บทที่ 37 นางจูบเจ้าเหรอ?
บทที่ 37
นางจูบเจ้าเหรอ?
เซียวเหวินไฉนั้นก็รู้สึกเหมือนกับฝันไป เซียวหลีนั้นพูดคุยกับเขาโดยไม่หลบเลี่ยงจริงๆด้วย ทั้งหมดนี้ได้เปลี่ยนไปตั้งแต่ในคืนนั้น
แม้ว่าในตอนนี้นางจะยังไม่ยอมตกลงแต่งงานและอยู่ร่วมกับเขา ความฝันสูงสุดของเขาในเวลานี้คือการได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในหมู่บ้านนี้ ทำงานตั้งแต่ย่ำรุ่ง, พักผ่อนในย่ำค่ำ และคอยดูแลนางไม่ห่าง
เซียวเหวินไฉก็ได้แอบพูดในใจ “ไม่อยากตื่นจากฝันนี้เลย” แต่แล้วเขาก็ได้ล้มลงไปในนา
“พี่เหวินไฉ?” เซียวหลีก็ได้ตกใจ โชคยังดีที่ยังไม่ได้ปล่อยน้ำเข้ามาในนา ไม่อย่างนั้นทั้งคู่ได้กลายเป็นตุ๊กตาดินเหนียวแน่
“ไม่เป็นไรๆ” เซียวเหวินไฉก็ได้ตอบอย่างอายๆ เขามองไปที่เสื้อผ้าของเซียวหลีที่สกปรกก็ได้กล่าวขอโทษ “ข้าขอโทษด้วยที่ทำให้เสื้อผ้าของเจ้าต้องเปื้อนเสียแล้ว”
“อย่าพูดเลย” เซียวหลีก็ได้จับไปที่ข้อมือของเขาเพื่อตรวจชีพจร ในชั่วขณะนั้นคิ้วของนางก็ได้ขมวดแล้วก็คลายออก “ร่างกายของท่านอ่อนแอมาก ท่านพักผ่อนก่อนเดี๋ยวข้าทำที่เหลือต่อเอง”
เซียวเหวินไฉนั้นตอบอย่างหลีกเลี่ยง แต่ตัวเขานั้นหดหู่มากในหลายวันมานี้ เขาทานอาหารสามมื้อตามอารมณ์ของเขา
มองไปที่เซียวหลีที่มีสีหน้าจริงจังแล้ว เขานั้นรู้สึกยินดีมากที่ได้ใกล้ชิดกับเซียวหลี แต่เขาก็ไม่อยากให้ชื่อเสียงของนางต้องด่างพร้อย เพราะในเวลานี้คนในหมู่บ้านต่างก็ไม่ชอบนางกันอยู่แล้ว
เซียวเหวินไฉจึงได้พยายามรักษาระยะห่างจากเซียวหลี
“ท่านลุงเหวินไฉหิวหรือเปล่าขอรับ?” เซียวเป่าเอ๋อก็ได้วิ่งมาหา
เซียวหลีก็ได้ผงกหัว “ใช่”
แล้วนางก็ได้ประคองเซียวเหวินไฉไปนั่งลงที่ก้อนหินก้อนหนึ่ง
เซียวเป่าเอ๋อก็ได้ค้นในแขนเสื้อของเขา แล้วก็หยิบเอาหมั่นโถวออกมาหนึ่งลูกแล้วยื่นส่งให้เซียวเหวินไฉ “นี่คือข้าวเช้าที่ท่านแม่ทำ ท่านจะเอาไปกินก่อน”
เขานั้นเป็นพวกช่างกิน ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาก็จะเอาของกินใส่เอาไว้ตามตัวของเขาแล้วหยิบมากินทุกเมื่อที่เขาต้องการ
เซียวเหวินไฉก็ได้ไม่เกรงใจ เขาหยิบเอาหมั่นโถวขึ้นมาแล้วลูบไปที่หัวน้อยๆของเป่าเอ๋อ “เอาไว้ข้าจะคืนให้เจ้า 10 ลูกพรุ่งนี้ดีไหม?”
“ไม่ต้องหรอกขอรับ ท่านลุงเหวินไฉให้ข้ายืมหนังสือพิชัยยุทธ์แล้วยังสอนข้าอ่านเขียนอีก ของเหล่านี้เป็นสิ่งที่มีค่ามากมายท่านลุงเหวินไฉให้ข้ามาแล้ว” เซียวเป่าเอ๋อกล่าวด้วยสีหน้านิ่งๆ
เซียวเหวินไฉก็ได้ยิ้มอย่างมีความสุขออกมา เขานั้นชอบเด็กคนนี้จริงๆ ความคิดของเขานั้นสูงส่งมากชนิดที่ว่าเด็กธรรมดาๆเทียบไม่ติดเลย
“เป่าเอ๋อความรู้เหล่านี้มันจะกลายเป็นอาวุธชั้นยอดเมื่อเจ้าโตขึ้นนะ!” เซียวเหวินไฉนั้นอดไม่ได้ที่จะชมเด็กคนนี้ ถ้าหากว่าเซียวหลีไม่ได้เข้าเมืองหลวงไปในเวลานั้น เขากับเซียวหลีก็คงจะแต่งงานกันไปแล้ว แล้วเป่าเอ๋อ.....
แต่อดีตนั้นไม่สามารถเรียกคืนกลับมาได้!
เซียวเป่าเอ๋อที่เห็นเซียวเหวินไฉที่หดหู่อย่างชัดเจน เขาได้เกือบจะเช็ดน้ำตาให้
“ท่านลุงเหวินไฉ....” เซียวเป่าเอ๋อก็ได้มองไปที่ เซียวเหวินไฉที่กำลังนั่งด้วยสีหน้าที่เศร้าหมอง จึงได้ตบที่ไหล่ของเขาเบาๆแล้วกล่าว “ทำไมท่านลุงเหวินไฉถึงได้เศร้าขึ้นมาล่ะ?”
เซียวหลีเองก็รู้สึกได้ว่าเซียวเหวินไฉนั้นเป็นเหมือนผู้หญิงที่กำลังเศร้าหมอง, ผอมบาง, อ่อนแอและน่าเวทนา
เซียวเหวินไฉก็ได้เปลี่ยนสีหน้าแล้วยิ้มขึ้นมา “ไม่มีอะไรหรอก ข้ากำลังดีใจต่างหาก หลายวันมานี้ข้ามีความสุขมากจากในหลายปีที่ผ่านมา จนข้าเกือบลืมไปแล้วว่าตัวเองเป็นใคร”
“แล้วทำไมท่านลุงถึงได้มีความสุขล่ะ?” เซียวเป่าเอ๋อนั่งลงยองๆ แล้วตำราพิชัยยุทธ์เหน็บไว้ที่แขนข้างหนึ่ง แล้วเอาแขนอีกค้างเท้าแก้มของตัวเองแล้วถาม
เซียวเหวินไฉก็ได้ยิ้มและกัดทานหมั่นโถวไปหนึ่งคำ แล้วพบว่ามันทั้งหวานและนุ่มมาก เรียกได้ว่ามันอาจจะดีกว่าหมั่นโถวที่ขายกันในเมืองเสียอีก
“เพราะแม่เจ้านั่นแหละ”
เซียวเป่าเอ๋อก็ได้ตกตะลึง เขามองไปที่เซียวหลีที่อยู่ห่างออกไป แล้วเข้าไปใกล้ๆหูของเซียวเหวินไฉแล้วถาม “ท่านลุงเหวินไฉยังไม่ยอมแพ้เรื่องที่จะเป็นให้พ่อของเป่าเอ๋อ อีกเหรอขอรับ?”
เซียวเหวินไฉก็ได้ฉีกหมั่นโถวออกส่วนหนึ่งแล้วยัดเข้าปากของเซียวเป่าเอ๋อ “แล้วเจ้าอยากให้ข้าเป็นพ่อของเจ้าไหมล่ะ?”
เซียวเป่าเอ๋อก็ได้ผงกหัวราวกับไก่จิกข้าว “แน่นอนขอรับ”
ถ้าไม่ใช่เพราะเซียวเหวินไฉยินดีที่จะอยู่ในหมู่บ้านคอยสอนหนังสือให้ผู้คนแล้ว ตัวเขาก็คงจะได้ร่ำเรียนในระดับสูงๆไปนานแล้ว
ในเวลานี้เซียวหลีนั้นได้ม้วนขากางเกงขึ้นมาและผูกชายเสื้อของนางให้แน่นเพื่อจัดการพรวนดินต่อ
“ว้าว....ท่านแม่....” เซียวเป่าเอ๋อนั้นอยากที่จะบอกว่าในเวลานี้ท่านแม่ไม่มีภาพลักษณ์เหมือนผู้หญิงแล้ว เป็นเหมือนผู้ชายไม่มีผิด
แต่แล้วเซียวเป่าเอ๋อก็เป็นกังวลขึ้นมา ท่านแม่ของเขาเป็นเช่นนี้แล้ว นางจะหาสามีดีๆได้อย่างไรกัน?
เซียวเหวินไฉเองก็ตกใจ ตัวเขากับเซียวหลีต่างก็เติบโตมาด้วยกัน และไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่านางทำนาเป็นด้วย
อย่างไรเสียเซียวหลีนั้นไม่เคยทำมาก่อนเลยในโลกนี้ ซึ่งหลังจากที่ทดลองดูแล้วก็คิดว่านางเองก็น่าจะทำได้ แต่อาจต้องให้วัวคอยช่วยเหลือด้วย
จนกระทั่งได้เวลายามอู่สามเค่อ(12:45) แปลงของ เซียวเหวินไฉก็ได้พรวนเรียบร้อยดี
เซียวเหวินไฉที่พักเกือบจะหายเหนื่อยแล้ว ก็ได้ลุกขึ้นมาเตรียมหว่านข้าว แต่ก็ถูกขัดโดยเซียวหลีเสียก่อน
“พี่เหวินไฉ ข้าเคยฝันเมื่อสองวันก่อน ท่านผู้เฒ่าหยวนได้บอกกับข้าว่าข้าวนั้นจำเป็นต้องปลูกต้นกล้าก่อน แล้วจึงค่อยปลูกอีกหน และจากอุณหภูมิของที่นี่แล้วน่าจะปลูกได้ถึงสองหนต่อปี แล้วยังสอนเทคนิคทำข้าวผสมให้กับข้าด้วย ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลผลิตให้อย่างมาก ทำไมพวกเราไม่ลองดูสักหน่อยล่ะ?” เซียวหลีนั้นไม่อาจที่จะบอกออกไปได้ว่านางนั้นรู้ว่าข้าวนั้นควรที่จะปลูกเป็นต้นกล้าก่อนแล้วจากนั้นค่อยปลูกในแปลงทดน้ำ และข้าวผสมจากในอนาคตนี้ก็น่าจะมีเพียงนางคนเดียวในโลกนี้ที่รู้ด้วย?
ยิ่งไปกว่านั้นข้าวผสมนั้นจำเป็นต้องปลูกไปสักหนึ่งฤดูกาลก่อน แล้วก็ไม่มีอะไรรับประกันด้วยว่าจะพบเกสรข้าวตัวผู้ที่เป็นหมันด้วย
เซียวเหวินไฉก็ได้หัวเราะออกมาเบาๆ “ความฝันก็เป็นแค่ความฝันวันยังค่ำน่า ไม่มีอะไรมายืนยันได้ว่าวิธีนั้นจะได้ผลจริง”
“แต่ข้าก็ยังอยากที่จะลองดูนะ ถ้าหากเจ้ากลัวว่าจะไม่มีข้าวกินปีนี้ เจ้าจะลองปลูกตามเดิมที่แปลงของเจ้าไปก่อนก็ได้นะ” เซียวเหวินไฉคงไม่อาจที่จะยอมรับได้ทันทีซึ่งนางเองก็เข้าใจได้ อย่างไรเสียการเก็บเกี่ยวได้มากๆนั้นต่างก็เป็นความฝันของใครหลายคนอยู่แล้ว
“ถ้างั้นก็บอกมาว่าต้องทำอย่างไรบ้าง?”
เซียวเหวินไฉนั้นอยู่ได้ด้วยการเก็บค่าสอนหนังสืออยู่แล้ว ซึ่งไม่รู้ทำไมแต่เขาอยากที่จะทำตามความคิดบ้าๆของเซียวหลี ตราบเท่าที่เขาได้พบกับนางก็ไม่สำคัญหรอกว่าจะเก็บเกี่ยวได้ผลดีหรือไม่ ถ้าเกิดมีปัญหาขึ้นมาก็ค่อยขายที่ดินไปบางส่วนจ่ายภาษีเอาก็ได้
“เจ้าก็รับผิดชอบทดน้ำเข้าไปในแปลงนาและหว่านปุ๋ยลงไป ส่วนข้าจะรับผิดชอบการปลูกต้นกล้าเอง?”
“ยังไม่ต้องเอาน้ำเข้าเมล็ดเลยเหรอ?”
“เจ้าขุดดินเอาไว้ส่วนนึงก็พอไม่ต้องมาก สักประมาณ....” เซียวหลีกล่าว แล้วชี้ไปที่ส่วนประมาณ 5-6 ตารางเมตร “แล้วโรยปุ๋ยคอกลงไปบางส่วนก็พอ”
เซียวเหวินไฉคิดว่ามันแปลกๆอยู่ “เจ้าคิดที่จะปลูกบนพื้นดินงั้นเหรอ?”
เซียวหลีก็ได้ผงกหัว “ใช่แล้ว รอให้ต้นกล้าโตก่อนแล้วจากนั้นก็เลือกดูเอาต้นอ้วนๆไปปลูกในแปลงนา”
เซียวเหวินไฉก็พลันรู้สึกขึ้นมาว่าถึงแม้เขาจะบอกไม่ได้ว่ามันจะได้ผลจริงๆหรือไม่ แต่จริงแล้วมันก็ไม่ได้ต่างจากการทำนาปกติมากนัก แค่เพิ่มขึ้นมาขั้นตอนนึงเท่านั้น แต่ว่าคนก็ต้องทำงานหนักขึ้นไปอีก
“ตกลงตามนั้น”
“ดี ถ้าอย่างนั้นวันนี้ข้าจะกลับไปพักผ่อนก่อน วันพรุ่งนี้ข้าจะมารับผิดชอบการปลูกต้นกล้าเอง ส่วนเจ้าก็รับผิดชอบงานที่ใช้แรงอย่างการทดน้ำและหว่านปุ๋ย” เซียวหลีกล่าว
เซียวเหวินไฉก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมา ชายหญิงทำงานร่วมกันเช่นนี้ทำให้เขาไม่เหน็ดเหนื่อยเลยสักนิด
..........
หลังจากทานมื้อค่ำเสร็จ ก็เป็นเวลามืดแล้ว และหรงสวินก็ได้รู้สึกมีอาการชาหน่อยๆที่เท้า เขาจึงรู้สึกแปลกๆขึ้นมานิดหน่อยแต่ก็นึกถึงมือของเซียวหลีขึ้นมา
ซึ่งสามารถพูดได้เลยว่า นางนั้นมีฝีมือในการนวดจริงๆ
“เหลียงเฉิน....” หรงสวินตะโกนเรียก ซึ่งภายในชั่วพริบตาเยี่ยเหลียงเฉินก็ได้มาปรากฏตัวต่อหน้าเขา
“นายท่านมีต้องการอะไรเหรอขอรับ?”
หรงสวินก็ได้กระแอมแล้วกล่าว “ช่วยไปถามให้ทีว่าเมื่อไรเซียวหลีถึงจะมาฝังเข็มและนวดให้ข้า?”
“คือว่า....” เยี่ยเหลียงเฉินที่ตั้งสติไม่ได้ไปชั่วขณะหนึ่ง ในเวลานี้เขาได้ถูกขอให้ไปตามเซียวหลีทำให้เขารู้สึกอายขึ้นมาหน่อยๆ
“วันนี้เจ้าเป็นอะไรไป? มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นรึ?” หรงสวินนั้นรู้สึกได้ว่าวันนี้เยี่ยเหลียงเฉินนั้นดูแปลกๆไปและเมื่อกลางวันก็กลับมาพร้อมกับม้าท้องกิ่ว
เยี่ยเหลียงเฉินก็ได้ส่ายหัวแล้วเตรียมไปเรียกเซียวหลี ในขณะที่เขากำลังเดินไปที่ประตู เขาก็ได้ถอยกลับมาราวกับรวบรวมความกล้าขึ้นมาได้แล้วกล่าว “นายท่าน ข้าไม่รู้จะควรจะพูดเรื่องนี้ออกไปหรือไม่ดี?”
“เมื่อไรกันที่เจ้ากลายเป็นคนใจเสาะเช่นนี้?”
เยี่ยเหลียงเฉินก็ได้ยิ้มและกล่าวอย่างอายๆ “มันเป็นครั้งแรกเลยที่ข้าอยู่ร่วมชายคาเดียวกับผู้หญิงเช่นนี้ตั้งแต่ภรรยาของข้าตายไป”
“คงจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับเซียวหลีสินะ?” หรงสวินก็ได้ถามกลับแล้วกล่าว “ผู้หญิงคนนั้นค่อนข้างจะเพี้ยนๆ อะไรที่ไม่ปกติคือปกติของนาง”
เยี่ยเหลียงเฉินก็ได้ถอนหายใจออกมา “ช่างไร้ยางอายเสียจริงๆ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหรงสวินก็ได้เป็นกังวลขึ้นมาจึงได้รีบถาม “ไร้ยางอายยังไงรึ? นางจูบเจ้าอย่างนั้นเหรอ?”