บทที่ 49 ลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทน
บทที่ 49
ลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทน
“เป่าเอ๋อของข้ามีไฟแล้ว วันใดที่เจ้าไปสอบจอหงวน ป้าจะตามเข้าไปให้กำลังใจด้วย” เซียวเยี่ยนนั้นรักเซียวเป่าเอ๋อจากใจของนางจริงๆ นางนั้นรู้สึกเป็นปลื้มมากที่เห็นเขาขยันขนาดนี้
เซียวเป่าเอ๋อก็ได้ทำเสียงอื้มในลำคอตอบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แม่ของเขานั้นก็มักเตือนให้เขาให้คอยดูแลตัวเองให้ดีและออกไปเล่นกับเพื่อนบ้าง ซึ่งเขาก็ยินดีที่จะออกไปเล่นกับเหล่าเพื่อนตัวน้อยของเขา ซึ่งมันก็สนุกดีแต่เขาคิดว่ามันอาจจะส่งผลเสียกับการเรียนของเขาได้
มันเป็นการดีกว่าที่จะตามแม่ของเขา, เรียนและถามท่านลุงเหวินไฉได้ทุกเมื่อด้วย เรียกได้ว่าฆ่านกสามตัวด้วยหินเพียงก้อนเดียว ทำไมเขาจะไม่มาล่ะ
ในขณะที่เซียวเป่าเอ๋อกำลังอ่านหนังสือ เซียวหลีก็ได้โปรยข้าวเปลือกบดและโปรยเมล็ดข้าวลงไป
เซียวเยี่ยนที่ตั้งใจว่าจะมาช่วยงานในวันนี้ ก็ได้พบว่านางนั้นไม่ต้องการให้นางช่วยแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นนาของเซียวหลีนั้นก็เป็นนาน้ำและไม่ได้เป็นดินแห้งเหมือนอย่างวิธีดั้งเดิม ทำให้นางไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย ด้วยความเบื่อนางจึงได้ไปอ่านหนังสือกับเซียวเป่าเอ๋อ
เซียวหังนั้นเดิมทีก็เป็นนักวิชาการ ในตอนที่นางยังเด็กนางเองก็ได้เรียนตัวหนังสือจากพ่อของนางมาบ้าง ต่อมาตอนที่นางอยู่ในเมืองหลวง ที่นั่นนางก็ได้เรียนร้องเพลงและเต้นรำ, พิณ, หมาก, บทกวีและงานศิลป์อย่างไม่มีปัญหา แต่น่าเสียดายที่คณิกาก็เป็นได้แค่นางคณิกาอยู่วันยังค่ำ ตัวนางนั้นไม่สามารถเปลี่ยนชะตากรรมของนางได้ หากโชคดีพอนางก็อาจจะได้เป็นอนุภรรยา แต่นางนั้นโชคร้ายที่เป็นโรคและต้องตกต่ำลงมาถึงจุดนี้
“อาหลี เจ้าบอกว่าเจ้าอยากจะปลูกข้าวสองหนอย่างนั้นเหรอ? สู้ปลูกข้าวโพดไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ? ทำไมเจ้าถึงยังคิดว่าจำเป็นที่จะต้องปลูกข้าวสองหนด้วย?” เซียวเหวินไฉที่ทำตามที่เซียวหลีบอกมาตลอดนั้น พวกเขาก็ได้ทำการโปรยเมล็ดข้าว โปรยเมล็ดข้าวโพด, ปลูกแตงกวาและเมล็ดฟักทอง แล้วโปรยผักกาดลงไปบ้างและหัวไชเท้าลงไปในดิน ซึ่งกว่าจะเสร็จก็เที่ยง
เซียวหลีก็ได้ล้างมือของนางในคูน้ำและปัดฝุ่นตามตัวของนาง ก่อนจะกล่าว “เอาเป็นว่าเราจะได้รับผลตอบแทนสมกับที่ลงทุนแน่นอน เมื่อใดที่ฤดูเก็บเกี่ยวมาถึงเจ้าก็จะเข้าใจเองว่าความเหน็ดเหนื่อยและความยากลำบากในวันนี้ เจ้าจะได้รับผลตอบแทนอย่างเหมาะสมในวันข้างหน้าแน่นอน”
เซียวเหวินไฉก็ได้ยิ้มขึ้นมา ยิ่งเขามองมากเท่าไร เขาก็ยิ่งคิดว่าเซียวหลีงดงามมากขึ้น และคิดว่าทุกอย่างที่นางพูดมานั้นถูกต้อง
“เจ้าอยู่คนเดียวนี่นา ทำไมวันนี้เจ้าไม่มาที่บ้านของข้าแล้วกินข้าวเที่ยงด้วยกันล่ะ?”
“ไปที่บ้านเจ้าเพื่อกินข้าวด้วยกัน?”
เซียวเหวินไฉนั้นไม่อยากที่จะเชื่อหูตัวเอง ต้องใช้เวลาอยู่นานมากกว่าที่เขาจะตั้งสติกลับมาได้ “ปะ ไปได้จริงๆเหรอ?”
เซียวหลีก็ได้ยิ้ม “ที่บ้านข้ามีชายแปลกหน้าสองคนมาอยู่ด้วย จะมีเจ้ามาเพิ่มอีกสักคนก็คงไม่ใช่ปัญหาหรอก”
เซียวเหวินไฉก็ได้ก้มหัวให้แล้วกล่าว “ข้าเองก็เคยได้ยินเรื่องนี้มานานแล้ว ข้าเชื่อว่าชาวบ้านคงจะรู้เรื่องนี้กันหมดแล้ว”
“คงจะมีเรื่องที่เสียๆหายๆเต็มไปหมดเลยล่ะสิ”
“แต่ข้าก็ไม่สนใจแล้วก็ไม่เชื่อด้วย”
แล้วทั้งสองคนก็ได้มองหน้ากันแล้วยิ้มด้วย เซียวหลีเองก็ไม่ได้สนใจอะไร จารีตประเพณีของรัฐฉู่นั้นเปิดกว้างก็จริงแต่ก็ยังมีคนที่ไม่อาจทานต่อการนินทาคนอื่นด้วยปากพังๆหรือไม่ก็พูดอะไรเหลวไหลออกมาเพื่อหลอกลวงผู้คน
เซียวหลีคิดว่านางนั้นจำเป็นต้องหาเวลาไปหานักพรตคนนั้นเสียที ในเมื่อข่าวลือเริ่มต้นมาจากเขา ก็ต้องให้เขาเป็นคนหยุดเอง
“น้องข้า เจ้ากับเซียวเหวินไฉก็ได้หมั้นกันมาตั้งแต่เด็กแล้ว ไม่คิดจะรื้อฟื้นการหมั้นบ้างเหรอ?” เซียวเยี่ยนก็ได้เข้าไปช่วยนางในครัวเป็นครั้งแรก ในขณะที่กำลังล้างผักอยู่นั้นนางก็ได้ถามเซียวหลี ซึ่งนางเองก็เห็นว่าเซียวเหวินไฉนั้นหลงใหลและอุทิศตนเพื่อเซียวหลีขนาดไหน แต่นางก็ไม่กล้าถามความจริงออกไป
เซียวหลีก็ได้ผงกหัวขณะที่กำลังทำกับข้าอยู่ แน่นอนว่านางนั้นไม่ได้เก็บเอาเรื่องที่เซียวเยี่ยนพูดมาใส่ใจมากนัก
“อือฮึ ว่าไง? ข้าว่าเป็นความคิดที่ไม่เลวนะ ถ้าเกิดเจ้าพลาดคนนี้ไปเจ้าอาจจะไม่มีโอกาสอีกแล้วก็ได้นะ”
“ข้ารู้น่า”
เซียวหลีก็ได้กลอกตาของนาง ถ้าจะบอกว่าไม่รู้สึกอะไร นางก็ไม่รู้สึกอะไรจริงๆ เพราะในตอนนี้นางก็มีลูกชายอยู่แล้ว ถ้าหากนางไม่สามารถหาคนที่นางรักหรือเหมาะกับนางได้จริงๆ นางก็ยินดีที่จะไม่แต่งงานไปตลอดชีวิตของนาง
“แต่ว่าเถอะ....พี่เองก็น่าจะคิดถึงแผนการระยะยาวได้แล้วนะ” เซียวหลีที่กำลังทำกับข้าวอยู่นั้นก็ได้หันไปมอง เซียวเยี่ยนด้วยไร้ซึ่งสีหน้าใดๆ
เซียวเยี่ยนก็ถึงกับชักสีหน้าไม่ถูก แล้วนางก็ได้หันหน้าไปหาเซียวหลี “ข้าพูดถึงเจ้าอยู่แท้ๆ แต่เจ้ากลับมาล้อเล่นข้าเหรอ?” หลังจากนั้นนางก็ได้วางชามผักแล้วเดินหนีไป
เซียวหลีก็ได้รีบรั้งนางเอาไว้ ถึงแม้ว่าร่างกายของนางนั้นจะอ่อนแอและมือกับเท้าของนางก็ยังบาดเจ็บอยู่และยังไม่หายดีก็ตามที เซียวเยี่ยนที่รู้สึกได้ว่าตัวนางไม่อาจที่จะลากนางไปได้ นางจึงได้พูดออกมา “เจ้ารู้ถึงสภาพของข้าดีอยู่แล้ว ว่าข้าไม่มีทางที่จะไปเป็นคู่ชีวิตใครเขาได้หรอก ที่เจ้าพูดออกมาก็เพื่อที่จะล้อข้าเล่นใช่ไหม?”
“พี่เยี่ยน อย่างอาหลีจะกล้าล้อพี่สาวแสนดีของข้าเล่นงั้นเหรอ?”
เซียวเยี่ยนก็ได้กลั้นน้ำตาเอาไว้ในดวงตาของนาง นางได้เงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปที่เพดานและฟังเสียงของกับข้าวที่กำลังทำอยู่ของเซียวหลี หัวของนางนั้นมันตื้อไปหมด นางเองก็อยากที่จะแต่งงานและมีลูกเหมือนกัน นางนั้นอยากจะอยู่กับคนที่นางรักและอยู่กับนางจนกระทั่งนางแก่ชรา
ทุกอย่างนั้นมันเป็นเหมือนกับความฝัน
ความฝันที่ไม่อาจเป็นจริงได้
หลังจากที่ตักไก่ผัดมะม่วงหิมพานต์ใส่จานเรียบร้อยแล้ว เซียวหลีก็ได้เทน้ำลงไปในกระทะแล้วจากนั้นก็ได้เดินไปหา เซียวเยี่ยนแล้วมองหาม้านั่งนั่งลง
“อดีตของพี่นั้นยากที่จะรับได้ก็จริง แต่มันก็ได้ผ่านไป....”
“อย่างเจ้าจะไปรู้อะไร?” เซียวเยี่ยนก็ได้กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่และไหลลงมาอาบแก้มของนาง
“แต่พวกนั้นมันก็เป็นอดีตผ่านไปแล้ว? แต่ข้าไม่ใช่? ตัวข้าที่ท้องก่อนแต่งน่ะไม่มีทางที่จะดีไปกว่าพี่เยี่ยนหรอกนะ” ในยุคนี้ ท้องก่อนแต่งนั้นถือเป็นความอัปยศอย่างมาก
เซียวเยี่ยนก็ได้ก้มหน้าลงมา นางนั้นรู้สึกผิดขึ้นมา ถ้าเซียวหลีไม่ได้ไปที่เมืองหลวงในตอนนั้น บางทีทุกอย่างอาจจะต่างไปจากตอนนี้
“แต่ว่านะพี่รู้สึกว่าหน้าอกหายในติดขัดบ้างหรือเปล่า? และช่วงล่างของพี่ร้อนบ้างหรือเปล่า? แล้วมีอาการแผลติดเชื้อบ้างไหม, มีอาการเจ็บ, คันจนทนไม่ไหวบ้างไหม?” เซียวหลีก็ได้จับไปที่ฝ่ามือของเซียวเยี่ยนแล้วตรวจชีพจรของนางอย่างจริงจัง
ในหลายวันมานี้เซียวเยี่ยนนั้นก็พบว่าเซียวหลีนั้นผิดปกติ บางทีคนเราหากตายมาแล้วครึ่งหนึ่งก็จะเลิกกลัวและบุคลิกก็จะเปลี่ยนไปอย่างมาก
อย่างไรก็ดีนางนั้นรู้สึกได้ว่าน้องสาวของนางคนนี้ดูผิดปกติและจริงจังมากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ปัญญาของนางก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งนางเองก็พูดถูกตัวนางนั้นไม่ได้ดีไปกว่านางเลย
นางจึงได้ผงกหัวของนาง แล้วหดแขนของนางกลับมา “ข้านั้นเคยไปหาหมอที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงมาแล้ว และข้าก็ได้ทานยามาเกือบครึ่งปีแต่ก็ไม่ได้อาการดีขึ้นเลย พอข้ากลับมาก็ได้ไปหาหมอมาตั้งมากมาย แม้แต่เจ้าเองก็หาสมุนไพรมากมายมาให้ข้า แต่อาการก็ไม่ดีขึ้นเลยไม่ใช่หรือไง? เฮ้อ แล้วจะให้ข้าทำยังไง?”
เซียวเยี่ยนก็ได้ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ นางนั้นรู้ดีว่าโรคที่น่าอายของนางนี้ไม่มีทางรักษาหายได้อย่างแน่นอน ชีวิตของนางนั้นต้องเป็นเช่นนี้ไปตลอดและเมื่อใดวันหนึ่งที่นางทนไม่ไหวและตายลงเมื่อนั้นนางก็จะได้เป็นอิสระ
“พี่เยี่ยน ในตอนนี้ข้าได้ยาดีมาแล้ว ท่านจะเชื่อข้าอีกสักครั้งได้ไหม?”
เซียวหลีก็ได้กอดเซียวเยี่ยนแน่น “เชื่อข้าอีกครั้งเถอะนะ”
“อาเยี่ยน....”
แล้วนางหวังก็ได้เดินเข้ามาข้างใน นางนั้นดูมีอาการดีขึ้นมากและได้เดินตรงมาหาสองพี่น้อง “อาเยี่ยน เจ้าเชื่ออาหลีเถอะนะ”
นางหวังก็ได้จับไปที่มือของเซียวหลีและเซียวเยี่ยนอย่างแม่นยำ ดวงตาของนางนั้นดูสดใสมากกว่าแต่ก่อน และนางหวังก็ได้ตัวสั่นด้วยความตื้นตันและกล่าว “ข้าคิดว่าข้ามองเห็นตัวของพวกเจ้าแล้ว”
“ท่านแม่ ท่านมองเห็นจริงๆเหรอ?” เซียวเยี่ยนเองก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก นางได้ยื่นมือของนางออกมาและโบกไปมาตรงหน้าของนางหวัง นางหวังก็ได้ไล่คว้าแสงและเงาที่นางเห็น ถึงแม้ว่าจะช้าไปบ้าง แต่นางก็พอจะมองเห็นได้รางๆ
สำหรับข่าวดีเช่นนี้เซียวหลีนั้นกลับมีสีหน้าที่สงบนิ่งมาก นางนั้นรู้อยู่แล้วว่าดวงตาของนางหวังนั้นคงจะหายดีในอีกไม่เร็วก็ช้า อย่างไรนางก็ไม่ได้เรียนวิชาแพทย์มาสูญเปล่า
แล้วก็ได้มีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของนางหวัง ถ้าจะบอกว่านางไม่ตื่นเต้นเลยก็คงจะโกหก ในหลายวันมานี้นางมองเห็นแสงแค่รางๆ แต่นางก็ยังไม่มั่นใจว่าตาของนางนั้นจะสามารถกลับมามองเห็นแสงได้จริงๆ
เมื่อสักครู่นางได้ยินเสียงของเซียวเป่าเอ๋อนั้นคุยกับผู้ชายในสวน เสียงนั้นฟังดูคุ้นเคยมากนางจึงได้ถามเซียวเป่าเอ๋อว่าเป็นใคร แล้วก็พบว่าเป็นเซียวเหวินไฉ
แล้วนางก็ได้รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา ถ้าหากไม่มีเรื่องเกิดขึ้นกับครอบครัวของนางเมื่อปีนั้นล่ะก็เซียวเหวินไฉก็คงจะได้กลายมาเป็นลูกเขยของนางแล้ว! ยิ่งไปกว่านั้นเซียวหลีก็ได้พาชายที่กำลังใกล้ตายกลับมาเมื่อวานนี้ นางนั้นไม่กล้าที่จะถามอะไรมากนัก นางรู้ดีว่าอาหลีนั้นเป็นคนใจเมตตา แต่ชายคนนั้นก็ยังมีปากต้องกิน และนางต้องคอยดูแลเขาอีก
แต่ทว่าเงินนั้นก็จะต้องไหลไปราวกับสายน้ำ ทำนางนั้นรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา นางกลัวว่าจะต้องกลับไปในวันที่ไม่มีอาหารและเสื้อผ้าพอใช้อีก ซึ่งมันจะไม่ดีต่อการเติบโตของหลานชายแสนดีของนาง
“อาเยี่ยน เจ้ามาลองดูด้วยกันอีกครั้งเถอะ หลังจากที่รักษาหายแล้วก็ใช้ชีวิตที่ดีกัน” นางหวังก็ได้พูดออกมาอย่างเอาจริงเอาจัง “แม้ตาของข้าจะยังเห็นไม่ชัดเจนนัก แต่อาหลีก็สามารถทำให้ตาของข้ากลับมาเห็นแสงได้”
เซียวหลีก็ได้ยิ้มออกมา ไม่แปลกใจนักที่ในหัวใจของนางหวังนั้นจะไม่เชื่อมั่นนางมากนัก อย่างไรเสียตัวนางก็แค่ศึกษามาจากหมอในหมู่บ้าน ตัวนางจะเก่งกาจไปได้อย่างไร?