บทที่ 41 นี่คือเล้าหมูจริงๆเหรอ?
บทที่ 41
นี่คือเล้าหมูจริงๆเหรอ?
“พี่เยี่ย ทุบแกลบเสร็จแล้วหรือยัง ถ้าเสร็จแล้วมาช่วยข้าทางนี้หน่อย”
เมื่อเซียวหลีเห็นเยี่ยเหลียงเฉินที่เหมือนจะพยายามหลบสายตาของนางอยู่นั้น นางจึงได้เดินเข้าไปหาเพื่อไปลาก เยี่ยเหลียงเฉินออกมา ซึ่งพอนางมองเขาชัดๆแล้วก็พบว่าหน้าเขากำลังแดงอยู่
“ฮ่าๆๆ พี่เยี่ยเป็นอะไรไปน่ะ?” เซียวหลีก็ได้หัวเราะออกมา ทำไมผู้ชายอกสามศอกอย่างเขาถึงได้มีใบหน้าแดงเป็นลูกแอปเปิลได้
แล้วหัวใจของเยี่ยเหลียงเฉินก็ได้รู้สึกขมขื่นขึ้นมา มันก็เป็นเพราะเจ้านั่นแหละที่ปล่อยตัวและไร้ยางอายมากเกินไป
“เจ้าออกแบบเล้าเอาไว้อย่างนั้นเหรอ?” เขาถามขึ้นมาเพราะเขาได้ยินว่านางนั้นพูดถึงเรื่องขุดหลุมในเล้าหมู แต่ที่นางวาดมานั้นดูดีกว่าบ้านพังๆของนางเสียอีก เมื่อเห็นว่าเซียวหลีผงกหัวเขาจึงได้ถามกลับ “ทำไมเจ้าถึงได้คิดขุดหลุมแล้วเอาไม้แผ่นไม้วางปิดเอาไว้?”
“ใช่แล้วเอาแผ่นไม้ปิดทับ”
“เจ้ามั่นใจนะว่านี่คือเล้าหมูจริงๆ? ถึงข้าจะไม่เคยเลี้ยงหมูแต่ก็ไม่เคยเห็นเล้าหมูเช่นนี้มาก่อน!”
เซียวหลีก็ได้ยืนยัน “แน่นอนสิ!”
เยี่ยเหลียงเฉินก็ยังไม่เข้าใจอยู่ “ข้าว่าซ่อมบ้านพังๆของเจ้าให้ดีก่อนจะไม่ดีกว่ามาสร้างเล้าหมูอลังการนี่หรอกเหรอ?”
เซียวหลีก็ได้ยิ้มและผงกหัว “บ้านของข้าจำเป็นที่จะต้องซ่อมจริงๆนั่นแหละ แต่ตอนนี้ขุดหลุมที่นี่ก่อน” เซียวหลีชี้ไปที่เล้าหมูพังๆที่อยู่ข้างๆบ้านและแปลงผักของนาง “ขุดทำเล้าหมูที่นี่ก่อน”
แปลงผักแห่งนี้เป็นที่ดินที่ครอบครัวของนางเหลือนอกจากบ้าน
มีผักกาดขาวอยู่บางหัวและวัชพืชอยู่ในแปลง ซึ่งหัวผักกาดก็มีขนาดหนาไม่เท่านิ้วด้วยซ้ำ ในยุคนี้นวัตกรรมการปลูกผักก็ยังด้อยอยู่มาก และมีผู้คนมากมายที่ต้องผักป่าแทนผักที่ปลูกในไร่
“ถ้าอย่างนั้นในรูปของเจ้านี่?” เยี่ยเหลียงเฉินก็รู้สึกเหมือนถูกหลอก ทำไมนางถึงได้คุยกับเขาเรื่องนี้กันนะ เห็นเขาเป็นแรงงานฟรีหรือยังไงกัน ซึ่งเขาต้องใช้เวลาถึง 4-5 เดือนในการสร้างสิ่งก่อสร้างใหญ่เช่นนี้
“พี่เยี่ยไม่ต้องกังวลหรอก แบบแปลนนี้น่ะข้าจะไปหาคนที่เป็นมืออาชีพเป็นคนสร้างให้ ข้าก็แค่ให้พี่มาดูให้ข้าหน่อยเท่านั้นเอง”
เยี่ยเหลียงเฉินก็ได้ถอนหายใจออกมา เขานั้นเกือบที่จะยกกระเป๋าตังค์ของเขาให้กับนางแล้ว อย่างไรเสียเรี่ยวแรงของคนคนหนึ่งก็มีจำกัด
เขาแค่อยากจะพูดว่ามีบางคนที่เอาเงินของคนอื่นมาอย่างไม่เหมาะสมเพื่อช่วยเหลือครอบครัวตัวเองอยู่เหมือนกัน!
“พี่เยี่ยพอเข้าใจภาพนี้ใช่ไหม?”
เยี่ยเหลียงเฉินก็ได้ผงกหัว อย่างไรเสียเขาก็ไม่ใช่คนโง่ แน่นอนว่าเขาย่อมที่จะเข้าใจภาพนี้
หลังจากที่เรียบร้อยแล้วเซียวหลีก็ได้มุ่งหน้าไปยังบ้านของเซียวต้าหนิว แต่ก่อนที่นางจะมาถึง หลิวอวิ๋นเอ๋อภรรยาของเซียวต้าหนิวก็ได้รีบเข้าไปในบ้านพร้อมด้วยเด็กในอ้อมแขนของนาง แล้วจากนั้นก็ได้ปิดประตู
“พ่อ! แย่แล้วล่ะตัวซวยมันมาที่บ้านของพวกเราแล้ว” หลินอวิ๋นเอ๋อพูดอย่างเป็นกังวล นางยืนอยู่ที่ประตูและมองไปที่หน้าบ้านผ่านรอยแยกของประตู แล้วพบว่าเซียวหลีเข้ามาข้างในแล้ว
“อะไรนะ?” เซียวต้าหนิวที่เพิ่งกลับมาจากนา ครอบครัวของเขานั้นไม่สามารถหาซื้อวัวไว้ทำนาได้ เขาจึงจำเป็นต้องลงมือขุดดินเองด้วยจอบ
“ตัวซวยเซียวหลีใกล้ๆบ้านเราไง!” หลิวอวิ๋นเอ๋อก็ได้ปิดปากลูกสาววัย 3 ขวบที่อยู่ในอ้อมแขนของนาง “ฮวาเอ๋อคนเก่ง อย่าส่งเสียงนะลูก”
เซียวเสี่ยวฮวาก็ได้ผงกหัวอย่างฉลาด แม้ว่าตัวนางนั้นจะไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ของเขานั้นถึงได้ดูหวาดกลัวนัก แม้แต่ เซียวต้าหนิวเองก็ยังรู้สึกตกใจเมื่อได้ยินชื่อของเซียวหลี
“นางมาทำอะไรที่นี่กันนะ นังตัวซวย....”
“เงียบน่า” เซียวต้าหนิวพูดเสียงดัง “ไม่ใช่ว่าเรื่องตัวซวยอะไรนั่นเป็นเรื่องที่ตาเฒ่าหนิวปี๋พูดขึ้นมาเองหรอกเหรอ? เขายังเคยพูดไว้เลยว่าพวกเราจะโชคดีและได้ลูกชายในอนาคต แล้วเป็นยังไง? ดูซิที่อยู่ในอ้อมแขนของเจ้าน่ะใช่ไหมล่ะ?”
เซียวต้าหนิวนั้นอายุเกิน 40 แล้ว และลูกสาวทั้ง 5 คนของเขานั้นได้หมั้นหมายกันหมดแล้ว จะเหลือก็แค่ตัวน้อยลูกสาวคนที่หกนี้ ทำให้เขาไม่เชื่อที่ตาเฒ่าหนิวปี๋พูดนัก
“พ่อ....” น้ำตาของเซียวเสี่ยวฮวาก็ได้เริ่มไหลออกมา นางนั้นร้องไห้ออกมาทั้งๆที่ยังปิดปากอยู่
“เงียบไว้นะลูกอย่างร้องไห้” หลิวอวิ๋นเอ๋อก็ได้ปิดปากลูกสาวของนาง “เด็กดีอย่าเพิ่งร้องนะลูก”
เซียวเสี่ยวฮวาก็ได้เชื่อฟังและกลั้นร้องไห้เอาไว้จริงๆ
แต่ทว่าในใจของหลิวอวิ๋นเอ๋อนั้นก็ต้องขมขื่นขึ้นมา นางนั้นรู้สึกหดหู่ขึ้นมาเพราะตัวนางนั้นไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายให้เขาได้เลยสักคน
“ท่านลุงเซียว....”
แกร๊ก....
ในขณะที่หลิวอวิ๋นเอ๋อและเซียวหลียังไม่ทันตั้งตัว เซียวต้าหนิวก็ได้เปิดประตูออกมาก่อนที่เซียวหลีจะทันได้เคาะประตูเสียอีก
“เซียวต้า.....ท่านลุงต้าหนิว ข้ามีบางอย่างอยากให้ท่านช่วย”
ถึงแม้เซียวต้าหนิวนั้นจะไม่เชื่อเรื่องของตัวซวยก็จริง แต่อย่างไรก็ดีเขาก็ยังสนเรื่องตัวตนของนางที่ท้องก่อนแต่งอยู่ดี เขาจึงได้บอกให้หลิวอวิ๋นเอ๋อเอาเก้าอี้มาให้เซียวหลีนั่งข้างนอก
ซึ่งถือว่ายังดีที่ยังให้เก้าอี้นางนั่ง คนในหมู่บ้านบางคนอย่างบ้านท่านลุงของนางเอง ยังไม่มองนางเสียด้วยซ้ำ
อย่างไรเสียตัวนางนั้นก็มีชื่อเสียงที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ซึ่งนางก็รู้ตัวเองดี
“จะให้ข้าช่วยเจ้าอย่างไร? งานในนาของข้าก็ยังไม่เสร็จด้วยซ้ำ” เซียวต้าหนิวก็ได้ถามกลับอย่างไม่ใส่ใจ และนั่งลงที่ม้าหินอ่อนที่ตั้งหน้าบ้าน
เซียวหลีก็ได้ยิ้มและกล่าวในสิ่งที่นางคิดออกมา “ที่บ้านของข้ากำลังคิดที่จะซ่อมเล้าหมู แต่ทว่าข้ายังหาคนช่วยไม่ได้ก็เลย....”
“บ้านข้าจะไม่ช่วยอะไรเจ้าทั้งนั้นและจะไม่สนใจด้วย ถ้าเป็นบ้านคนอื่นก็จะยังไปช่วยอยู่หรอกหลังจากที่เสร็จงานนาแล้ว แต่บ้านเจ้าไม่ไปเด็ดขาด”
หลิวอวิ๋นเอ๋อก็ได้พูดเองตอบเอง
“ไป กลับเข้าไปในบ้านเดี๋ยวนี้!” เซียวต้าหนิวนั้นไม่ชอบผู้หญิงที่ชอบออกมาเสนอหน้าเช่นนี้
หลิวอวิ๋นเอ๋อก็ได้รีบเข้าไปในบ้านพร้อมกับเม้มปาก และไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
“ท่านลุงต้าหนิว ถ้าอย่างนั้นที่ดินที่อยู่ใกล้กับบ้านของท่านตรงนั้นพอจะขายให้ข้าได้ไหม?”
“หืม? เจ้ายังคิดจะซื้อที่เพิ่มอีกเหรอ?” เซียวต้าหนิวไม่ อยากจะเชื่อ เพิ่งมีข่าวใหญ่เมื่อสองวันก่อนว่า เซียวหลีนั้นได้ซื้อที่ดินขนาด 1 หมู่ 3 เฟิงในราคา 70 ตำลึงเงินมา แล้ววันนี้นางยังอยากจะซื้อดินของเขาอีกเหรอ?
เซียวหลีก็ได้ผงกหัว “ถ้าท่านลุงไม่ได้ใช้ที่ตรงนั้นแล้ว ท่านพอจะขายที่ตรงนั้นให้ข้าได้ไหม?”
ที่ดินตรงนั้นขาดความอุดมสมบูรณ์และยังมีขนาดแค่ 5-6 ตารางเมตร ที่ดินตรงนั้นปลูกอะไรก็ไม่ขึ้น ขาดปลูกผักกาดขาว ก็งอกออกมาแค่ใบหน่อยๆที่มีขนาดเท่านิ้วมือเท่านั้น
“ท่านลุงคิดราคาเท่าไร?”
“4 ตำลึงเงิน”
ในขณะที่เซียวต้าหนิวกำลังคิดที่จะตอบตกลงอยู่นั้น หลินอวิ๋นเอิ๋อนั้นก็ได้ก็ออกมาจากในบ้านพร้อมกับกล่าว “ขายที่ตรงนั้นไปเถอะ!”
พื้นที่ตรงนั้นมีก้อนหินขนาดเท่าฝ่ามือมากมาย เซียวหลีจะต้องปลูกอะไรไม่ขึ้นแน่นอน
เซียวต้าหนิวก็ได้จ้องไปที่หลินอวิ๋นเอ๋อ “นี่เจ้าเป็นบ้าอะไร? พวกข้ากำลังคุยกันอยู่เจ้าจะออกมาทำไม?”
หลิวอวิ๋นเอ๋อก็ได้ยิ้มและพาลูกกลับเข้าไป ในขณะที่นางกำลังเดินก็ได้พูดกับตัวเอง “ที่ตรงนั้นทั้งเล็กแล้วก็แคบ เปล่าประโยชน์ที่บ้านเราจะเก็บเอาไว้อยู่แล้ว”
“อย่างที่เจ้ารู้” เซียวต้าหนิวก็ได้พูดกับเซียวหลี “ที่ดินตรงนั้นมันไม่ดีนัก เจ้าซื้อไปก็ไร้ค่าเปล่าๆ แต่ถ้าเจ้ายังยืนยันที่จะซื้อก็อย่ามาหาว่าข้าหลอกเจ้าก็แล้วกัน”
เซียวหลีก็ได้รีบโบกมือไปมา “ไม่เจ้าคะ ไม่”
“แล้วชายคนที่เจ้าช่วยเอาไว้นั้นเป็นเจ้าของ โรงหมอจี้หมินจริงๆรึ? ข้าได้ยินมาร้านยาร้านนาเปิดโดยใครบางคนที่มีเบื้องหลังอยู่ในเมืองหลวง” จู่ๆเซียวต้าหนิวก็ได้พูดซุบซิบนินทาขึ้นมา อย่างไรเสียตั้งแต่ที่เซียวหลีได้ช่วยชายคนนั้นไว้ นางก็ได้เที่ยวซื้อทั้งเนื้อ, ข้าว, ไร่นาและที่ดิน ทำให้ทุกๆคนในหมู่บ้านต้องอิจฉาไปตามๆกัน
เซียวหลีก็ได้ยิ้มและกล่าว “ข้าเองก็ไม่มั่นใจเรื่องนี้เหมือนกัน เพียงแต่จะต้องเป็นใครสักคนที่มีฐานะเกี่ยวข้องกับโรงหมอจี้หมินเป็นแน่”
ชายคนนั้นเป็นใครมาจากไหนนั้น? นางเองก็ไม่รู้จริงๆ
เซียวต้าหนิวก็ได้ผงกหัว “ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้านั้นจะยังมีโชคขนาดนี้”
“เป็นโชคดีที่เหมือนกับแมวตาบอดที่ไล่จับหนูตายเลยล่ะ!” เซียวหลีก็ได้ตอบอย่างเห็นด้วย แล้วจากนั้นก็ได้หยิบเอาตำลึงเงินออกมา “ท่านลุงต้าหนิว พวกเราจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จเรียบร้อยกันก่อนเถอะแล้วค่อยมาคุยกันทีหลัง ข้ายังจำเป็นต้องให้ท่านทำหนังสือซื้อขายกับข้าก่อน”
“ได้อยู่แล้ว แต่ทว่าข้าเขียนหนังสือไม่ได้แม้แต่ชื่อของตัวเองนี่สิ”
“ไม่ยากเลย เดี๋ยวในตอนเย็นพวกเราไปที่บ้านผู้ใหญ่บ้านด้วยกันแล้วขอให้ผู้ใหญ่บ้านช่วยเขียนเอกสารขึ้นมาและให้เป็นพยาน แล้วจากนั้นก็พิมพ์รอยนิ้วมือลงไป”
เซียวต้าหนิวก็ได้ตกลงตามนั้น แต่เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะถาม “แม่หนู ข้าขอถามเจ้าหน่อยเจ้าคิดจะทำอะไรกับที่ดินแห้งแล้งตรงนั้น?”
“สร้างเล้าหมูเจ้าค่ะ”
“มันก็ควรจะมีขนาดสัก 7-10 ตารางเมตรสิ แต่นี่เจ้าจะสร้างแค่ 5-6 ตารางเมตรเท่านั้นรึ?”
เซียวหลีนั้นคิดว่าเซียวต้าหนิวนั้นเป็นคนที่ตลกดี แล้วนางจึงได้พูดออกไปตรงๆ “มันก็ไม่พอจริงๆนั่นแหละเจ้าค่ะ”
“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าลูกหมูตัวนึงราคาเท่าไรน่ะ?”
“เอาจริงๆข้าก็ยังไม่พร้อมที่จะเลี้ยงหมูหรอก”
“เอาเถอะเงินที่ได้มาง่ายๆ จะเอาไปใช้ทำบ้าๆอะไรก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้าอยู่แล้ว” เซียวต้าหนิวนั้นไม่อยากที่จะยุ่งด้วยมากนัก อย่างไรเสียชื่อเสียงของเซียวหลีนั้นก็ไม่ค่อยจะดีอยู่แล้ว ถึงแม้ว่านางจะช่วยหลานชายผู้ใหญ่บ้านเอาไว้ก็ตามที แต่นางก็ยังเป็นตัวซวยที่ไม่รู้ว่าจะถูกขับไล่ออกเมื่อไรอยู่ดี
ในใจของเขานั้น เขารู้สึกเสียใจกับเด็กสาวคนนี้นัก นางนั้นงามหยดย้อยแต่กลับไม่รู้ถูกใครทำร้าย ทำให้นางต้องแปดเปื้อนไปตลอดชีวิตของนาง