บทที่ 42 อุจจาระ 1 ชั่งราคา 1 อีแปะ
บทที่ 42
อุจจาระ 1 ชั่งราคา 1 อีแปะ
“ท่านลุงต้าหนิว ที่บ้านข้าไม่มีแรงงานเลย ท่านพอจะช่วยข้าขุดหลุมได้ไหม?”
“ขุดหลุมไปทำไม?”
“ก็ทำเล้าหมูที่ว่านี่แหละ”
“ขุดหลุมเพื่อทำเล้าหมูเนี่ยนะ?”
เซียวหลีก็ได้พูดอะไรไม่ออกและคิดว่าคงต้องอธิบายแล้ว เพราะดูเหมือนคงจะไม่สุภาพนักหากไม่อธิบายอะไรเลย
แต่เซียวหลีนั้นไม่ต้องการที่จะอธิบายมากนัก “ท่านลุงต้าหนิว ข้าไม่ได้ให้ช่วยเปล่าๆหรอกนะ เอาเป็นว่าท่านมาช่วยข้ากับพี่เยี่ยขุดดินให้ข้าก่อน แล้วข้าจะให้ 20 อีแปะว่ายังไง?”
ขุดหลุมขนาดเท่าเล้าหมู แล้วมีคนตั้งสองคนขุดก็น่าจะเสร็จภายในครึ่งวัน
“อะไรนะ? ทำครึ่งวันได้ 20 อีแปะ?”
เมื่อเห็นเซียวหลีผงกหัว เซียวต้าหนิวก็ได้รู้สึกว่า เซียวหลีนั้นจะต้องทำเงินมาได้มากจริงๆด้วย ถึงจะไถพรวนดินช้าไปสักวัน แต่เขาเดี๋ยวค่อยเอาเงินไปจ้างวัวมาไถในราคา 15 อีแปะแทนการขุดเองอย่างช้าๆทีหลังเอาก็ได้
“แล้วก็ถ้ามีเปลือกถั่ว, ผักเน่า, ใบไม้แห้ง, รวมถึงพวกของเสียในเล้าหมูอย่าง....มูลด้วยก็ได้นะ แล้วข้าจะให้ราคาชั่งละ 1 อีแปะ แน่นอนว่าจะเป็นมูลหมูหรือวัว หรือคนก็ยังได้....”
เซียวต้าหนิวก็ได้หน้าแดงขึ้นมาและตกใจอย่างมาก “แม่หนูเจ้าล้อข้าเล่นอย่างนั้นเหรอ? เจ้าอยากได้มูลอย่างนั้นเนี่ยนะ?”
“ข้าไม่ได้โกหกท่านลุง ข้ายอมจ่ายเป็นเงินจริงๆ ถ้าหากทำได้ท่านมาช่วยขุดหลุมตอนนี้เลยยิ่งดี” เซียวหลีได้หยิบเอา 20 อีแปะมาให้เขา “ท่านลุงเชื่อข้าเถอะ!”
เซียวต้าหนิวก็ได้ผงกหัวและคิด: เด็กคนนี้คงจะทำเงินมาได้มากจริงๆ
เมื่อเห็นเช่นนี้หลินอวิ๋นเอ๋อก็ทั้งดีใจและอิจฉา และเห็นเงินที่อยู่ในมือของเซียวหลีนั้นเหมือนกับน้ำดอกไม้ เมื่อใดกันที่ทุกคนในหมู่บ้านนี้กลายเป็นคนที่ยอมช่วยเหลือคนอื่นเพื่อเงินกัน?
แต่ใครกันที่ใช้ให้นางเป็นตัวซวยและไม่มีใครที่อยากจะช่วยนางกันล่ะ?
เงินก้อนนั้นช่างหอมหวานยิ่งนัก 20 อีแปะนี้เพียงพอให้นางใช้นั่งรถเกวียนวัวไปกลับตัวอำเภอได้เป็นสิบเที่ยว
เซียวต้าหนิวก็ได้ผงกหัวรับทันที แล้วเขาก็ได้รับเงินมาแล้วเดินออกไปพร้อมกับจอบทันที
20 อีแปะในครึ่งวัน เซียวต้าหนิวนั้นไม่ใช่คนโง่ โดยปกติเขาเคยทำงานให้ที่บ้านพวกคนใหญ่คนโต ทำทั้งวันยังได้แค่ 12 อีแปะต่อวันอย่างดีสุดก็ได้แค่ 15 อีแปะ
.........
สำหรับมื้อค่ำนี้ นอกจากผัดผักกาดขาวกับเนื้อหมูนิดหน่อยที่ไม่มีแม้แต่กลิ่นหมูแล้ว ก็ยังมีผัดผักกาดขาวกับกระเทียม และต้มจืดผักกาดขาว
ที่โต๊ะอาหาร หรงสวินก็ได้รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา “เงินหนึ่งตำลึงทองเมื่อวานได้กินแค่นี้อย่างนั้นเหรอ?”
และเพราะเซียวต้าหนิวนั้นมาอยู่ช่วยเยี่ยเหลียงเฉินขุดหลุมมูลให้เซียวหลีในวันนี้ เซียวต้าหนิวก็ได้มาร่วมกินข้าวตามคำชวนของเซียวหลี
ซึ่งตอนแรกเขาก็คิดที่จะปฏิเสธ แต่พอได้กลิ่นของกับข้าวที่น่ากินแล้ว เขาก็ได้เลือกที่จะอยู่กินด้วยอย่างไม่เกรงใจ
แต่พอเขาเห็นหรงสวินแล้ว เขาก็ได้รู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกและไม่กล้าที่จะมองหรงสวินด้วย แต่ได้ยินหลงสวินพูดว่าเงินที่ใช้ซื้อผักอย่างเดียวก็หนึ่งตำลึงทองแล้ว ถึงเขาจะไม่รู้ว่า 1 ตำลึงทองนั้นมีค่ามากขนาดไหน แต่จากที่เห็นนี้เขาก็ไม่แปลกใจว่าเลยว่าเซียวหลีนั้นเอาเงินจากไหนมาใช้จ่ายราวกับน้ำและยังจ่ายเงินเพื่อรวบรวมเอาถั่วเน่า, เปลือกถั่วเน่า, ใบผักเน่าและอื่น ที่แท้นางก็ได้ช่วยต้นเงินต้นทองไว้นี่เอง
เซียวต้าหนิวก็ได้มองไปที่เซียวหลีอย่างตั้งใจแล้วพบว่านางนั้นหาได้กลัวไม่ เพียงแค่พูดออกไปด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ข้ายังไม่ได้ออกไปที่ตลาดเพื่อซื้อของมาเพิ่มเลย”
หรงสวินก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ดูหรูหราอะไรมากนัก แต่อาหารก็ยังอร่อยอยู่ดี ไม่มีใครที่ผัดผักได้ขนาดนี้อีกแล้ว
“ท่านแม่ พรุ่งนี้ขอข้าไปตลาดกับท่านแม่ด้วยได้ไหม?” แต่ทว่าเซียวหลีก็ได้ปฏิเสธความคาดหวังในดวงตาน้อยๆคู่นั้นอย่างไม่ไยดี
“เอาไว้วันไหนแม่ของเจ้าไม่มีธุระก็จะพาเจ้าไปก็แล้วกัน แล้ววันนี้เจ้าไปเล่นที่ไหนมา? แม่ตามหาเจ้าไม่เห็นเลย พรุ่งนี้แม่มีงานให้ลูกทำ ซึ่งเจ้าสำคัญอย่างมาก”
เซียวเป่าเอ๋อก็ได้ทำหน้าบึ้ง เขายังจะพูดอะไรได้อีกล่ะ? ทั้งๆที่เขาทำท่าออดอ้อนน่ารักขนาดนี้แล้วแท้ๆ
เมื่อได้ยินแม่เขาบอกว่ามีงานสำคัญมากให้ทำ เขาก็ได้รู้สึกสงสัยขึ้นมา “งานที่ว่าคืออะไรเหรอท่านแม่?”
แล้วเขาก็เอามือเท้าแก้มของตัวเองแล้วกะพริบดวงตากลมโตของเขาอย่างน่ารัก
“ช่วยแม่ออกไปแจ้งข่าวที่ว่า ใครมีถั่วเน่า, เปลือกถั่วเน่า, ใบผักเน่าและมูล ให้เอามาขายได้ในราคาชั่งละ 1 อีแปะ”
อุ๊ว.....
เยี่ยเหลียงเฉินและหรงสวินต่างก็ต้องตกใจจนอาหารในปากของพวกเขาก็ได้พุ่งออกมา
“แม่นางเซียว เจ้าจะน่ารังเกียจเกินไปแล้ว มูลชั่งละอีแปะงั้นเหรอ?” บางทีอาจเป็นเพราะเขาอิ่มแล้ว เยี่ยเหลียงเฉินได้วางชามข้าวกับตะเกียบลงและไม่กินต่อแล้ว
เซียวเป่าเอ๋อก็ได้วางจานข้าวกับตะเกียบลงเช่นกัน “ท่านแม่ยังมีความเป็นผู้หญิงอยู่ไหมเนี่ย?” เขานั้นรู้สึกเกลียดความไม่ละเอียดอ่อนของแม่ของเขาขึ้นมา อย่างไรก็ดีแล้วนางจะหาพ่อดีๆให้เขาได้อย่างไรกันถ้านางเป็นซะอย่างนี้
“เป่าเอ๋อ คนบ้านนาอย่างพวกเราก็ต้องทำตัวให้สมกับเป็นคนบ้านนา จะมาขยะแขยงกับเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?” จากนั้นนางก็ได้มองไปที่เยี่ยเหลียงเฉินกับหรงสวินแล้วกล่าวต่อ “คนบนภูเขาก็ย่อมมีวิธีเป็นของตัวเอง มีแต่คนไร้การศึกษาที่ไม่รู้อะไรเลย”
หรงสวินก็ได้วางตะเกียบกับชามลงเช่นกันแล้วกล่าว “ดูเหมือนแม่นางเซียวจะเป็นคนที่มีการศึกษาสินะ?”
หญิงสาวที่โตมาในบ้านนอกคอกนาเช่นนี้ แต่กลับพูดประโยคเช่นนี้ออกมาได้ เมื่อนึกถึงภาพร่างสิ่งที่นางเรียกว่าเล้าหมูเมื่อตอนบ่ายแล้วนั้นมันทำให้เขาตกใจมาก
เซียวหลีเองก็รู้สึกได้ว่านางนั้นได้พูดอะไรบางอย่างผิดไป นางจึงได้รีบกล่าว “ข้าเคยเรียนบางสำนวนมาจากพี่เหวินไฉตอนที่ข้ายังเด็กน่ะ ข้าหมายถึงว่าพวกท่านย่อมรู้จักการทำนาได้ไม่เท่าชาวนาอย่างพวกเราน่ะ”
"คำพูดแค่ไม่กี่คำก็ดูเหมือนเจ้ามีความสามารถขึ้นมาเลยนะ เพราะจากที่ข้ารู้มา ที่นาของเจ้าขายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ? เจ้าทำนาเป็นจริงๆเหรอ?”
เซียวหลีก็ได้ยิ้มอย่างภูมิใจแล้วผงกหัวของนาง: ข้าทำได้แน่นอน!
เซียวต้าหนิวที่อยู่ข้างๆก็ได้รู้สึกอับอายขึ้นมาหน่อยๆ ซึ่งเขาก็ได้แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น
เขานั้นได้ทำนามาตลอดชีวิตของเขา หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน แต่เขาก็ยังไม่เคยได้ยินที่เซียวหลีกล่าวมาก่อน
เซียวเป่าเอ๋อเองก็รู้สึกอายหน่อยๆแล้วถาม “ท่านแม่ข้าขอไม่ทำได้ไหม?” ถึงเขาจะไม่ใช่คนอ่อนแอ แต่มูลนี่แค่คิดถึงก็รู้สึกขยะแขยงแล้ว
“ไม่ได้ ถ้าเจ้าไม่ทำแม่จะเก็บเจ้า 5 อีแปะเป็นค่าอยู่อาศัย....”
เซียวเป่าเอ๋อก็ได้พูดอะไรไม่ออก แม่ที่แสนฟุ่มเฟือยของเขาคนนี้ ถ้าเกิดว่าเขามีเงินเขาจะไม่ซื้อที่ดินหรือที่นาให้นางแน่ๆ
สีหน้าของหรงสวินนั้นก็ไม่ดีขึ้นมา เขานั้นอยากที่จะผ่าสมองของผู้หญิงคนนี้ออกดูว่าในหัวของนางนั้นคิดอะไรชั่วร้ายอยู่กันแน่?
ทั้งๆที่เงินก็เป็นเงินของเขาแท้ๆ! แต่พอมาลองคิดกลับกันแล้ว ทำไมตัวเขาถึงได้ถูกนางหลอกเอาเงินซ้ำแล้วซ้ำอีกได้นะ?
“ข้าอิ่มแล้ว ข้าจะไปหาท่านยายล่ะ” เซียวเป่าเอ๋อนั้นรู้ดีว่าพูดอะไรกับเซียวหลีไปก็เปล่าประโยชน์จึงได้ยอมแพ้
“แล้วป้าของเจ้าไปไหนแล้ว?” ดูเหมือนว่านางจะไม่เห็นเซียวเยี่ยนมาสักพักใหญ่
เซียวเป่าเอ๋อก็ได้ถลึงตาใส่เซียวหลี “ท่านแม่ที่รักของข้า ท่านน่าจะใช้หัวของท่านสักหน่อยนะ? อย่างนางจะไปที่ไหนได้? ยามที่นางคันไม้คันมือขึ้นมา”
เซียวหลีก็ได้รู้สึกเกลียดเหล็กที่ไม่สามารถขึ้นเป็นเหล็กกล้าได้ขึ้นมา ทำไมนางถึงได้ติดการพนันได้ขนาดนี้นะ?
ช่างมันๆ ไม่มีนางอยู่ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร “พรุ่งนี้อย่าลืมหน้าที่ของเจ้าล่ะ”
“ท่านลุงหลง, ท่านลุงเยี่ย, ท่านปู่เซียวเชิญตามสบายนะขอรับ” แล้วเซียวเป่าเอ๋อก็ได้หนีไปโดยไม่หันหลังกลับมามอง เขายังต้องกลับไปเล่านิทานให้ท่านยายฟังต่อ
ด้วยเหตุนี้เมื่อเซียวต้าหนิวเห็นว่าหรงสวินเองก็ได้วางชามกับตะเกียบลงไปแล้ว
“เอ่อ ข้าขอกับข้าวจานนี้เอากลับไปให้ลูกๆกับภรรยาข้าที่บ้านลองทานบ้างได้ไหม? มันอร่อยมาก” เซียวต้าหนิวก็ได้ถามอย่างไม่เกรงใจเมื่อเห็นว่าไม่มีใครทานแล้ว
เขานั้นไม่รู้จริงๆว่าเซียวหลีนั้นปรุงรสอย่างไรในอาหารจานนี้
“เดี๋ยวข้าทำให้ใหม่ก็ได้”
“ไม่เป็นไรๆ ข้าขอแค่จานนี้ก็ได้” เซียวต้าหนิวกล่าวแล้วเขาก็ได้ยกจานนี้ไปและเก็บกวาดที่เหลือ
หลังจากที่กินอาหารเสร็จ เซียวต้าหนิวก็ได้กลับไปที่บ้านเพื่อนำกับข้าวไปให้ ส่วนเซียวหลีนั้นยังไม่ได้ล้างจานแต่ได้มุ่งหน้าไปที่บ้านของผู้ใหญ่บ้านพร้อมกับเซียวต้าหนิวก่อน ซึ่งผู้ใหญ่บ้านก็ได้ต้อนรับนางเช่นเคย แต่ลูกสะใภ้ของผู้ใหญ่บ้านนั้นกลับมีท่าทีที่รังเกียจ ส่วนเซียวเอ้อหู่นั้นก็ทำอะไรไม่ถูกและไม่ได้พูดอะไรออกมา
เมื่อเห็นเซียวเอ้อหู่เป็นเช่นนั้นผู้ใหญ่บ้านก็ได้ดึงเขาออกมาขอบคุณนาง เขาหน้าแดงและบิดตัวไปมาอยู่นานกว่าจะพูดขอบคุณออกมาได้
อย่างไรเสียทั้งหมู่บ้านก็เห็นว่าเขานั้นถูกเซียวหลีจูบ
ผู้ใหญ่บ้านก็ได้กระทืบเท้า “เจ้าเด็กนี่ มัวแต่ยืนบิดไปบิดมาเป็นผู้หญิงอยู่ได้”
เซียวเอ้อหู่ก็ได้หน้าแดงมากยิ่งขึ้นไปอีกแล้วตะโกนออกมา “ท่านปู่ก็!” แล้วเขาก็ได้วิ่งหนีไป
เหลือเพียงแต่ลูกชายคนเดียวของผู้ใหญ่บ้าน เซียวซานซึ่งเป็นคนที่มีเหตุผลก็ได้ออกมาขอบคุณนาง แล้วก็พูดคุยทักทายกับนางสักครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพาภรรยาของเขาและลูกๆออกไปเดินเล่น