บทที่ 5 หนึ่งตำลึงเงิน
บทที่ 5
หนึ่งตำลึงเงิน
“ท่านลุง ท่านแม่บอกว่าอย่าลืมค่ารักษาด้วยล่ะ?”
“แต่เงินทั้งหมดที่ข้ามีได้ให้ป้าของเจ้าช่วยข้าไปตามหมอแล้ว ดังนั้นเรื่องที่ข้าจะจ่ายให้ได้หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าข้าจะมีชีวิตรอดหรือไม่ล่ะนะ” หรงสวินรู้สึกช่วยไม่ได้ ในเวลานี้ศัตรูยังคงตามล่าเขาอยู่ แล้วคนที่ชื่อเซียวเยี่ยนนั้นก็ไม่รู้ว่าจะช่วยเขาติดต่อกับคนของเขาให้ได้ด้วยหรือไม่
“อ้าว ท่านคิดที่จะโกงท่านแม่งั้นเหรอ? ทั้ง ๆ ....ที่ท่านแม่ของข้าช่วยท่านมาจากคูน้ำทางตะวันออก แล้วยังต้องเกือบเอาชีวิตไม่รอดจากการต่อสู้กับคนอื่นเพื่อท่าน แล้วตอนนี้นางยังรักษาแผลให้ท่านโดยไม่สนเรื่องของความต่างชายหญิงอีก ท่านช่างเป็นคนที่อกตัญญูจริง ๆ ....” เซียวเป่าเอ๋อร์พูดอย่างโมโหแล้วก็ตบลงไปที่แผลของหรงสวิน ทำให้หรงสวินร้องด้วยความเจ็บปวด
“ฮึ่ม พูดก็พูดเถอะ แม้แต่ท่านป้ายังเชื่อว่าท่านเป็นคุณชายที่สูงส่งจะต้องตอบแทนอย่างแน่นอน” เซียวเป่าเอ๋อร์ส่ายหัวของเขา ช่างไม่คุ้มค่ากับที่ท่านแม่ของเขาลงทุนไปเหลือเกิน
“นี่เจ้าหนู อย่าไร้เหตุผลหน่อยเลยน่า” หลังจากที่พูดเช่นนั้น หรงสวินก็หยุดพูดต่อทันที เหมือนกับว่ามีคนบอกเขาว่าอย่าได้เป็นคุณชายหรงที่ไร้เหตุผล
“ถ้าหากข้าไม่ได้เงินจากท่านนะ ท่านแม่คงได้ดูถูกข้าอย่างแน่นอน”
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เซียวเป่าเอ๋อร์รู้สึกได้ว่าแม่ของเขาฉลาดกว่าเขาขึ้นมา เมื่อใดกันที่เขาพ่ายแพ้ให้ท่านแม่? เขาจะต้องไม่แพ้ท่านแม่เด็ดขาด
หรงสวินก็ได้มองไปที่ใบหน้าที่จริงจังของเซียวเป่าเอ๋อร์แล้วก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาชั่วขณะหนึ่ง เขาจึงได้พูดล้อเล่น “เมื่อสักครู่เจ้าถามข้าเรื่องของค่ารักษาใช่ไหม? แล้วเจ้าคิดที่จะเก็บค่ารักษาจากข้าเท่าไรล่ะ?”
“คือว่า.....” เซียวเป่าเอ๋อร์จับหัวน้อย ๆ ของเขา ทำไมจู่ ๆ วันนี้ท่านแม่ของเขาถึงได้ฉลาดกว่าเขานะ? แล้วยังมีคุณลุงหน้าหล่อที่เก็บมาจากคูน้ำก็ดูเหมือนจะฉลาดกว่าเขาอีก?
หรงสวินถอนหายใจ เขาหลับตาลงแล้วกล่าวออกมาอย่างไม่ใส่ใจ “ข้าก็แค่เตือนเจ้า” ในระหว่างที่กำลังพูดเขาก็เงยหน้ามามองเซียวเป่าเอ๋อร์ เมื่อเห็นว่าเขาทำสีหน้าที่จริงจังมากและรอว่าเขาจะพูดอะไรต่อมา เขาจึงได้พูดต่อ “เอาไว้เจ้าค่อยถามแม่ของเจ้าก็ได้ นางจะต้องรู้”
เซียวเป่าเอ๋อร์กลอกตาของเขาแล้วคิด ถามท่านแม่งั้นเหรอ? ไม่ใช่เป็นการบอกท่านแม่ว่าเขาไม่สามารถเก็บค่ารักษาได้หากปราศจากท่านแม่เหรอ
แล้วเขาก็นึกได้ว่าคนคนนี้ทำได้แค่นอนอยู่กับพื้นเช่นนี้ “ท่านแม่บอกให้ข้าคอยเฝ้าท่านไว้นี่เอง ท่านแม่คงจะกลัวว่าท่านจะตายแน่ ๆ เมื่อถึงตอนนั้นครอบครัวของข้าคงจะได้ถูกจับแน่ ๆ เฮ้อ ช่างซวยซ้ำซวยซ้อนอะไรแบบนี้ ในแผ่นดินนี้แค่จะช่วยใครสักคนก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ไล่ครอบครัวของข้าออกไปได้แล้วและเกือบทำให้แม่ของข้าต้องตายด้วย”
เมื่อพูดออกมาเช่นนี้แล้ว เซียวเป่าเอ๋อร์มองไปที่หรงสวินแล้วพบว่าเขากำลังผงกหัวอย่างครุ่นคิดแต่ก็ไม่ได้สนใจที่จะถามอะไร ได้แต่ถอนหายใจออกมาแล้วพูดพึมพำ “ท่านเนี่ยไม่รู้จักว่าอะไรคือตอบแทนบุญคุณและอะไรคือตอบแทนช่วยชีวิตบ้างรึไงนะ? ท่านแม่นะท่านแม่ ดูเหมือนว่าท่านจะเสี่ยงชีวิตจากการถูกตีจนตายเพื่อช่วยหมาป่าตาขาว 9 ชีวิตมาเสียแล้ว”
เป็นเด็กที่น่าสนใจที่รู้จักการเล่นคำเสียด้วย ไม่เหมือนกับเด็กจน ๆ ทั่วไป ทั้ง ๆ ที่ดูแล้วเด็กคนนี้ก็น่าจะจนมากแท้ ๆ จึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา “ดูเหมือนเจ้าจะรู้จักคำเยอะแยะ เจ้าเคยเรียนหนังสือมาก่อนอย่างนั้นเหรอ?”
ครอบครัวนี้ช่างแปลกนัก เห็นได้ชัดว่าสองแม่ลูกนั่นแต่ตัวปอน ๆ มาก เซียวเยี่ยนจะสวมชุดเสื้อผ้าสีฉูดฉาดถึงแม้ว่าจะเป็นเสื้อผ้าเก่า ๆ ทั้งหมดก็เถอะ แต่....
เขามองไปที่ปิ่นปักผมเงินที่เสียรูปไปและวางอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้งหลังจากที่ถูกใช้แทนเข็มเงิน ยิ่งทำให้เขารู้สึกสงสัยมากยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งเห็นได้ชัดว่าที่นี่จนมากแท้ ๆ แต่กลับมีปิ่นปักผมเงินที่มีราคาค่างวดมากมาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะใช้ซื้อเสื้อผ้าใหม่ได้มากมายเลย สามารถทำให้ครอบครัวบ้านนอกเช่นนี้อยู่ได้อย่างสบาย ๆ ไป 2-3 ปีเลยด้วยซ้ำ
“ก็เรียนบ้าง แต่ว่า.....” เซียวเป่าเอ๋อร์ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “แต่ท่านแม่ไม่อยากให้ข้าไปเรียนหนังสือน่ะ”
“ทำไมล่ะ? เพราะว่าไม่มีเงินเหรอ?”
เซียวเป่าเอ๋อร์จ้องไปที่หรงสวินพร้อมตอบ “ท่านเองก็จะดูถูกครอบครัวจน ๆ ของข้างั้นเหรอ?”
หรงสวินเงียบไป แล้วเซียวเป่าเอ๋อร์ก็ได้กล่าวต่อ “ท่านลุงเหวินไฉนั้นเป็นคนที่ฉลาดรอบรู้มาก เขาไม่เก็บค่าเรียนจากข้าด้วยซ้ำและยังใจดีกับข้ามากด้วย ข้าชอบเขามาก แต่ท่านแม่กลับปฏิเสธไม่ยอมให้ข้าไปเรียนจากเขาน่ะ”
“ดังนั้นเจ้าจึงแอบไปเรียนหนังสือมาจากท่าน ลุงเหวินไฉของเจ้าลับหลังแม่ของเจ้าสินะ?”
“อ๊ะ!” เซียวเป่าเอ๋อร์เพิ่งจะรู้สึกตัว เขาได้ปิดปากของเขาด้วยมือน้อย ๆ นั่น และไม่คิดเปิดเผยความลับใด ๆ ออกมาอีก
“ไม่ต้องกังวลไปหรอก ข้าไม่ทรยศเจ้าหรอกน่า ตราบเท่าที่เจ้าไม่พูดเรื่องค่ารักษากับข้าล่ะนะ” เขาคิดหยอกสนุก ๆ เท่านั้น แต่เขากลับรู้สึกง่วงจริง ๆ และหาวออกมา “ในเมื่อแม่ของเจ้าบอกให้เจ้าคอยดูแลข้า ก็คอยดูข้าให้ดีก็แล้วกันอย่าให้ใครมากวน ขอนอนก่อน”
หลังจากที่พูดจบหรงสวินก็ได้หลับตาของเขาลง ราวกับกำลังจะหลับ
เซียวเป่าเอ๋อร์บ่นพึมพำออกมา “เจ้าหมาป่าตาขาว ถ้าหากท่านไม่จ่ายค่ารักษาล่ะก็ ข้าขอให้ท่านเป็นอัมพาตครึ่งซีกและด้วนไปตลอดชีวิต”
หรงสวินขมวดคิ้ว รู้สึกมีความเศร้าสลดไหลทะลักออกมาจากหัวใจของเขา...
ขาของเขา...
ขาของเขาพิการไปตั้งนานแล้วแท้ ๆ แต่คนพวกนั้นก็ยังไม่ยอมปล่อยเขาไป พวกนั้นต้องการที่จะฆ่าเขาให้ตาย แต่เขาก็ยังไม่ตายตราบเท่าที่เขายังมีชีวิตอยู่ เขาจะไม่ยอมโดนรังแกง่าย ๆ แน่
“ข้าจะจ่ายให้ 1 ตำลึงเงิน” หลังจากที่พูดจบเขาก็หันหัวไปอีกด้านแล้วก็เริ่มหายใจอย่างสม่ำเสมอ
เซียวเป่าเอ๋อร์รู้สึกถึงความช่วยไม่ได้ของหรงสวินจึงได้ไม่พูดอะไรต่อ 1 ตำลึงเงิน ก็คือ 100 อีแปะ...
ไม่เลว ในอดีตเขาขายถ่าน, ขายสมุนไพรและช่วยคนอื่น ๆ ทำงานพร้อมกับแม่ของเขายังได้ไม่ถึง 10 อีแปะต่อวัน แต่นี่ครั้งเดียวกลับได้ตั้ง 100 อีแปะ ถึงจะคิดว่าน่าจะได้มากกว่านี้ก็เถอะ
เขาจึงได้หันหน้าไปมองหรงสวินที่นอนอยู่เงียบ ๆ และคิดว่าคนคนนี้ก็หน้าตาไม่เลวเหมือนกัน มันจะดีแค่ไหนถ้าเขาหน้าตาดีอย่างนี้บ้าง?
เมื่อคิดเช่นนี้เซียวเป่าเอ๋อร์ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียดายขึ้นมา ถ้าหากว่าคนตรงหน้าเขานี้เป็นพ่อของเขา มันคงจะดีมากเลย
ในเวลานี้แม่ของเขาก็นิสัยดีขึ้นมาก แต่ทว่านางนั้นเหมือนจะหลงลืมอะไรไปมากมาย เกรงว่าถามนางไปก็คงเท่านั้น
ถ้าถามว่าเขาอยากจะทำอะไร ในเมื่อตัวเขาไม่รู้ว่าพ่อของเขาคือใคร บางทีมันอาจจะดีกว่าถ้าเขาจะตามหาพ่อของเขา?
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ถ้าคนที่อยู่ตรงหน้าเขานิสัยไม่ได้แย่มากนัก เขาก็อยากที่จะให้คนคนนี้ช่วยทำตามแผนบ้า ๆ ของเขา
ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่เซียวเป่าเอ๋อร์เผลอหลับไป เขาฝันว่าขาของหรงสวินนั้นหายดีแล้วและร่างกายก็เป็นปกติดี หรงสวินกับแม่ของเขาช่วยเขาส่งว่าวขึ้นสู่ท้องฟ้า ครอบครัวสามคนมีเวลาที่ดีร่วมกัน และพวกเขาหัวเราะร่วมกันอย่างมีความสุขในฝันของเขา
หรงสวินนั้นเจ็บปวดมากเกินรับไหว เมื่อเขาตื่นขึ้นมาก็พบเซียวเป่าเอ๋อร์ที่นอนหัวเราะคิกคักอยู่ข้างเตียงของเขาทำให้เขารู้สึกอบอุ่นแปลก ๆ จึงได้เอานิ้วจิ้มเซียวเป่าเอ๋อร์อย่างไม่พอใจ “นี่ เจ้ากำลังฝันถึงอะไรอร่อย ๆ อยู่รึไง?”
เซียวเป่าเอ๋อร์สะดุ้งตื่น เขาขยี้ตาแล้วมองไปที่หรงสวินที่มีสีหน้าที่ดูเหนื่อย ทำให้เขารู้สึกผิดหวังขึ้นมา ทำไมคนคนนี้ถึงไม่ใช่ชายที่ดูบึกบึนและอ่อนโยนเหมือนอย่างในฝันของเขานะ?
“คนที่นี่หายไปไหนหมด ตายกันหมดแล้วรึไง?”
หรงสวินเอามือจับหน้าผากของเขา รู้สึกวิงเวียนจึงได้บ่นพึมพำขึ้นมา หัวใจของเขาเต้นเร็วมากขึ้นเรื่อย ๆ ครอบครัวนี้พึ่งพาอะไรไม่ได้เลย ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเห็นเซียวเป่าเอ๋อร์หลับปุ๋ยอยู่ตรงนี้หลังจากที่เขาฟื้น เขาก็คงคิดว่าตัวเขานั้นถูกหลอกแล้ว
“ท่านลุง ข้าว่าท่านควรจะหัดสำรวมปากของท่านบ้างนะ ถ้าไม่ใช่เพราะท่านแม่ของข้าช่วยท่านไว้ ท่านก็คงจะตายไปนานแล้วไม่ได้มานอนบนเตียงแล้วนินทาคนอื่นแบบนี้หรอก?”
เซียวเป่าเอ๋อร์เอนตัวพิงกับมุมห้องอีกครั้งแล้วกล่าวอย่างไม่พอใจ เขาคิดว่าท่านป้าป่านนี้ยังไม่กลับมา นางคงไปเข้าบ่อนอีกแน่ ๆ เมื่อคิดเช่นนี้เซียวเป่าเอ๋อร์ก็รู้สึกเกลียดเหล็กกลายเป็นเหล็กกล้าไม่ได้ขึ้นมา แล้วชกมือขวาเขาที่มือซ้ายของเขา
แม่ของเขาเองก็ยังไม่กลับมาเลย และท่านยายเองก็ไม่มาหาเลยเช่นกัน หรือว่า.....
เมื่อคิดได้เช่นนี้เซียวเป่าเอ๋อร์ก็กระโดดลงมาแล้วรีบวิ่งออกไปที่ห้องโถงแล้วตะโกน “ท่านแม่ ท่านยาย.....”
“นี่เจ้าหนู! ช่วยไปบอกพวกผู้ใหญ่ให้ไปพาหมอมาให้ข้าหน่อย”
แต่ทว่าร่างน้อย ๆ นั่นก็ไม่ได้เหลียวมองกลับมามองหรือว่าตอบอะไรเขาเลย
“ปัดโธ่เว้ย!”
หรงสวินก็ได้สบถออกมา เขารู้สึกคิดผิดที่ไปเชื่อครอบครัวจน ๆ เช่นนี้ โดยเฉพาะเซียวหลีที่ปากจัดคนนั้นน่ารังเกียจสุด ๆ เขาอยากที่จะหนีไปจากหายนะนี้แต่แล้วเขาก็ได้สลบไปอีกครั้ง