีที่ดูเฉยชาแล้วกล่าว “ถ้าหากเจ้ามีความสามารถถึงขนาดนั้น ข้าก็จะขอบคุณมาก”
“เป็นธรรมชาติ ตรงไปตรงมา และกล้าหาญ ข้าชอบ” เซียวหลีไม่ใช่คนโง่ แม้แต่เซียวเยี่ยนยังมองออกว่าคนคนนี้จะต้องรวยมากแน่ ๆ และต่อให้ตาบอดก็มองออกว่าครอบครัวของนางนั้นยากจนมาก นางจึงอยากใช้วิชาแพทย์ของนางหาเงิน
“ถ้าหากท่านตกลง ข้าก็จะรักษาให้ท่าน แต่ท่านจะต้องปฏิบัติกับข้าเหมือนหมอคนหนึ่งไม่ใช่ผู้หญิง แล้วเวลาข้าถามอะไรก็ขอให้ท่านตอบมาตามตรง”
“ก็ได้”
“ตรงนั้นของท่านยังมีอาการโด่ทุกเช้าหรือไม่?” นางชี้ไปที่กล่องดวงใจของเขาแล้วถามโดยที่ใบหน้าไม่เปลี่ยนสีแม้แต่น้อย
“เจ้า....” ใบหน้าของหรงสวินแดงตั้งแต่ใบหน้าจนไปถึงคอ ผู้หญิงคนนี้ไม่มียางอายบ้างเลยหรือไง?
“เป็นอะไรไปอีก? ข้าแค่อยากจะรู้ถึงสภาพร่างกายของท่านเพื่อที่ข้าจะได้รักษาอาการได้ถูกต้อง” หลังจากนั้นเซียวหลีต้องการดูว่ามีอาการผิดปกติที่ต้นขาของเขาหรือไม่ แต่ หรงสวินอดทนต่อความเจ็บปวดที่แขนของเขาแล้วจับมือของเซียวหลีเอาไว้แล้วกล่าว “โอหัง”
เขาคิดว่าเซียวหลีอยากที่จะเห็นของของเขาจึงกล่าวว่า “ไปให้พ้น”
“เจ้า....” เซียวหลีพยายามที่จะไม่โกรธ “ข้าเป็นหมอก็แค่อยากดูอาการเท่านั้น ถ้าข้าไม่เห็นแล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าจะต้องใช้ยามากแค่ไหน จะได้ฝังเข็มถูกได้อย่างไร?”
“ผู้หญิงไร้ยางอาย ออกไปเดี๋ยวนี้”
ผู้หญิงคนนี้ช่างต่ำช้ายิ่งนัก ไม่แปลกใจเลยที่นางจะมีลูกก่อนที่จะแต่งงานเช่นนี้ ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก
เพียะ!
เซียวหลีตบไปที่หรงสวินด้วยหลังมือของนาง หรงสวินตกตะลึงและไร้คำพูด
“ข้าบอกท่านแล้วว่าข้าเป็นหมอ ข้าไม่สนเรื่องของผู้ชายผู้หญิงหรอก มีแค่เพียงหัวใจที่ดำมืดของท่านนั่นแหละที่คิดว่าข้าสกปรกน่ะ”
เซียวหลีโมโหมาจนไม่อยากที่จะมองหน้าเขาและหันหลังเดินหนีไป แต่ใครจะคิดว่าเท้าของนางจะเสียหลัก แล้วตัวนางก็ล้มลงไปในอ้อมแขนของหรงสวิน ยิ่งไปกว่านั้นยังสัมผัสใกล้ชิดกับหรงสวินแบบปากต่อปากอีกต่างหาก
ตาทั้งสองคู่ก็ได้ประสานกัน แล้วทั้งคู่ก็มีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อออกมา
“บ้า ๆๆ ...”
เซียวหลีรีบลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่าบ้าออกมาสามหน “บ้าที่สุด”
หรงสวินก็พูดอย่างโมโหเช่นกัน “ซุ่มซ่าม”
“เจ้า.....หาว่าข้าซุ่มซ่ามงั้นเหรอ? ถ้าไม่ใช่เพราะอาการบาดเจ็บสาหัสของท่าน ข้าคงไม่ต้องไปปีนเขาเพื่อไปหาสมุนไพรมาให้ท่านตามลำพังจนเกือบจะตกจากเขาตายหรอก? ถ้าท่านคิดว่าสมุนไพรของข้ามันสกปรกนัก ท่านก็แกะมันออกเองก็แล้วกัน แล้วก็ขอให้คนของท่านมารับท่านไปไว ๆ หน่อย คนที่สูงส่งอย่างท่านคงไม่อยากที่จะอยู่บ้านจน ๆ เช่นนี้หรอก”
เจ้าผู้ชายตัวเหม็น ทั้ง ๆ ที่คิดว่าน่าจะได้กำไรงามจากเขาแท้ ๆ นี่ถ้าไม่คิดว่าเขาบาดเจ็บหนักอยู่ นางคงจะไล่ตะเพิดเขาไปแล้ว นางพูดไปตั้งขนาดนั้นแล้วแต่ชายคนนี้ยังไม่เข้าใจแถมยังเลือดเย็นอีกต่างหาก
นางก้มหน้าลงมาแล้วจ้องมองไปที่หรงสวินด้วยสายตาที่เกรี้ยวกราดและคมดุจมีด แล้วพันคำพูดหมื่นคำจาก็ได้กลายเป็นหมัดน้อย ๆ ทุบเข้าไปยังหน้าอกของเขาอย่างรุนแรง “ด้วยกำปั้นเล็ก ๆ นี่หวังว่าจะช่วยฆ่าผีเลือดเย็นในใจของท่านได้บ้าง ฮึ”
.........
เมื่อเห็นนางที่เดินเขยกจากไป หรงสวินถึงกับตกตะลึง นี่นางทำตัวเองเจ็บขาเพื่อไปหาสมุนไพรมาให้เขาจริง ๆ เหรอ?
ผู้หญิงเนี่ยนะจะกล้าปีนขึ้นเขาไปคนเดียว นางจะทำเพื่อเขาขนาดนั้นจริง ๆ เหรอ? ยิ่งไปกว่านั้นอารมณ์ของนางก็ขึ้น ๆ ลง ๆ อีก นี่นางจะมาไม้ไหนกันแน่
หลังนางเดินจากไปหรงสวินก็เช็ดริมฝีปากของเขา และนึกถึงริมฝีปากอ่อนนุ่มและเหมือนจะหวานหน่อย ๆ ขณะที่คิดเช่นนั้นหรงสวินไม่เพียงแต่จะรู้สึกหนาวสั่นแต่ยังคิดว่าเขามีความคิดเช่นนี้ได้อย่างไร ต่อให้ผู้หญิงที่มีลูกยังไม่ได้แต่งงานคนนั้นจะใจดีถึงเพียงไหน เขาก็ไม่สามารถเข้าไปยุ่งกับนางได้นั่นคือความจริง เขาจะต้องไม่ปล่อยให้รูปโฉมของนางล่อลวงเขาได้เด็ดขาด
จ๊อกกกกก.....
หรงสวินนับไม่ได้เลยว่าท้องของเขาร้องมากี่หนแล้ว เขามองไปยังท้องฟ้าที่มืดดำและฝนที่ตกลงมา ชายหนุ่มเปิดปากออกแต่กลับไม่สามารถตะโกนออกไปได้ จึงทำได้แค่ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อไรนางจะนึกได้ว่าควรให้คนเจ็บทานอะไรบ้าง
ฟ้ายังไม่ทันจะขึ้นเซียวเป่าเอ๋อร์ก็เดินมาหาพร้อมกับน้ำแกงไก่
“ท่านลุงหรง นี่คือน้ำแกงไก่ที่ท่านแม่ให้ข้าเอามาให้ท่าน ท่านแม่บอกว่ากระดูกที่เสียหายของท่านต้องการสารอาหารไปรักษา”
ก็ยังดีที่มีอะไรให้ทานบ้าง แต่สิ่งที่เซียวเป่าเอ๋อร์พูดออกมาหรงสวินก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี อย่างผู้หญิงคนนั้นน่ะเหรอจะพูดเช่นนั้นออกมา?
“เป็นอย่างไรบ้าง? อร่อยไหม?”
เซียวเป่าเอ๋อร์ป้อนน้ำแกงเขาหนึ่งช้อน แล้วก็ตักเนื้อ ชิ้นดี ๆ ให้หรงสวินทาน
“รสชาติไม่ได้เรื่อง”
ใบหน้าเซียวเป่าเอ๋อร์มืดดำขึ้นมา ลุงหรงพูดไม่ไว้หน้าเขาแม้แต่น้อย ในสายตาของเซียวเป่าเอ๋อร์แล้ว นี่คืออาหารชั้นยอด
เขาจำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่าเขาไม่ได้ทานเนื้อมานานขนาดไหนแล้ว