บทที่ 43 ทำไมหน้าเจ้าถึงได้แดงอีกแล้ว
บทที่ 43
ทำไมหน้าเจ้าถึงได้แดงอีกแล้ว
“ว่าแต่เจ้าเถอะ เจ้าลงทุนทำโน่นทำนี่เยอะแยะจะไม่วุ่นวายแย่เรอะ?” แล้วผู้ใหญ่บ้านก็ได้รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา ที่บ้านก็มีแค่นางที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรง เซียวเยี่ยนนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย นั่นหมายความว่านางจะต้องลงมือทำนาทั้งหมดคนเดียวและยังจะสร้างเล้าหมูอีก จะต้องใช้เงินลงทุนซื้อข้าวของมากขนาดไหนกัน
ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าคุณชายคนนั้นได้ให้เงินนางมากขนาดไหนกัน
เซียวหลีก็ได้ยิ้มและไม่ตอบคำถามอะไร นางพูดเพียงแค่ว่า “ในอดีตตัวนางนั้นอ่อนแอเกินไป ไม่ว่าจะมีเงินทองมากเท่าไรก็ต้องเข้ากระเป๋าคนอื่นจนหมด จนในท้ายที่สุดก็ไม่มีแม้แต่จะกิน แต่ในเวลานี้ข้าได้ใช้เงินส่วนใหญ่ไปลงกับที่นาแล้ว ตราบเท่าที่ข้าขยันพอ ข้าก็จะไม่ต้องกลัวอดตาย”
ผู้ใหญ่บ้านนั้นก็รู้ดีว่าเซียวต้าโหย่วและเซียวต้าฟู่นั้นได้ใช้ทุกวิถีทางในการขอยืมเงินมาจากเซียวเยี่ยนและเซียวหลีแล้วก็ไม่คืน
และยังได้ยินมาว่าได้จ้างโจรไปปล้นบ้านของนางอีกต่างหาก แต่ต้องขอบคุณในความฉลาดของเซียวเยี่ยน ที่นางได้ตัดสินใจรีบเอาเงินซ่อมบ้านและอยู่อย่างสุขสบาย ทำให้สองพี่น้องคู่นั้นเลิกสนใจเรื่องของเงินทองที่พวกนางมีไป
ส่วนเรื่องที่ดิน 5-6 ตารางเมตรนั้นหลังจากที่เซ็นต์สัญญาเรียบร้อยแล้ว เซียวหลีก็ได้เอาเงินให้เซียวต้าหนิว, และประทับรอยนิ้วมือของเขา แล้วก็ได้มอบให้ผู้ใหญ่บ้านเพื่อนำเอกสารนี้ไปแจ้งให้กับทางอำเภอ
ในวันต่อมา
เซียวหลีก็ได้ขอยืมรถม้าของเยี่ยเหลียงเฉินแล้วขับเข้าไปในตัวอำเภอ นางนั้นต้องจัดการทำธุระบางอย่างด้วยตัวนางเอง
เซียวเป่าเอ๋อจำที่เซียวหลีสั่งเมื่อวานนี้ได้ ก็ได้นำเอาหมั่นโถวกลมๆขาวๆพกติดตัวไปหาเซียวเอ้อหู่และเซียวหลานฮวา
จากที่เคยนัดแนะเอาไว้ เซียวเป่าเอ๋อก็ได้ผิวปากทำเสียงเหมือนนกจากไกลๆ ยาวสองสั้นหนึ่ง
ในตอนนั้นเองเซียวเอ้อหู่กับเซียวหลานฮวานั้นเพิ่งจะทานข้าวเช้าเสร็จพอดีตอนที่ได้ยินที่เซียวเป่าเอ๋อเรียก เซียวหลานฮวาก็ได้เข้าไปใกล้ๆเซียวเอ้อหู่แล้วกล่าว “วันนี้พี่เอ้อหู่ไม่ไปหาพี่เป่าเอ๋อเหรอเจ้าคะ?”
เซียวเอ้อหู่ก็ได้คิ้วขมวดขึ้นมา เขานั้นยังไม่รู้เลยว่าจะทำสีหน้าแบบไหนไปพบกับเซียวเป่าเอ๋อดี
ตัวเขานั้นอายุ 11 ขวบปีนี้ ซึ่งแก่กว่าเซียวเป่าเอ๋อกับ หลานฮวาถึง 6 ปี แต่ตัวเขาก็ยังเล่นอยู่กับหลานฮวาและเซียวเป่าเอ๋อ นอกจากนี้ตัวเขาเองก็ชอบเล่นกับเซียวเป่าเอ๋อด้วย เขานั้นคิดมาตลอดว่าเซียวเป่าเอ๋อนั้นเป็นคนที่มีเหตุผล จึงได้มักไปเล่นด้วยกันอยู่ตลอด
“ท่านพี่ ท่านเป็นอะไรไป? ท่านพี่ดูหดหู่ตลอดทั้งวันตั้งแต่วันที่พี่กลับมาจากการตกน้ำในวันนั้นแล้วนะ?” หลานฮวาก็ได้ใช้มือของจ้ำม่ำของนางเขย่าเสื้อพี่ชายของนางราวกับเด็กเอาแต่ใจ “พี่เอ้อหู่ออกไปเล่นด้วยกัน เป่าเอ๋อเอาหมั่นโถวอร่อยๆมาให้กินด้วยเมื่อวานนี้ วันนี้จะต้องเอามาด้วยอีกแน่ๆเลย”
ปัญหานี้คงต้องสะสางไม่เร็วก็ช้าอยู่ดี เอ้อหู่จึงได้เลิกบ่ายเบี่ยงและตามหลานฮวาออกไปจากบ้านไปอย่างเงียบๆ
“พี่เป่าเอ๋อ วันนี้พี่เอาหมั่นโถวขาวๆมาด้วยหรือเปล่า?” หลานฮวากับเซียวเป่าเอ๋อนั้นเป็นคู่นักกินชั้นยอด
แล้วเซียวเป่าเอ๋อก็ได้หยิบเอาหมั่นโถวออกมา “เอามาเยอะเลย”
“ว้าว....พี่เป่าเอ๋อยอดที่สุดเลย”
เอ้อหู่ก็อดไม่ได้ที่จะแอบบ่นในใจ เพียงแค่หมั่นโถวไม่กี่ลูก ก็ลืมเขาที่ปกป้องนางอยู่ตลอดเสียแล้ว
เซียวเป่าเอ๋อนั้นก็เห็นว่าเอ้อหู่นั้นอารมณ์ไม่ดี ในสองวันมานี้เขาได้มาหาเอ้อหู่กับหลานฮวาอยู่ตลอด แต่ว่าก็มีเพียงแค่หลานฮวาที่ออกมาตามที่นัดพบทุกครั้ง ซึ่งเขาก็ไม่ได้ถามว่าทำไมมีแต่หลานฮวาที่มา
“พี่เอ้อหู่กินหมั่นโถวไหมขอรับ?” เซียวเป่าเอ่อก็ได้ส่งหมั่นโถวให้เอ้อหู่ แต่เอ้อหู่ก็ปฏิเสธแล้วหันไปมองที่ริมแม่น้ำที่อยู่ไกลๆโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา
“พี่เอ้อหู่ ที่ข้าไม่ได้ลงไปช่วยพี่ในวันนั้น พี่ยังโกรธข้าอยู่เหรอ?” เซียวเป่าเอ๋อนั้นรู้สึกได้ว่าเอ้อหู่นั้นยังโกรธเขาอยู่ลึกๆเป็นแน่
“แต่เจ้าก็ได้พาคนมาช่วยข้าไม่ใช่รึไง? นอกจากนี้ถ้าเจ้าไม่ไปตามคนมาช่วยข้า เจ้าคิดจะลงมาช่วยข้าเองแล้วตายไปพร้อมกับข้ารึยังไง?”
เซียวเป่าเอ๋อก็ได้ยิ้ม “พี่เอ้อหู่พูดถูกแล้ว ข้าเองก็คิดเช่นนั้น” แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเอ้อหู่นั้นโกรธอะไรอยู่จึงได้ถามออกไปอย่างไม่เกรงใจ “ถ้าเช่นนั้นทำไมพี่ถึงไม่มาหาข้าบ้างเลย? หรือว่าพี่ไม่ชอบข้าแล้ว?”
“มันจะเป็นไปได้อย่างไรเล่า? นอกจากหลานฮวาแล้วคนที่ข้าคิดจะปกป้องก็มีเจ้าแล้วก็ยังมี.....อ๊ะ!”
เมื่อเอ้อหู่พูดเช่นนี้ออกไป เขาก็ได้เงียบไปและรู้สึกว้าวุ่นอย่างบอกไม่ถูก
“ยังมีใครอีกเหรอ?” หลานฮวาก็ได้ถามอย่างสงสัย
“เอาน่า ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าทั้งนั้นแหละ ช่างมันเถอะมาเล่นกัน แล้วต่อจากนี้ไปข้าจะเรียนหนังสือให้มากขึ้น มันเป็นเรื่องสำคัญที่ลูกผู้ชายจะต้องหมั่นเรียนรู้และสร้างชื่อเสียง”
แล้วดวงตาของเซียวเป่าเอ๋อก็ได้เบิกกว้างขึ้นมา เซียวเอ้อหู่นั้นไม่ใช่เอ้อหู่คนเดิมแล้ว กลายเป็นคนที่ตั้งใจเรียนหนังสือไปได้อย่างไร?
เอ้อหู่ก็ได้ลูบหัวของเซียวเป่าเอ๋อแล้วก็กล่าว “เจ้าเองก็ด้วยล่ะ เจ้าจะต้องเรียนให้เยอะๆ ท่านลุงเหวินไฉก็บอกแล้วว่าหนังสือนั้นมีความงามอยู่ในตัวมันเอง....เหมือนมีบ้านทองคำอยู่ในหนังสือ”
เซียวเป่าเอ๋อก็ได้เห็นด้วยกับเขา แต่เป่าเอ๋อก็ยังรู้สึกได้ว่าเอ้อหู่นั้นแปลกๆไปอยู่ดี ตัวเขานั้นจู่ๆก็พูดเหมือนพวกผู้ใหญ่ และยังพูดไปและลูบหัวเขาไปเหมือนผู้ใหญ่อีกต่างหาก
แต่อย่างไรก็ตามที่เขาพูดมาก็ถูกต้องเลยทีเดียวเพราะมีเพียงต้องศึกษาให้มากเท่านั้นถึงจะออกไปจากหมู่บ้านได้ และเขายังจะต้องฝึกฝนวรยุทธ์ด้วยเพื่อที่จะได้แข็งแกร่งพอที่จะช่วยเหลือท่านแม่ และคอยปกป้องสมาชิกในครอบครัว
นี่เป็นเป้าหมายของเซียวเป่าเอ๋อมาตลอดชีวิตของเขา
แต่ทว่าในเวลานี้....
“จริงด้วยสิพี่เอ้อหู่ พี่เป็นที่นิยมในหมู่บ้านนี่นา พี่พอจะช่วยข้าบางอย่างได้ไหม?”
เซียวเป่าเอ๋อมีเรื่องขอให้ช่วย มีหรือที่จะปฏิเสธ โดยเฉพาะในเวลานี้เขายิ่งไม่อยากปฏิเสธ ตอนแรกเขาคิดที่จะกลับไปเรียนแล้ว แต่พอได้เซียวเป่าเอ๋อพูดเช่นนี้แล้ว เขาก็ได้หันหน้ากลับมาแล้วถามว่ามีอะไร
เซียวเป่าเอ๋ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี แต่สุดท้ายเขาก็ได้พูดออกไปท่ามกลางสายตาของเอ้อหู่และหลานฮวา
“อะไรนะ? รวบรวมมูล? แล้วจะจ่ายให้ชั่งละอีแปะ?” เอ้อหู่ก็ได้จับหน้าผากของเซียวเป่าเอ๋อ “เจ้าก็ไม่ได้เป็นไข้นี่นา เจ้ามีมูลอยู่ในหัวของเจ้ารึยังไง?”
หลานฮวาก็ได้มีสีหน้ารังเกียจขึ้นมาแล้วคืนหมั่นโถวให้เซียวเป่าเอ๋อ “หรือว่าหมั่นโถวนี่จะทำมาจากมูล?”
เซียวเป่าเอ๋อก็ได้กลอกตา: เคยเห็นมูลที่ไหนหวานและสีขาวแบบนี้บ้างไหม?
เซียวเป่าเอ๋อจึงต้องอธิบายซ้ำอีกอย่างช่วยไม่ได้ “มันเป็นแม่ของข้าต่างหาก นางบอกให้ข้ารวบรวมมา ชั่งละอีแปะ”
แล้วเขาก็ได้ก้มหน้าลงราวกับเด็กที่ทำอะไรผิด แน่นอนว่าเขาตัวเขาเองก็เป็นเด็กจริงๆนั่นแหละ
เดิมทีครอบครัวของเขานั้นก็เป็นเหมือนตัวตลกของหมู่บ้านอยู่แล้ว และตอนนี้แม่เขายังมาทำตัวเหมือนคนบ้าอีก รวบรวมของที่น่ารังเกียจพวกนี้ ซึ่งก็เป็นปกติล่ะนะที่เอ้อหู่กับหลานฮวานั้นจะไม่เข้าใจ แต่ใครใช้ให้เซียวหลีเป็นแม่ของเขา และใครใช้ให้แม่ของเขาเป็นคนที่ใช้เงินเป็นน้ำเช่นนี้ แต่ถ้าเขาไม่ทำนางก็จะให้เขาจ่าย 5 อีแปะเป็นค่าอยู่อาศัย นี่มันบ้าชัดๆ
ท่านแม่ เมื่อท่านถึงจะได้กลายเป็นคนฉลาดจริงๆขึ้นมา!
เอ้อหู่เองก็รู้สึกสงสัยจึงได้ถามยืนยันซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่เขาก็ได้ตอบกลับมาอย่างนุ่มนวล “ในเมื่อเป็นแม่ของเจ้าขอมา ข้าก็จะช่วยนาง”
หลังจากนั้นใบหน้าของเอ้อหู่ก็ได้แดงขึ้นมา
“พี่เอ้อหู่ ทำไมหน้าของพี่จู่ๆก็แดงขึ้นมาอีกแล้ว?” หลานฮวาก็ได้หยิบเอาหมั่นโถวกลับมากินต่อ ในช่วงนี้เอ้อหู่นั้นได้หน้าแดง, กระวนกระวาย, บ้างก็ถอนหายใจออกมาอย่างไม่มีเหตุผล....
“เด็กคนนี้ พูดอะไรเหลวไหลออกมา? ข้าหน้าแดงที่ไหนกัน? พวกเราไปหาพวกเฉียงจื่อกัน พวกเขานั้นมีคนมากและยังมีอิทธิพลมากด้วย”
มองไปที่เอ้อหู่ที่เดินนำหน้าไปนั้น เซียวเป่าเอ๋อกับ หลานฮวาก็ได้มองหน้ากันเองแล้วเดินตามหลังไปโดยมีเครื่องหมายคำถามปรากฏขึ้นบนหัวของพวกเขา เอ้อหู่นั้นได้เปลี่ยนไปแทบจะเป็นคนละคนหลังจากที่ตกลงไปในแม่น้ำ
อย่างที่เอ้อหู่บอก เฉียงจื่อนั้นเป็นเหมือนราชาของพวกเด็กๆ ซึ่งไม่รู้ว่าเขานั้นไปเอาชามโลหะมาจากไหน แล้วเขาก็ได้เคาะไปและเดินไป “ที่บ้านของเซียวหลีนั้นต้องการรวบรวมถั่วและเปลือกถั่วเน่า, ใบผักเน่า, มูลหมูและวัวในราคาชั่งละ 1 อีแปะจ้า”
เพียงแค่ครึ่งวันทุกคนในหมู่บ้านก็รู้ข่าวกันหมดแล้ว แต่ทว่าทุกคนล้วนแล้วแต่เห็นเป็นเรื่องตลก
แต่แล้วก็ได้มีเด็กประมาณ 20 คนโผล่ออกมา ซึ่งมีอายุตั้งแต่ 5-12 ขวบพวกเขาต่างก็หันหน้ามองกันเองแล้วต่างก็พากันหัวเราะออกมาแล้วกลิ้งไปกับพื้นโดยเอามือกุมท้องของพวกเขา
“เซียวเป่าเอ๋อ แม่ของเจ้าเป็นบ้าไปแล้วจริงๆเหรอ? มูลเนี่ยนะ....” มีบางคนที่หัวเราะไม่หยุดจนมีน้ำตาไหลออกมา อย่างไรเสียนี่ก็เป็นเรื่องที่บ้ามากจริงๆ
เดิมทีเซียวเป่าเอ๋อกับแม่นั้นก็เป็นที่หัวเราะเยาะของคนในหมู่บ้านเซียวอยู่แล้ว แต่วันนี้เป็นเรื่องที่ตลกมากจริงๆ
“ตงจื่อหุบปากน่า!” เอ้อหู่ก็โมโหขึ้นมา เมื่อก่อนเขาจะช่วยเหลือคนอื่นที่ถูกตงจื่อรังแก แต่วันนี้เขากำลังโมโหอย่างสุดๆ!
อายุของตงจื่อกับเอ้อหู่นั้นก็ต่างกันแค่เดือนเดียว แต่ เอ้อหู่นั้นสูงกว่าตงจื่ออย่างชัดเจน
“อะไรกันข้าก็แค่พูดความจริงให้เจ้าฟังเท่านั้นเอ้อหู่ แล้วทำไมเจ้าถึงได้ชอบไปวุ่นวายกับเซียวเป่าเอ๋อแม่ลูกกันนักนะ?” ตงจื่อก็ได้ลุกขึ้นมา และมองไปที่เอ้อหู่ที่กำลังโมโห แล้วก็ไม่ทันได้ตั้งตัวเอ้อหู่ก็ได้กำหมัดเข้าชกตงจื่อ