ตอนที่แล้วบทที่ 49 ลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 51 เลิกหวังลมๆแล้งๆ

บทที่ 50 ปรับตัวได้


บทที่ 50

ปรับตัวได้

อาหารเที่ยงวันนี้เซียวหลียังได้คิดทำ หมูทอดราดซอสเปรี้ยวหวาน, ไก่อบขิง, ผัดผักกวางตุ้ง และแน่นอนว่าที่ขาดไม่ได้ต้มผักกาดขาว ซึ่งจริงๆแล้วคือไม่สามารถหาวัตถุดิบอย่างอื่นมาทำต้มจืดได้ในฤดูกาลนี้

นางหวังนั้นดีใจมาก นางได้เชิญเซียวเหวินไฉ, หรงสวินกับเยี่ยเหลียงเฉินมา และนางก็ได้บอกให้เซียวเหวินไฉนั้นไม่ต้องเกรงใจกินให้มากเท่าที่ต้องการเลย แล้วนางก็ได้บอกให้เซียวหลีนั้นนำอาหารของนางมาให้แล้วก็ได้กลับไปกินที่ห้องของตัวเอง

“ข้าได้ยินมาว่าคุณชายเซียวนั้นเป็นถึงบัณฑิตและเป็นคู่หมั้นของแม่นางเซียวหลีด้วยอย่างนั้นรึ?”

หรงสวินนั้นไม่ใช่คนที่ชอบซุบซิบนินทาก็จริง เพียงแต่ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนนั้นมันทำให้เขาสงสัยนัก ซึ่งเหตุผลหลักๆก็เป็นเพราะตัวเขานั้นนึกถึงเรื่องที่เยี่ยเหลียงเฉินพูดอยู่ในหัวตลอด ที่เขาบอกว่าเซียวหลีนั้นกำลังตามหาพ่อให้      เซียวเป่าเอ๋ออยู่ หรือว่านางนั้นต้องการที่จะหาผู้ชายคุยด้วยกันแน่ ในเมื่อตัวนางก็สามารถจัดการเรื่องของเสื้อผ้าและอาหารได้เองอยู่แล้ว ทำไมนางถึงยังอยากจะแต่งงานอีก?

แม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่ใบหน้าของเซียวเหวินไฉก็ได้แดงขึ้นมา

ที่โต๊ะอาหารนั้นไม่มีใครที่คาดคิดมาก่อนว่าหรงสวินจะเป็นคนที่ชอบซุบซิบนินทาด้วย และถามคำถามที่น่าอายเช่นนี้ออกมา เซียวเป่าเอ๋อก็ได้ทำเป็นหูทวนลมและทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยโดยที่ไม่ตอบคำถามและกล่าว “อร่อยมากเลย อาหารที่ท่านแม่ทำอร่อยจริงๆเลย”

“เป็นเช่นนั้นจริงๆ” เซียวเยี่ยนก็ได้ตอบคำถามของหรงสวิน

หรงสวินก็ได้พูดต่อ “พวกเจ้าทั้งสองคนเข้าทุ่งแตงโมใต้ลูกพลัมด้วยกัน พวกเจ้าจะไม่สนิทกันเกินไปหน่อยเหรอ?” เขามองไปที่เหวินไฉตรงๆ และอยากที่จะเห็นจุดผิดสังเกตบนใบหน้าของเขา

เซียวหลีนั้นไม่รู้ว่าหรงสวินนั้นคิดจะทำอะไรอยู่ นางจึงได้คีบเอาผักกวางตุ้งและส่งให้หรงสวินด้วยตะเกียบในมือของนาง “คุณชาย ทานข้าวเถอะเจ้าค่ะ” นางใส่แรงลงไปในตะเกียบไปไม่น้อยเลย ยังดีที่นางไม่ได้ทำตะเกียบแตก

หรงสวินก็ได้หัวเราะออกมา ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ราวกับว่าเขาไม่ได้ถามอะไรเมื่อครู่ขึ้นมา “ฮึๆ วันนี้ช่างสดชื่นนัก ผัดไก่นี่ก็ไม่เลวรสชาติดีจริงๆ”

“ถ้าอร่อยก็กินเยอะๆ” เซียวหลีก็ได้ยิ้ม แล้วตาของนางก็ได้ประสานเข้ากับตาของหรงสวินราวกับจะบอกว่า: ไม่พูดก็ไม่มีใครคิดว่าเป็นใบ้หรอก

ในขณะเดียวกันเซียวเหวินไฉนั้นก็รู้สึกเขินอายอย่างมาก และถือชามอยู่อย่างนั้นราวกับเขารู้ตัวว่าจะต้องกินแต่ก็ไม่กล้ากินอยู่ดี

เซียวหลีนั้นรู้ดีว่าหน้าของเซียวเหวินไฉนั้นบางมากเพียงใด นางจึงได้คีบเอาขาไก่ชิ้นที่ดีที่สุดให้กับเขา เซียวเป่ามองดูขาไก่ชิ้นนั้นลงไปในชามของเซียวเหวินไฉแล้ว                     เขาอ้าปากค้างอยู่สักพักใหญ่ก่อนที่จะได้สติกลับมาแล้วกินต่อ

“พี่เหวินไฉทำตัวสบายเหมือนอยู่ที่บ้านก็ได้นะ ไม่ต้องอาย”

เซียวเหวินไฉก็ได้ผงกหัว ครั้งหนึ่งเขามัวแต่กังวลเรื่องหน้าของเขามากเกินไปจนพลาดโอกาสที่จะเข้าหาเซียวหลีเป็นเวลาหลายปี ในเวลานี้เซียวหลีนั้นไม่หลบหน้าเขาแล้ว เขาเองก็ไม่ควรมามัวแต่เขินอายเช่นนี้แล้วมารู้สึกเสียดายทีหลัง

เซียวหลีดูเขาที่เริ่มลงมือกิน แล้วจากนั้นก็ได้ถามว่ารสชาติเป็นอย่างไรบ้าง ทั้งสองคนนั้นก็ได้ถามคำตอบคำแต่ก็ดูสนิทสนมกันดี ซึ่งทำได้ทำให้หรงสวินนั้นรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา

“ไก่ชิ้นนี้มันอะไรกันเนี่ย? ข้าเคี้ยวไม่ได้เลย” หรงสวินก็ได้วางตะเกียบของตัวเองลง

แล้วผู้คนที่โต๊ะอาหารต่างก็พากันตกตะลึงไปชั่วขณะ เยี่ยเหลียงเฉินจึงได้รีบกลืนอาหารของตัวเองแล้วรีบคุ้ยเขี่ยหาและคีบเอาเนื้อที่นุ่มที่สุดให้หรงสวิน “ลองชิ้นนี้ดูไหมขอรับ?”

หรงสวินก็ได้กล่าวอย่างไม่พอใจ “ไม่อร่อย” หลังจากนั้นเขาก็ได้มองไปที่เซียวหลี “ตอนนี้ข้ารู้สึกปวดหลังแล้ว เจ้ามานวดให้ข้าตอนนี้เลย”

จู่ๆชายคนนี้ก็เป็นผีบ้าอะไรขึ้นมาอีก? ตอนนี้เพิ่งจะตอนเที่ยง นางทำงานมาตลอดทั้งเช้ายังไม่ได้พักเลย ในขณะที่เขาอยู่บ้านเฉยๆกลับบ่นปวดหลัง

เซียวเยี่ยนมองดูท่าทีของเขาแล้ว ก็ได้รีบตักกับข้าวใส่ชามข้าวของนางและคิดที่จะหนีไปก่อน ในขณะเดียวกัน         เซียวเป่าเอ๋อเองก็รู้สึกอย่างเดียวกัน และได้ทำแบบเดียวกันกับเซียวเยี่ยนและถอนตัวออกจากสนามรบโดยพลัน

เยี่ยเหลียงเฉินก็ได้มองดูรอบๆแล้วพบว่าคนอื่นๆนั้นได้พากันถือชามข้าวของตัวเองหนีไปแล้ว เขาจึงได้รู้แจ้งขึ้นมาและปลีกตัวไปอย่างเงียบๆเช่นกัน

ในเวลานี้เหลืออยู่เพียงเซียวเหวินไฉ หรงสวินและ      เซียวหลีที่ยังอยู่ที่โต๊ะอาหาร

“คุณชายที่เคารพ ข้ามีหน้าที่รักษาอาการที่ขาของท่านเท่านั้น ไม่ใช่สาวใช้ของท่าน ถ้าหากว่าท่านรู้สึกว่าลำบากขนาดนั้นท่านก็ควรจะจ่ายเงินไปจ้างคนมาเป็นแม่นม....เอิ่มมาเป็นสาวใช้คอยดูแลท่านนะ”

“ข้าจ้างเจ้าได้ไหม?”

วันนี้ต่างจากวันก่อนๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าชายที่ครั้งหนึ่งนางเคยชอบ อยากจะรู้จังว่านางจะยอมทิ้งศักดิ์ศรีของนางเพื่อเงินได้ไหม?

“20 ตำลึงทองต่อเดือนว่ายังไง?”

เซียวหลีก็ได้กระแอมสองหนก่อนจะตอบ “ตกลง”

“อาหลี....” เซียวเหวินไฉก็ได้ลุกขึ้นยืน แล้วก็ได้ก้มหัวให้หรงสวินอย่างสุภาพ แล้วกลับมายืนตรงและกล่าว “คุณชาย อาหลีรักษาให้ท่านแล้ว ไยท่านถึงต้องรบกวนนางอีก”

หรงสวินก็ได้มองไปที่เซียวเหวินไฉอย่างประหลาดใจและกล่าว “มันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับนางกับการนวดแลกเงิน 20 ตำลึงทองทุกเดือน? แล้วเจ้าน่ะสามารถหาได้ 20 ตำลึงทองต่อปีหรือเปล่า?”

“ท่าน....” ตัวเขานั้นหาได้แค่ 5-6 ตำลึงเงินต่อปีเท่านั้นเอง ซึ่งมากกว่าคนธรรมดาทั่วไปแค่ 1-2 ตำลึงเงินเท่านั้น นับประสาอะไรกับ 20 ตำลึงทอง?

เซียวหลีก็ได้ตบไหล่เซียวเหวินไฉแล้วยิ้มหวานให้เขา “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ลูกผู้ชายนั้นควรที่จะยืดได้หดได้ แล้วก็อีกอย่างข้าไม่ได้บังคับให้ขายตัวเสียหน่อย”

เซียวเหวินไฉก็ได้หน้าแดงเป็นลูกแอปเปิล ตอนแรกที่เขาพูดเช่นนั้นเพราะกลัวเซียวหลีนั้นไม่อยากที่จะฉุดรั้งเขาและหลบเลี่ยงเขาอีก แต่ในเวลานี้เขาเริ่มรู้สึกตัวว่าบางทีตัวเขาอาจจะไม่คู่ควรกับนางเลยแม้แต่น้อย

รายได้ 20 ตำลึงทองต่อเดือน พอไปมองดูที่โต๊ะอาหารแล้ว ข้าวขาวๆอวบๆ, เนื้อติดมัน, เกลือที่เพียงพอทั้งหมดนี้ได้บอกเขาว่าตัวเขานั้นไม่คู่ควรกับเซียวหลีอีกแล้ว

เซียวหลีก็ได้มองไปที่หรงสวิน “ตกลงตามนั้น คุณชายผู้สูงศักดิ์ของข้า”

โดยที่ไม่ต้องพูดออกมาตรงๆ เจ้าช่างมีความสามารถจริงๆ ที่สามารถรังแกบัณฑิตอ่อนแอคนนี้ได้

“เป่าเอ๋อ....”

ข้างนอกรั้ว ก็ได้มีเสียงเด็กหนุ่มตะโกนขึ้นมา แล้ว      เซียวเป่าเอ๋อก็ได้รีบวิ่งออกไปนอกบ้าน “พี่เอ้อหู่”

เซียวหลีเองก็ได้ยินจึงได้ออกไปดู แล้วก็พบว่าเป็นเอ้อหู่กับหลานฮวา และยังมีเหล่าเด็กๆอีกจำนวนหนึ่งที่ไปรวบรวมของเหล่านี้มาจากบ้านของตัวเอง

“เป่าเอ๋อ พวกนี้คือเปลือกถั่ว, ผักเน่า, และ....มูลที่แม่เจ้าอยากได้” เอ้อหู่กล่าวและปิดจมูกของเขา หลานฮวาก็ได้ยิ้มแย้มขณะที่ปิดจมูกอยู่เช่นกัน

เซียวเป่าเอ๋อก็ได้มีสีหน้าเขินๆเล็กน้อย แต่นี้เป็นสิ่งที่แม่เขาสั่งไว้จริงๆ ซึ่งพอเขาหันกลับไปก็พบเซียวหลีกำลังเดินมาพอดี และกล่าวกับเซียวหลี “แม่ขอรับ พวกเขาเอาขยะมาแลก 1 ชั่ง 1 อีแปะแล้วขอรับ”

“ดีๆ ขอบใจมากนะ พวกเด็กๆ” เซียวหลีก็ได้เดินเข้ามาแล้วยิ้มให้กับเอ้อหู่จื่อ ซึ่งคำพูดนี้ของเซียวหลีได้ทำให้เอ้อหู่นั้นถึงกับหน้าแดงขึ้นมา

“พี่เอ้อหู่ ทำไมพี่ถึงได้หน้าแดงล่ะเจ้าคะ?” หลานฮวานั้นเป็นคนแรกที่เห็นจึงได้ถามขึ้นมาและกะพริบดวงตากลมโตของนาง

เอ้อหู่ก็ได้ถลึงตาใส่หลานฮวา แล้วก็ได้ทำเป็นกระแอมและกล่าวออกมาอย่างไร้ซึ่งความกลัวใดๆ “ข้าก็แค่รู้สึกร้อนนิดหน่อยเท่านั้นน่ะ”

หลานฮวาก็ได้รู้สึกงุนงง มันร้อนตรงไหนกัน? นางจึงได้หันกลับไปมองเฉียงจื่อและพรรคพวก ก็พบว่าพวกเขาที่ถือพวกขยะมานั้นไม่ได้หน้าแดงกันเลยสักคน

เฉียงจื่อก็ได้มองไปที่เงินอย่างไม่เชื่อสายตาแล้วมองไปที่เซียวหลี “แม่ของเป่าเอ๋อขอรับ ทำไมท่านถึงได้ยอมจ่ายเงินให้กับของเสียเหล่านี้ล่ะขอรับ” เขาถามอย่างไม่เข้าใจ

เอ้อหู่ก็ได้มองไปที่เซียวหลี “อืม ถ้ายอมจ่ายเงินให้ก็หมายความว่าของพวกนี้มีค่าสินะขอรับ

เซียวหลีก็ได้ผงกหัว “มันก็ต้องมีค่าน่ะสิ”

หรงสวินกับเสี่ยวเหวินไฉเองก็ได้ตามนางออกมาดู หรงสวินก็ได้พบว่ามันเป็นเรื่องบ้ามากๆ หรือว่านางจะเป็นบ้าอย่างที่คนเขาพูดกันจริงๆ ตัวเขานั้นเดาไม่ออกว่าเลยว่าอีกฝ่ายนั้นคิดจะทำอะไร

ถึงแม้ว่าเซียวเหวินไฉนั้นจะสงสัย แต่เขาก็รู้สึกว่า       เซียวหลีที่จริงจังนั้นสวยงามและน่าประทับใจมากที่สุดแล้ว ไม่ต้องพูดถึงว่าไม่ว่าโชคชะตาของเขากับนางจะเป็นเช่นไร ตัวเขานั้นก็อยากที่จะให้นางมีความสุข

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด