บทที่ 39 สิ่งที่แย่คือความคิดเห็นส่วนรวม
บทที่ 39
สิ่งที่แย่คือความคิดเห็นส่วนรวม
“ข้าจ่ายเงินดำรงชีพให้เจ้าไปแล้วนี่”
เซียวหลีก็ได้ถามกลับไป “ท่านเคยพูดไม่ใช่เหรอว่าอาหารที่ข้าทำน่ะอร่อยกว่าของที่ร้านฉู่ฉู่หลิวเซียงอีกน่ะ?”
หรงสวินก็ได้ทำเสียงในลำคอ
“ข้าทำอาหารให้ท่านทั้งเช้าและเย็น ซึ่งจากในรายการอาหารของร้านฉู่ฉู่หลิวเซียงแล้ว แค่ 1 ตำลึงทองเนี่ยเพียงพอเป็นค่าดำรงชีวิตแค่ 3-5 วันเท่านั้นแหละ และวันนี้ท่านก็ควรที่จะใช้จ่ายประจำวันของวันนี้มา”
ในเมื่อเขาคิดที่จะหลอกล่อนางด้วยเงินแล้วล่ะก็ นางจะไม่ยอมเสียเปรียบอยู่เพียงฝ่ายเดียวเด็ดขาด
“เจ้าปล้นกันชัดๆนี่”
“ปล้นกันซึ่งๆหน้าเช่นนี้ ทางการไม่ยอมรับเรื่องอยู่แล้ว”
หรงสวินก็ได้ทำเสียงฮึ่มในลำคอ แล้วมองไปที่เซียวหลีอย่างตั้งใจ ใบหน้าของนางนั้นก็ใช้ได้จริงๆ ขอเพียงนางดูมีน้ำมีนวลขึ้นมา และผิวที่ดีขึ้นมากกว่านี้แล้ว บางทีนางก็อาจจะงดงามขึ้นมาจริงๆก็ได้
“เจ้านี่ช่างชอบเงินเสียเหลือเกิน และบังเอิญว่าตัวข้าก็มีเงินเยอะมากเสียด้วย และข้าเองก็สนใจในความสามารถของเจ้ามาก ถ้าหากว่าเจ้าสามารถรักษาขาของข้าได้จริงๆ ข้าก็จะให้เจ้ามาอยู่เคียงข้างข้า ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดเจ้าก็จะต้องมานวดให้ข้าแลกกับเงินเดือน ว่ายังไง?”
เซียวหลีก็ได้ยิ้มกรุ้มกริ่ม “นี่ท่านคิดที่จะซื้อข้าไปเป็นข้ารับใช้ของท่านงั้นเหรอ?”
หรงสวินก็ได้ครุ่นคิด “เจ้าจะว่าอย่างนั้นก็ได้”
“ถึงข้าจะรักเงิน แต่ข้าขอเลือกอิสระดีกว่า ท่านอย่าคิดว่าเงินจะซื้อได้ทุกสิ่งนะ” แต่การอยู่โดยไม่มีเงินเลยจะเป็นไปไม่ได้เลย นางจึงต้องทำงานหนักเช่นนี้เพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัวของนาง และต้องหาพ่อที่ดีให้เซียวเป่าเอ๋ออีกเพื่อช่วยเพิ่มอนาคตที่สดใสของเซียวเป่าเอ๋อให้มากขึ้น
หรงสวินก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ทำไมเขาถึงได้ไม่เข้าใจความคิดของเซียวหลีที่อยู่ตรงหน้าเขาเลยนะ
ในวันต่อมา เซียวหลีก็ได้เอาเนื้อที่นางเตรียมไว้เอาไปที่บ้านของหวังกุ้ยฮวา
เซียวซีซีก็ได้มองไปที่เซียวหลีอย่างสงสัยแล้วกล่าว “พี่อาหลี คุณชายคนนั้นมาที่บ้านของพี่อีกแล้ว ขาของเขาสามารถรักษาหายได้เหรอเจ้าคะ?”
เซียวหลีก็ได้ผงกหัว “แน่นอน”
“เขาได้บอกว่าเขาเป็นเถ้าแก่ร้านขายยาจี้หมินหรือเปล่าเจ้าคะ?”
เซียวหลีก็ได้ส่ายหัว “อันนี้ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ว่าข้าคิดว่าเขาน่าจะมีความเกี่ยวข้องไม่มากก็น้อยอยู่นะ”
เซียวซีซีก็ได้อายหน้าแดงขึ้นมาแล้วกล่าว “ข้าไปเล่นที่บ้านของพี่บ่อยๆได้ไหมเจ้าคะ?”
เซียวหลีก็พอจะมองออกว่า ว่าเซียวซีซีนั้นชอบเจ้าคนสารเลวหรงสวินนั่น
“ซีซี คุณชายท่านนั้นน่ะมาจากตระกูลเศรษฐีเขาย่อมที่จะมีภรรยาสามอนุสี่นะ แล้วเขายังมีนิสัยแปลกๆอีก ชอบกดหัวคนตลอดเวลา เจ้ายังจะชอบเขาลงอีกเหรอ?”
เซียวซีซีก็ได้มีใบหน้าแดงก่ำกว่าเดิมแล้วกล่าวอย่างอายๆ “มีผู้หญิงในหมู่บ้านคนไหนบ้างที่จะไม่ชอบเขาบ้าง? แม้แต่อิงอิง, อวี้เวยกับอวี้เมี่ยวก็ยังแอบมองดูเขาจากนอกรั้วบ้านของพี่ทุกวันเลยนะ”
เจ้าผีเลือดเย็นคนนั้นมีดีตรงไหนกันนะ?
“อาหลี เจ้าบอกว่าเจ้ามาที่นี่ก็เพื่อเอาเนื้อที่มีค่าเช่นนั้นมาให้อย่างนั้นเหรอ? ถ้าไม่แย่เกินไปนักก็เอามาแลกกับแกลบของข้าก็แล้วกัน” หวังกุ้ยฮวาก็ได้รับเนื้อนั้นมาแล้วชวนเข้ามาข้างใน
“เกิดอะไรขึ้นรึ? ทำไมถึงได้หน้าแดงเช่นนี้?” มองไปที่เซียวซีซี หวังกุ้ยฮวาก็ได้สงสัยชั่วขณะ?
“ไม่มีอะไรหรอกเจ้าค่ะ ข้าก็แค่คุยกับพี่หลีเท่านั้น”
หวังกุ้ยฮวาก็ไม่ได้ถามต่อ แล้วมองไปที่เซียวหลีแล้วกล่าว “แกลบพวกนี้ได้เก็บเอาไว้ในบ้านของข้ามาเป็นปีแล้ว เดี๋ยวข้าจะห่อให้เจ้าเอากลับไปนะ”
“ขอบคุณท่านป้ามาก”
“ไม่เป็นไร เนื้อที่เจ้าเอามาน่ะสามารถใช้กินได้ตลอดทั้งเดือนเลยนะ” หวังกุ้ยฮวาก็ได้บอกให้เซียวซีซีกลับเข้าไปในบ้านก่อน
“ถ้าอย่างนั้นข้าไปเล่นด้วยวันหลังนะเจ้าคะ พี่อาหลี” ถึงแม้เซียวซีซีจะไม่พอใจ แต่นางก็ยังกลัวว่าหวังกุ้ยฮวานั้นจะตีนาง จึงได้กลับเข้าบ้านไปอย่างอิดออด
“เป็นอะไรนะเด็กคนนี้” เนื่องจากหวังกุ้ยฮวานั้นเป็นคนที่ง่ายๆสบายๆ เซียวซีซีจึงได้รับอิทธิพลมาจากนางโดยตรง และวันนี้นางดูแปลกๆไปนั้นโดยไม่ทราบสาเหตุ
“เป็นเรื่องปกติที่ลูกนั้นมักจะมีความคิดเป็นของตัวเองอยู่ในใจล่ะนะ” เซียวหลีกล่าว
หวังกุ้ยฮวาก็ได้ยิ้ม แล้วพาเซียวหลีเข้ามานั่งข้างใน แล้วกล่าวอย่างจริงจัง “อาหลี ข้าได้ยินมาว่าผู้ชายที่เจ้าช่วยเอาไว้ได้กลับมาอย่างนั้นรึ?”
เซียวหลีผงกหัว
“ป้าก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร แต่ป้าเป็นห่วงเจ้านะ ไม่มีใครที่คอยดูแลครอบครัวของเจ้า และการที่รับชายแปลกหน้าเข้ามาในบ้านเช่นนี้เป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากจริงๆ เจ้าคงจะไม่ลืมใช่ไหมว่าทำไมในตอนนั้นถึงได้เกิดการต่อสู้กันขึ้นมาน่ะ?” หวังกุ้ยฮวานั้นรู้ว่าเซียวหลีนั้นโตแล้วและมีความคิดเป็นของตัวเอง แต่นางก็ยังต้องพูดออกมาไม่ว่าเซียวหลีนั้นต้องการที่จะฟังหรือไม่
ทำไมเซียวหลีจะจำไม่ได้? การที่จู่ๆผู้คนก็ออกมาต่อว่าว่านางนั้นล่อลวงชายแปลกหน้าให้มาอยู่ในหมู่บ้านนั้นเป็นการทำลายฮวงจุ้ยของหมู่บ้าน
“แน่นอนว่าข้าไม่ลืม แต่ข้าไม่สามารถออกไปลากคอเจ้าเฒ่าขี้โกหกนั่นที่หลอกลวงผู้คนมาคิดบัญชีได้”
หวังกุ้ยฮวาก็ได้ผงะ เซียวหลีนั้นแตกต่างไปจากเดิมอย่างมาก ดูกล้าหาญขึ้นมามากราวกับเป็นผู้ชาย
เมื่อคิดเช่นนี้แล้วผู้คนนั้นง่ายที่จะถูกหลอก และมีเพียงต้องแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้นถึงจะทำให้ผู้อื่นเชื่อได้
ครั้งที่แล้วเองก็เช่นกันนางนั้นเห็นเซียวหลีที่พยายามสู้อย่างหนักและต่อสู้คนทุกคนในหมู่บ้าน ซึ่งทำให้นางนั้นรู้สึกชื่นชมและอยากที่จะเตือนนางเช่นกัน
นางนั้นไม่ชอบการรังแกคนที่อ่อนแอเช่นนั้น นางจึงมักคอยแอบช่วยเหลือผู้คนอยู่ตลอด
“ผู้อาวุโสท่านนั้นยังพอมีความสามารถอยู่บ้าง” แล้วหวังกุ้ยฮวาก็ได้พูดในสิ่งที่นางคิดออกมา “ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าเคยไปยุ่งอะไรกับเขาไหม? ทำให้เขาพูดคำพล่อยๆเช่นนั้นออกมาแน่ เพราะจารีตดั้งเดิมของรัฐต้าฉู่เรานั้นเปิดกว้างอยู่แล้ว....”
แล้วหวังกุ้ยฮวาก็ได้ลดเสียงต่ำลงและกระซิบกระซาบกับนางเบาๆ “จริงๆแล้วองค์ฮ่องเต้เองก็แต่งกับแม่ม่ายเข้าวัง แล้วแต่งตั้งให้เป็นนางสนมซึ่งลูกชายที่เกิดมาก็ยังได้ชื่อว่าเป็น องค์ชายเทพสงครามอีกด้วย”
หลังจากที่สามีของหวังกุ้ยฮวาเสีย ครอบครัวของนางเองก็ต้องการที่จะให้นางกลับไปแล้วหาสามีให้นางใหม่เพื่อสานสัมพันธ์อีกหน แต่ทว่านางกลับปฏิเสธก็เพื่อตัวของเซียวซีซีและเพื่อคนรักของนาง ทำให้นางสามารถเอาชนะใจของทางอำเภอและกลายเป็นผู้หญิงดีเด่น
นั่นคือมันไม่ใช่เรื่องปกตินักที่คู่ชายกับหญิงที่ลิขิตจากสวรรค์นั้นจะได้แต่งงานกัน
ที่ไม่ปกติจริงๆคือการที่เซียวหลีนั้นไม่รู้ว่ามีลูกกับใครมากกว่า หวังกุ้ยฮวาก็ไม่กล้าที่จะถาม และตัวเซียวหลีเองก็ไม่รู้
เป็นเพราะเขาแข็งแกร่งกว่า? หรือว่าจะมีคนหลอกนางให้มีลูกกับเขา?
นางจำอะไรไม่ได้เลยสักนิด
“ก็ไม่เคยไปยุ่งอะไรด้วยนะ น่าจะมีใครสักคนทำให้เขายอมพูดอะไรไร้สาระเพื่อเงินมากกว่า และก็เพราะจารีตที่เปิดกว้างนี้ด้วย ไม่อย่างนั้นคนอย่างข้าคงตายไปนานแล้ว”
หวังกุ้ยฮวาก็ได้พูดต่อ “ไม่ใช่สินะ แต่โลกนี้ก็มักจะไม่ยุติธรรมกับผู้หญิงอย่างพวกเราอยู่แล้ว มันเป็นอะไรที่น่ากลัวนักเจ้าควรที่จะระวังตัวให้มากขึ้นนะ”
เซียวหลีก็ได้ผงกหัวแล้วกล่าว “ที่น่ากลัวจริงๆคือความคิดส่วนรวมของผู้คนมากกว่า”
“จริงๆแล้ว สิ่งที่น่ารังเกียจที่สุดน่ะคือลุงของเจ้าสองคนนั้น ที่คิดจะขับไล่พวกเจ้าออกไปและหวังผลประโยชน์จากเรื่องนี้ ข้าคิดว่าพวกเขานั้นคงจะอยากได้ที่ดินของพ่อเจ้าเซียวต้ากุ้ย
แล้วคนในหมู่บ้านคนอื่นๆก็ได้รับส่วนแบ่งจากเรื่องนี้ด้วยบางส่วน ไม่อย่างนั้นคนหมู่มากคงไม่เคลื่อนไหวเช่นนี้หรอก” หวังกุ้ยฮวาก็ได้เสนอความคิดให้เซียวหลี อย่างไรก็ดีนางนั้นชื่นชมความเข้มแข็งที่ดุดันของเซียวหลี
เซียวต้ากุ้ย
เซียวหังในความทรงจำของนางนั้น พ่อของนางนั้นถึงจะเป็นคนที่มีความรู้อยู่นิดหน่อย แต่ก็ยังเป็นนักวิชาการ ตัวเขานั้นไม่ชอบชื่อเซียวต้ากุ้ยของเขามากจึงได้เปลี่ยนไปใช้ชื่อเซียวหัง นางนั้นยังจำได้รางๆว่าพ่อของนางนั้นได้สั่งห้ามไม่ให้แม่เรียกเขาว่าต้ากุ้ย
คำว่า“หัง”ก็ไม่ใช่คำที่ดีนัก แล้วที่โหดร้ายที่สุดคือทิ้งผู้หญิงเอาไว้แล้วจากไปนานหลายปี
“เอาเถอะ เลิกพูดถึงเรื่องแย่ๆพวกนี้กันเถอะ ข้าขอตัวกลับก่อนละกัน ในเวลานี้ข้าได้ทดลองปลูกข้าววิธีใหม่อยู่ ซึ่งอาจทำให้ได้ผลผลิตได้เป็นสองเท่า ท่านป้าสนใจที่จะมาเสี่ยงดวงกับข้าไหม?” เซียวหลีนั้นไม่มีเพื่อนมากนักในโลกก่อนเพราะอาชีพและฐานะของนาง แต่ในเวลานี้นางนั้นสามารถทำอะไรก็ได้ที่นางต้องการในบ้านนอกแห่งนี้ นางจึงคิดที่จะสร้างมิตรกับพวกป้าๆก่อน แล้วจากนั้นค่อยขยับขยายออกไปในอนาคต
“นั่นมันเรื่องดีไปเลยไม่ใช่รึไง? แล้วทำอย่างไรบ้างล่ะ? บอกข้าหน่อยข้าจะได้ไปลองทำดูบ้าง” หวังกุ้ยฮวาก็ได้สนใจขึ้นมา แต่หลังจากที่ได้ฟังวิธีจากเซียวหลีแล้วไฟของนางก็ได้หายไป อย่างไรเสียวิธีการปลูกเช่นนี้ต้องใช้แรงงานอย่างมาก ทำให้นางนั้นไม่กล้าที่จะลองเสียงและพูดออกมา “เอาเป็นว่าข้าจะลองสักแปลงก่อนก็แล้วกัน”
“ท่านป้าวางใจได้ ข้ากำลังเพาะต้นกล้าอยู่ หลังจากวันนี้ไปท่านสามารถมาขอต้นกล้าจากข้าได้”
เซียวหลีก็เข้าใจความคิดของเซียวหลีได้ รัฐต้าฉู่นั้นเก็บภาษีหนักมาก ถ้าไม่เกิดหายนะทางธรรมชาติเป็นวงกว้างแล้ว ที่นานั้นจะถูกคิดเป็นข้าว 150 ชั่งต่อหมู่นั้นจะถูกหักออกไป 45 ชั่งต่อหมูเพื่อจ่ายเป็นภาษี นั่นหมายความว่าข้าวจำนวน 3 ชั่งจะต้องถูกนำไปจ่ายเป็นภาษีต่อข้าว 10 ชั่ง จึงเป็นเรื่องปกติที่จะรู้สึกกลัวขึ้นมาว่าจะจ่ายภาษีไม่ไหว