บทที่ 36 ไม่สอนหนังสือแล้วเหรอ?
บทที่ 36
ไม่สอนหนังสือแล้วเหรอ?
“ข้า...” เยี่ยเหลียงเฉินคิดจะตอบปฏิเสธ นี่เห็นเขาเป็นสิ่งของหรือยังไง? แม่ลูกคู่นี้คุยกันเช่นนี้ แล้วยังจะมาถามความคิดเห็นเขาอีก?
ช่างแย่อะไรแบบนี้!
“ดูสิ เขามีสีหน้าไม่ดีแล้ว เขาไม่ต้องการแม่หรอกเห็นไหม?” เซียวหลีก็ได้รีบกล่าว ไม่ว่าเซียวเป่าเอ๋อนั้นจะมีคำถามมากมายเพียงใด แต่นางก็ยังลากเขาไปอยู่ดี
“เฮ้อ....มีแม่ลูกเช่นนี้อยู่บนแผ่นดินนี้ด้วยเหรอเนี่ย? ผู้หญิงคนนี้ช่างไร้ยางอายอย่างสุดๆในแผ่นดินนี้เลย” หลังจากที่เซียวหลีจากไปเยี่ยเหลียงเฉินก็ได้บ่นพึมพำกับตัวเอง
จากที่ไกลๆ เซียวหลีกับเซียวเป่าเอ๋อต่างก็ยังพูดคุยกันอยู่ และครุ่นคิดถึงผู้ชายที่คู่ควร
“ท่านลุงเยี่ยก็ล้มเหลว แล้วท่านลุงหรงล่ะ?”
“ไม่ใช่ว่าเขามีคู่หมั้นแล้วหรอกเหรอ?”
“แล้วถ้าแย่งมาล่ะ?”
เซียวหลีก็ได้คิดและผงกหัว “ก็ไม่เลวนะ แต่ทว่าเขาคงจะดูถูกแม่แน่”
เซียวเป่าเอ๋อก็เหมือนลูกบอลที่พองลม “นั่นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ได้ เป๋าเอ๋อนี่ช่างน่าสงสารจริงๆ ที่ไม่ได้รับความรักจากพ่อเหมือนคนอื่นๆ”
ในขณะที่เขาพูดอยู่นั้น น้ำตาก็ได้ไหลออกมาจากดวงตาของเขา
เซียวหลีก็ได้กอดเขา “เป่าเอ๋อ โลกของผู้ใหญ่น่ะมันไม่ง่ายเหมือนอย่างที่เจ้าคิดหรอกนะ อย่างที่แม่บอกไป จะต้องมีคนที่ยอมเคียงคู่กับแม่ไปตลอดชีวิตแม้ผมขาวก็ยังไม่แยกจากกันอยู่เป็นแน่ คนเช่นนั้นแหละถึงจะคู่ควรกับการเป็นพ่อของเจ้า”
“เป็นคู่กันไปตลอดชีวิตงั้นเหรอ?” เซียวเป่าเอ๋อก็ได้พูดซ้ำไปมา “ท่านแม่จะหาคนเช่นนั้นได้เหรอขอรับ?”
เซียวหลีก็ได้ผงกหัว น่าจะหาได้อยู่ล่ะมั้ง? แม้ว่าจะเป็นยุคนี้และยังมีเซียวเป่าเอ๋อพ่วงท้ายอีก ดูเหมือนว่านางจะต้องวางแผนให้รอบคอบเสียหน่อยแล้ว
“ท่านแม่ ท่านลุงเหวินไฉเองก็เหมาะนะขอรับ เขายินดีที่จะรับข้าด้วย และเขาเองก็รักแต่ท่านแม่เท่านั้นด้วย”
เซียวเป่าเอ๋อก็พลันมองเห็นเซียวเหวินไฉที่กำลังพรวนดินอยู่ไกลๆเข้าก็ได้นึกถึงเขาขึ้นมา
“ไม่มีทาง ไม่มีทาง แม่รู้สึกไม่ค่อยถูกกับเขาน่ะ”
“อะไรคือไม่ถูกขอรับ?”
“ก็แค่รู้สึกไม่ชอบน่ะ....”
“เอางี้เป่าเอ๋อ เจ้าคอยดูแม่น่ะ แม่จะต้องร่ำรวยให้ได้ก่อนแล้วจากนั้นแม่ก็จะหาสามีที่เก่งพอๆกัน จากนั้นเจ้าก็จะได้เป็นทายาทเศรษฐียังไงล่ะ เมื่อคิดเช่นนี้แล้วก็น่าสนุกดีใช่ไหม?” เซียวหลีนั้นไม่อยากที่จะพูดถึงเรื่องนี้แล้ว นางจึงได้เปลี่ยนเรื่องไปเป็นเรื่องของเงินทองแทน ซึ่งเซียวเป่าเอ๋อนั้นก็ชอบเรื่องเงินเหมือนกันจึงน่าจะได้ผลสักพักอยู่
“ฮ่าๆ น่าจะดีเหมือนกันขอรับ”
อย่างที่คิดอารมณ์หม่นหมองของเซียวเป่าเอ๋อก็ได้หายไปแล้วมีรอยยิ้มขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเซียวหลีนั้นไม่ได้รังเกียจตอนที่เขาพูดถึงเซียวเหวินไฉแล้ว เมื่อสักครู่เขาเห็นเซียวเหวินไฉจึงได้แอบ แต่ตอนนี้ตะโกนเขาเรียกเซียวเหวินไฉออกไปแทน “ท่านลุงเหวิน”
เซียวเหวินไฉที่กำลังพรวนดินอยู่นั้นก็ได้หันกลับมามอง แล้วก็พบว่าเป็นเซียวหลีกับเซียวเป่าเอ๋อหัวใจของเขาก็ได้เต้นเร็วขึ้นมา
“สวัสดี....” เซียวหลีก็ได้กล่าวทักทาย นางนั้นรู้สึกเขินอายนิดหน่อยในตอนที่นางบอกลาเมื่อครั้งก่อน เซียวเหวินไฉเองก็ได้เกาหัวของเขาแล้วตอบอย่างเขินๆ “อาหลี ในที่สุดเจ้าก็มาที่นี่”
เซียวหลีก็ได้ตอบด้วยเสียงในลำคอ แล้วก็พบว่าที่ดินที่นางเพิ่งซื้อไว้นั้นได้ถูกเผาโดยเซียวเหวินไฉและเตรียมแปลงไว้ให้พร้อมแล้ว
ในยุคสมัยนี้การทำเกษตรกรรมนั้นยังล้าหลังนักและเทคโนโลยีดั้งเดิมอย่างการใช้ไฟไถนาพรวนนั้นก็เพิ่งจะเริ่มนำมาใช้ แต่ทว่าเซียวหลีเองก็ต้องขอบคุณเขาอย่างไรก็ดีที่ดินแปลงนี้ก็ถูกพรวนเรียบร้อยแล้ว
เมื่อเซียวเหวินไฉเห็นนางตกตะลึงก็ได้กล่าว “ข้าได้ยินมาว่าเจ้านั้นซื้อที่ดินแปลงนี้ทั้งหมดแล้ว”
“เจ้าไม่สอนหนังสือแล้วเหรอ?” เดิมทีเซียวเหวินไฉนั้นจะจ้างคนให้มาทำนาให้ แต่ในเวลานี้เขากลับลงมือด้วยตัวเอง
“เมื่อก่อนน่ะข้าสอนหนังสือก็เพื่อ....ไม่อีกแล้วล่ะ ข้าก็แค่ทำด้วยตัวเองเพื่อเป็นการออกกำลังกายน่ะ ไม่อย่างนั้นร่างกายของข้ามันจะฝืดๆหมดน่ะ” เซียวเหวินไฉกล่าว ในอดีตเขาสอนหนังสือก็เพื่อหาเงินและค่าเดินทาง แต่ในเวลานี้เขาได้ตัดสินใจที่จะทำนาเพื่อเซียวหลี
และต่อจากนี้ไป ที่บ้านของเขาจะมีการเรียนการสอนแค่ 5 วันต่อครั้ง ขอแค่สักครั้งต่อวันก็ยังดี เขานั้นไม่อยากที่จะพลาดที่จะได้พบกับเซียวหลีเช่นนี้
เขานั้นเหมือนจะเป็นไข้รัก โดยเฉพาะหลังจากวันนั้น เขาก็ได้ฝันว่าจูบกับเซียวหลีเกือบทุกคืนและรู้สึกได้ถึงสัมผัสของนาง มันเป็นสิ่งเขาไม่อาจลืมไปได้ตลอดทั้งชีวิตของเขา
เซียวเหวินไฉพูดเช่นนี้ เซียวหลีเองก็คิดว่าดีเหมือนกัน การออกกำลังกายนั้นเป็นสิ่งจำเป็นจริงๆ
“ท่านลุงเฉิน ถ้าพวกเรามาช้ากว่านี้ท่านลุงคงจะหว่านเมล็ดไปแล้วใช่ไหมขอรับ?” เซียวเป่าเอ๋อถาม
ในเวลานั้นเองที่เซียวหลีพบว่ามีเมล็ดข้าววางอยู่ข้างๆ
ดูเหมือนว่าไร่นาที่นางซื้อมานั้นเหมือนจะเป็นบริเวณเดียวกันกับของเซียวเหวินไฉ
“ไม่เป็นไรน่าก็แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น นอกจากนี้ข้าก็เป็นผู้ชายด้วย ไม่ใช่แค่เรื่องพรวนดินหรอก ข้าคงไม่อาจให้เจ้าที่เป็นผู้หญิงทำงานหนักๆได้อยู่แล้ว” เซียวเหวินไฉตอบอย่างเขินๆเล็กน้อย เขานั้นรู้เขินเวลาอยู่ต่อหน้าเซียวหลีเสมอ
“ท่านแม่ ท่านลุงเหวินไฉใจดีกับท่านมากเลยนะ” เซียวเป่าเอ๋อนั้นแอบหวังให้เซียวหลีนั้นได้หาพ่อที่ดีให้กับเขา เขานั้นอยากได้พ่อ
ยิ่งไปกว่านั้น เซียวเหวินไฉเองก็เหมาะสมที่จะเป็นคู่ชีวิตคนเดียวไปตลอดอย่างที่ท่านแม่กล่าว อย่างไรเสียก็มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่จะมีอนุภรรยาในบ้านนอกคอกนาเช่นนี้ แค่จะมีภรรยาสักคนหนึ่งก็ยังเป็นเรื่องยากเลยด้วยซ้ำ
เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้ว เซียวเป่าเอ๋อก็ได้รู้สึกสงสัยนิดหน่อย มันเป็นเรื่องยากที่จะหาพ่อรวยๆให้เขาหากจะยึดตามบรรทัดฐานของท่านแม่ในการเลือกสามีแล้ว
“ท่านแม่....” เซียวเป่าเอ๋อก็ได้ตะโกนขึ้นมา เพราะเขารู้สึกว่าท่านแม่นั้นไม่มีเรี่ยวแรงเหลือแล้ว เขาจึงได้อยากได้พ่อมาช่วยหาเงินแล้วรอให้ตัวเขาโตกว่านี้และสามารถหาเงินให้ท่านแม่ได้!
เซียวหลีก็ได้ลูบหัวน้อยๆของเขาแล้วกล่าว “ถ้าเจ้ารู้สึกเบื่อ เจ้าจะไปเล่นตรงที่โล่งตรงนั้นก่อนก็ได้นะ”
“เบื่อเหรอ?”
เซียวเหวินไฉก็ได้ยิ้มขึ้นมาแล้วเดินมาหาจากตรงกลางทุ่ง แล้วเขาก็ได้เอามือเช็ดโคลนกับเสื้อของเขาแล้วหยิบเอาหนังสือเล่มหนึ่งออกมาแล้วส่งให้เซียวเป่าเอ๋อ
“พกหนังสือติดตัวประจำเหรอ?”
เซียวเป่าเอ๋อก็ได้มองดู แล้วตาของเขาก็ได้เปล่งแสงออกมาแล้วผงกหัว “ตำราพิชัยยุทธ์นี่นา ท่านแม่ขอข้าอ่านได้ไหม?”
เซียวเป่าเอ๋อก็ได้ขออนุญาตเซียวหลี อย่างไรเสียเขานั้นก็จำได้ว่าท่านแม่ของเขานั้นได้บอกให้เขาอย่าไปข้องแวะกับ เซียวเหวินไฉ
ก้นของเขานั้นต้องระบมทุกทีเพราะเรื่องนี้
“ได้สิ แต่เจ้ารู้จักด้วยรึ?” เซียวหลีผงกหัวแต่ก็ยังสงสัยอยู่
“อาหลี จริงๆแล้วพวกเราทั้งคู่ติดต่อกันบ่อยๆตั้งแต่ เป่าเอ๋อเริ่มรู้ความได้ เขานั้นเป็นเด็กฉลาดและสามารถเรียนรู้ในสิ่งที่ข้าสอนได้ทันที” เซียวเหวินไฉก็ได้กล่าวโดยไม่ปิดบัง
ในชั่วขณะนั้นเอง เซียวเป่าเอ๋อก็ได้แอบหนีด้วยหัวน้อยๆของเขา แต่เซียวหลีก็ได้เห็นเขาเสียก่อนแล้วกล่าว “เจ้าจะไปไหนน่ะ?”
“ข้าก็แค่จะไปอ่านหนังสือตรงนั้นขอรับ ท่านแม่” เซียวเป่าเอ๋อก็ได้ฝืนยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกผิดและกลัวในใจ “ท่านแม่....” เขาก็ได้พูดด้วยเสียงที่ออดอ้อน
เซียวหลีก็ได้ยิ้มอย่างมีความสุข เด็กคนนี้ช่างซุกซนจริง “ไปเถอะ!”
“เอ่อ....อ๊ะ ขอรับท่านแม่” เขารีบพูดขอบคุณท่านแม่ของเขาโดยไว อย่างไรเสียเซียวเป่าเอ๋อก็ไม่รู้จะตอบสนองอย่างไรดีเช่นกัน เขาไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ของเขาถึงได้มีอารมณ์เช่นนั้นไปได้? แต่เขาก็นั่งอ่านหนังสือพิชัยยุทธ์อย่างมีความสุข
เซียวเป่าเอ๋อนั้นก็ยังรู้สึกสงสัยอยู่นิดหน่อย ทำไมแม่ของเขาถึงยอมปล่อยเขาไปกันนะ? ในเวลานี้ท่านแม่ของเขานั้นได้น่ารักมากขึ้นเรื่อยๆ
ทันทีที่เซียวเป่าเอ๋อจากไป เซียวเหวินไฉก็ได้เขินอายมากขึ้นกว่าเดิม “เอ่อ....ข้าไปพรวนดินก่อนนะ”
“ขอบคุณมากท่านพี่เหวินไฉ ข้าไม่คิดเลยว่าท่านจะช่วยเหลือข้าอย่างลับๆมาตลอดหลายปีมานี้” เซียวหลีนั้นมองไปที่เซียวเป่าเอ๋อที่อ่านหนังสือพิชัยยุทธ์อยู่ไกลๆ
ความรู้สามารถเปลี่ยนโชคชะตาได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากไม่ว่ายุคสมัยไหน
“มิได้ๆ มันเป็นเพราะความฉลาดของเป่าเอ๋อเองต่างหาก เจ้าไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก ข้าเองก็ยินดีด้วย” เซียวเหวินไฉได้กล่าวออกจากใจของเขา ในหลายปีมานี้นางได้พยายามเดินเลี่ยงเขามาโดยตลอดทันทีที่พบเขา และนางยังไม่ให้เซียวเป่าเอ๋อมาเรียนหนังสือกับเขาด้วยแม้ว่าค่าสอนจะฟรีก็ตาม นางนั้นไม่ยอมให้เซียวเป่าเอ๋อมาหาเขาเลยด้วยซ้ำ
“ในอดีตข้ามีเรื่องต้องคิดมากมาย เจ้ากับข้าต่างก็มือสะอาดไม่จำเป็นต้องล้าง ปล่อยให้เวลาทำให้ข่าวลือต่างๆจางหายไปเอง สุภาพชนย่อมมีจิตใจที่กว้างขวาง สงบมั่นคง ส่วนคนใจแคบย่อมคิดเล็กคิดน้อย ห่วงแต่จะได้จะเสีย การที่ข้าขอบคุณท่านก็ถูกแล้วไม่เห็นมีอะไรต้องอายเลย” เซียวหลีได้กล่าวขอบคุณจากใจของนาง เดิมทีนางนั้นอยากที่จะยืมวัวจากไร่ของตระกูลจ้าวมาด้วยซ้ำ แต่นางคิดไม่ถึงว่าเซียวเหวินไฉนั้นจะจัดแจงทำทั้งหมดให้นางเรียบร้อยแล้ว
เซียวเหวินไฉก็ได้ยิ้มเหมือนคนบ้า เขานั้นรู้สึกเหมือนกับก้อนเมฆได้แหวกออกและมองเห็นซึ่งดวงจันทร์ แล้วเขาก็ได้รีบกล่าว “ด้วยความยินดี เดี๋ยวข้าทำต่อล่ะ เจ้าแค่ดูอยู่เฉยๆก็พอ”