บทที่ 40 เจ้าคนเย็นชา
บทที่ 40
เจ้าคนเย็นชา
ในตอนเที่ยง เซียวหลีก็ได้นำลูกบดมาทุบบดแกลบอยู่สักพักหนึ่ง แต่กลับทำให้นางเหนื่อยและเหงื่อท่วมอย่างมาก
“อ๊ะ พี่เยี่ย....” พอดีเห็นเยี่ยเหลียงเฉินที่กำลังจูงม้าออกไป นางจึงได้เรียกเขา
แต่เยี่ยเหลียงเฉินนั้นกลับตัวสั่นขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเสียงของนาง เพราะการถูกผู้หญิงคนนี้เรียกนั้นไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเขา อย่างไรเสียก็ดูเหมือนว่านายท่านนั้นจะไม่ชอบที่เขาไปสนิทสนมกับนางมากนัก
ด้วยความที่เขาอาศัยอยู่ห้องข้างๆนั้นและยังมีหูที่ดี ทำให้เขาได้ยินคร่าวๆว่านายท่านของเขานั้นคิดที่จะพาผู้หญิงคนนี้กลับไปที่ตำหนักของเขาด้วย แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหรงสวินนั้นเห็นในความสามารถด้านการแพทย์ของนางหรือว่ามีแผนอื่นอยู่ในใจกันแน่
ตัวเขานั้นไม่กล้าที่จะเข้าไปยุ่งกับเรื่องของนายท่าน และไม่มีสิทธิที่จะเข้าไปยุ่งด้วยหลังจากที่ถูกเตือนเมื่อคืนนี้
“พี่เยี่ย อย่าเพิ่งไปสิ” เซียวหลีเรียกเขาแต่ก็เหมือนกับเขาไม่ได้ยินและเดินหนีไปจึงได้คว้าเขาเอาไว้ “พี่เยี่ย ช่วยอะไรข้าหน่อยสิ....”
“แม่นางเซียว ข้าขอโทษด้วยข้ามีธุระอื่นต้องทำ ข้าไม่สามารถช่วยเจ้าได้จริงๆ” เขานั้นคิดที่แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้นแล้วเดินจากไป แต่ผิดคาดที่ผู้หญิงคนนี้ดันมาคว้าตัวเขาเอาไว้ แต่จะไปว่านางก็ไม่ได้เพราะอย่างไรเสียนางก็ไม่ใช่หญิงที่มีสามีแล้วที่คอยโปรยเสน่ห์แก่ชายอื่นที่จะทำให้ตัวเขาต้องรังเกียจนางเสียเมื่อไหร่
เซียวหลีที่ก็ตอบกลับมาอย่างไม่เชื่อ “ก็แค่ปล่อยม้าไปกินหญ้าไม่ใช่รึไง?”
“นี่ก็เป็นเรื่องสำคัญเหมือนกันนะ”
เซียวหลีก็ได้ยิ้ม “พี่เยี่ย ข้าเห็นว่าท่านเป็นชายที่ทรงพลังกล้ามโต ท่านพอจะช่วยขาทุบแกลบพวกนี้ได้หรือไม่? อย่างที่เห็นมือของข้ามันพังไปหมดแล้ว”
นางแบมือออกมาตรงหน้าเขาทั้งแดงและพุพอง ถึงนางจะไม่ได้หลั่งน้ำตาออกมา แต่นางก็ดูน่าสงสารมากจนยากที่จะปฏิเสธไหว
เยี่ยเหลียงเฉินก็ได้มองไปที่กองแกลบอย่างไม่มีเหตุผล แล้วสงสัยว่ามีประโยชน์อะไรที่จะต้องบดแกลบพวกนี้ให้เป็นผงด้วย? จะต้องมีอะไรผิดปกติกับหัวของนางเป็นแน่
เขาจึงได้คิดที่จะปฏิเสธอย่างโหดเหี้ยม
“ก็ดีนะ เจ้าก็รับทำให้นางซะสิ”
ด้านหลังของเขา หรงสวินที่ออกมาจัดการธุระของตัวเองก็ได้เข็นรถเข็นออกมา แล้วเขาก็บังเอิญได้ยินที่เซียวหลีกำลังออดอ้อนเข้า
“ขอรับนายท่าน” เยี่ยเหลียงเฉินก็ได้ตอบอย่างช่วยไม่ได้ ในเวลานี้เขาเหมือนถือมีดด้วยสองมือ
เขาไม่รู้เลยว่านายท่านนั้นกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
ในขณะที่เซียวหลีกำลังยินดีอยู่นั้น นางก็แอบประหลาดใจที่เจ้าผีเลือดเย็นคนนั้นนึกยังไงถึงได้ช่วยนางกัน?
“ขอบคุณ พี่เยี่ยมากๆ”
เยี่ยเหลียงเฉิงก็ได้ผงกหัวตอบอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็ได้รับงานของเซียวหลีมาและบดต่อให้
เขานั้นตั้งมั่นในใจไว้แล้วแท้ๆว่า มันจะเป็นการฉลาดกว่าที่จะอยู่ให้ห่างๆเซียวหลี แต่สุดท้ายเขาก็หนีไม่พ้น
“ขอบคุณคุณชายด้วย”
หรงสวินได้เดินมาใกล้ๆนาง นางจึงได้ขอบคุณเขาอย่างเย็นชา
มือของนางนั้นเคยจับแต่ยา, เข็มเงินและมีดผ่าตัด นอกจากนี้แผลของนางก็ยังไม่หายดีมันรู้สึกเจ็บปวดไปหมดยามที่ต้องทำอะไร
“เจ้าจะทำอะไรไร้ประโยชน์เช่นนี้ไปทำไม?” หรงสวินก็ได้ถามอย่างไม่ใช่ และมองไปที่ครกเก่าๆใส่แกลบที่เยี่ยเหลียงเฉินกำลังทุบ
เซียวหลีก็ได้มองไปที่หรงสวินแล้วกล่าว “ข้าบอกท่านไปแล้วจะได้ประโยชน์อะไร? ทำไมข้าต้องบอกท่านด้วย?”
“อ้อเหรอ?” หรงสวินก็ได้มองไปที่เยี่ยเหลียงเฉินและคิดที่จะเปิดปากขึ้นมา แต่เซียวหลีก็ได้รีบพูดขึ้นมาก่อน “มันเป็นการพนันกันระหว่างท่านกับข้าไม่ใช่รึไง?”
นาข้าว 1 หมู่จะต้องได้ข้าว 500 ชั่ง
“ด้วยวิธีนี้จะสามารถทำให้เจ้าได้ข้าวจาก 145 ชั่งต่อหมู่ เป็น 500 ชั่งต่อหมู่อย่างนั้นเหรอ?” หรงสวินก็ได้ยิ้มสดใส
ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าเซียวหลีนั้นยังไงก็แพ้ แต่เขาก็ยังรู้สึกสงสัยกับสิ่งแปลกๆที่อยู่ในหัวของนางอยู่ดี
“ใช่ นอกจากภัยธรรมชาติและภัยที่มนุษย์ทำแล้ว นาของข้าก็จะปลูกข้าวได้ 500 ชั่งต่อหมู่ในปีนี้” เซียวหลียิ้มให้หรงสวิน “ว่าแต่พี่เยี่ยนี่เป็นคนคุ้มกันส่วนตัวของท่านเหรอ?”
หรงสวินไม่ตอบคำถาม และสงสัยว่าผู้หญิงคนนี้กำลังคิดทำอะไรอยู่กันแน่?
“ถ้าหากคิดจะช่วยคนแล้วก็ควรช่วยให้ถึงที่สุดว่ายังไง?”
หรงสวินก็ได้มองไปที่นาง “เจ้ามั่นใจเหลือเกินนะว่าข้าจะช่วยเจ้าน่ะ?”
เซียวหลีก็ได้มองไปที่เยี่ยเหลียงเฉินเป็นเชิงบอกว่า: นางกำลังขอให้เยี่ยเหลียงเฉินช่วยอยู่ไม่ใช่รึไง?
“ช่วยข้าขุดหลุมใหญ่ๆตรงนั้นแล้วก็ทำเล้าหมูให้ข้าทีสิ”
“แค่ทำเป็นเล้าก็น่าจะพอ ทำไมจะต้องขุดเป็นหลุมด้วย?”
“เอาน่า”
“เยี่ยเหลียงเฉินเป็นเหมือนพี่น้องของข้านะ ไม่ใช่ข้ารับใช้ธรรมดาๆ”
เซียวหลีก็ได้ยิ้มแล้วผงกหัว “รู้แล้วๆ”
หรงสวินก็ยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม “ข้าคิดว่าเห็นข้าเป็นเหมือนตัวทำเงินตั้งแต่ที่ข้ามาที่บ้านของเจ้า แล้วตอนนี้ยังจะใช้คนของข้าด้วยอีกเหรอ? มันจะไม่สะดวกสบายไปหน่อยรึไง?”
เซียวหลีก็ได้ไม่เห็นด้วยแล้วกล่าว “อย่างแรกเลยนะเจ้ามาที่นี่ก็เพื่อรักษาขาของเจ้า ซึ่งไม่ว่ามันจะรักษาหายหรือไม่ค่าใช้จ่ายในการกินอยู่ก็สมควรต้องจ่ายอยู่แล้ว และยิ่งไม่ต้องพูดถึงค่ายาและค่ารักษา สองเจ้าอยู่ที่นี่ด้วยกัน ข้ารักษาขาของเจ้าก็ไม่ได้หมายความว่าข้าเป็นผู้ติดตามหรือข้ารับใช้ของเจ้า หากมีบางอย่างที่ช่วยได้ก็ควรจะช่วยเหลือกันสิ”
“แต่ข้าจ่ายเงินให้นะ”
“เงินที่ท่านจ่ายมันเป็นแค่ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตเท่านั้น ไม่ใช้ค่าที่ข้าต้องคอยดูแลท่าน ท่านก็เห็นแล้วนี่ที่ท่านกิน, ดื่มและนอนตลอดวันนี้ ก็เป็นที่ทางครอบครัวของข้าจัดหามาให้ เงินน้อยนิดแค่นั้นจะไปพอได้อย่างไร?”
“ครอบครัวอื่นๆเขามีรายได้แค่ 4-5 ตำลึงต่อปีเท่านั้น แต่ข้าให้เจ้าไปตั้ง 10 ตำลึงทองเลยนะ!”
“แต่ทั้งปลาทั้งเนื้อที่ท่านกินทุกวันนี้ ท่านกล้าพูดไหมว่ามันแย่กว่าที่ร้านฉู่ฉู่หลิวเซียงน่ะ? การบริการต่างกันค่าใช้จ่ายก็ต้องต่างกันสิ”
“พูดอะไรไร้เหตุผลสิ้นดี....”
จริงๆนี่ยังแค่เล็กน้อย การบริการในยุคปัจจุบันนั้น, หากโดนติหรือให้ความเห็นในแง่ลบเมื่อไร ก็เตรียมตัวตกงานได้เลย
“เอาอย่างนี้ไหม? ท่านไปที่ตลาดพรุ่งนี้แล้วไปซื้อวัตถุดิบทำกับข้าวมาเอง หรือไม่งั้นก็ให้ทุกคนกินกันแต่ผักกาดขาวว่ายังไง?”
“เจ้า เจ้ายังเป็นผู้หญิงอยู่ไหมเนี่ย?”
“ท่านจะลองแตะตัวข้าดูก็ได้นะว่าข้าเป็นผู้หญิงหรือเปล่า?”
“ช่างไร้ยางอายจริงๆ เจ้าไม่กลัวบ้างหรือไงว่าถ้าเกิดข้าแข็งขืนขึ้นมาและไม่ต้องการการรักษาจากเจ้า เจ้าก็จะต้องใช้ชีวิตที่ยากจนโดยปราศจากตัวทำเงินอย่างข้าน่ะ?”
“ตายจริง ท่านพูดออกมาเองแล้วนะว่าท่านเป็นตัวทำเงินน่ะ”
...........
“เมื่อสักครู่พวกเรากำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันอยู่นะ?” หรงสวินที่เกือบจะโมโหใส่เซียวหลีนั้น ก็ได้สงสัยขึ้นมาว่าทำไมเขาถึงทะเลาะกับผู้หญิงคนนี้กันนะ? เหมือนเอาหัวของเขาจุ่มลงน้ำมาไม่มีผิด?
“ข้ากำลังบอกให้พี่เยี่ยขุดหลุมให้ข้า”
“เหมือนคิดอะไรสวยหรู แต่กลับพูดอะไรโง่....” แต่เขาพูดออกมายังไม่ทันจบ
“นายท่าน....” เยี่ยเหลียงเฉินที่อยู่ไกลออกไปก็เริ่มทนฟังทั้งสองคนทะเลาะกันต่อไปไม่ไหวจึงต้องพูดขัดขึ้นมา “นายท่าน ข้ามีเรี่ยวแรงเหลือเฟือ ตราบเท่าที่แม่นางเซียวช่วยรักษาขาให้ท่าน ถ้าหากข้าช่วยนางได้ข้าก็ยินดีช่วย”
ดวงตาของหรงสวินก็ได้เบิกกว้างขึ้นมา หรือว่า เยี่ยเหลียงเฉินเห็นว่าพวกเขาทั้งสองคนกำลังทะเลาะกันอยู่งั้นเหรอ?
ถ้าเช่นนั้น....
“ก็ได้ ข้าขอสั่งให้เจ้าทำทั้งหมดให้เสร็จพรุ่งนี้เช้าตามที่แม่....หมาเซียวสั่งก็แล้วกัน” หรงสวินกล่าวด้วยสีหน้าที่เย็นชา
“เจ้าว่าใครเป็นหมากัน? เจ้าคนเย็นชานี่”
“ใครก็ได้ที่เห่าน่ะ” หรงสวินกล่าวด้วยความโมโหแล้วก็เข็นรถเข็นตัวเองกลับเข้าไปในบ้านของเซียวเยี่ยน
“เจ้า....โอ๊ย!” เซียวหลีที่เตรียมจะไปทะเลาะด้วยต่อนั้น ก็ไม่รู้ว่าโดนอาวุธลับอะไรของหรงสวินพุ่งมาโดนที่ขาของนาง จนนางนั้นเกือบจะน้ำตาเล็ดด้วยความเจ็บ นางจึงได้ฝืนทนและต่อว่าเขา “เจ้าคนเย็นชา!”
“นายท่าน....” เยี่ยเหลียงเฉินนั้นไม่เคยเห็นภาพเช่นนี้มาก่อน นายท่านของเขาโกรธจัดเช่นนี้แต่กลับปล่อยนางไปง่ายๆ แต่อย่างไรก็ได้เขาก็เห็นเซียวหลีนั้นเอามือกุมขาของนางข้างหนึ่งอยู่
เอาเถอะ อย่างไรเสียนางก็เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ทำไมจะต้องไปใส่ใจอะไรมากกับผู้หญิงคนเดียวกัน?
เพียงแต่....
รีบจัดการทุบแกลบนี่ให้เสร็จดีกว่า ยังมีเล้าต้องทำและหลุมที่ยังไม่ได้ขุดอีก
ในขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น เขาก็บังเอิญไปเห็นเซียวหลีที่ถกขากางเกงขึ้นมาและเผยขาและเท้าขาวๆของนางกลางวันแสกๆท่ามกลางแสงตะวัน
ถึงแม้ว่าจารีตของรัฐต้าฉู่นั้นจะเปิดกว้างกว่าที่อื่น แต่ก็ไม่มีใครที่กล้าถกขากางเกงขึ้นมาต่อหน้าผู้ชายเช่นนี้ หัวใจของเยี่ยเหลียงเฉินก็ได้เต้นเร็วขึ้นมาทันที แล้วรีบเดินหนีไปราวกับกระต่ายวิ่ง
เซียวหลีที่เงยหน้าขึ้นมามองเมื่อนางได้ยินเสียงเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว แล้วก็ได้แต่คิดว่าคนโบราณนี่ทำตัวแปลกๆกันจริงๆ
หรงสวินก็ทำไว้เจ็บแสบจริงๆ เขาของนางนั้นแดงขึ้นมาเพราะก้อนหิน ซึ่งขาไม่หักหรือเลือดออกแต่อย่างใด และนางก็ยังพอเดินได้
แต่นางก็ได้จดจำแค้นนี้เอาไว้ สิบปีก็ยังไม่สายสำหรับนางที่จะล้างแค้น และเอาไว้รอตอนฝังเข็มในคืนนี้เถอะ
ในเวลานี้เซียวหลีได้หยิบเอากิ่งไม้ขึ้นมาแล้วขีดเขี่ยลงไปที่พื้นแล้ววาดเป็นภาพร่างออกมา