บทที่ 32 ทั้งรวยและขี้เหนียว
บทที่ 32
ทั้งรวยและขี้เหนียว
“คุณชายหรงได้ขอให้ข้าช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของเขาน่ะ ท่านปู่ผู้ใหญ่บ้าน มันคงไม่ได้ไปละเมิดกฎของหมู่บ้านอีกใช่ไหมเจ้าคะ?” เซียวหลีก็ได้ยิ้มและถาม ถึงนางจะไม่กลัวว่าต้องตกเป็นขี้ปากใคร แต่นางก็ยังกลัวที่จะมีปัญหาตามมาอยู่ดี
อย่างไรก็ดีนางนั้นก็ต้องการที่จะทำเงิน นางยังต้องการที่จะร่ำรวยจากการใช้วิชาแพทย์ของนางและไปให้ถึงจุดสูงสุดของชีวิตให้ได้ นางจะไม่ยอมเสียหัตถ์ทองคำนี้เด็ดขาด
“ข้านั้นไม่สามารถยุ่งเกี่ยวกับงานของเจ้าได้หรอก และวันนี้ข้าได้นำโฉนดที่ดินทางตะวันออกของเซียวอาเหอมาให้ ถ้าหากว่าเจ้าสามารถทนต่อปัญหาต่างๆที่จะตามมาและหวังที่จะตั้งมั่นที่นี่แล้ว ก็จะต้องอาศัยความสามารถของตัวเจ้าเองแล้ว อย่างไรเสียตัวข้าก็มีหน้าที่แค่ขายเท่านั้น ส่วนเรื่องจะซื้อหรือไม่ก็เป็นเรื่องของเจ้า อย่างไรก็ดีครอบครัวของเซียวอาเหอนั้นต้องการใช้เงินจำนวนมากอย่างเร่งด่วน” ผู้ใหญ่บ้านกล่าวอย่างยินดี แล้วคีบเอาเนื้อหมูตุ๋นน้ำแดงชิ้นหนึ่งเข้าปากแล้วก็ตกตะลึงในทันที
“รสชาตินี้มัน....ยอดมาก, ยอดที่สุด!” ผู้ใหญ่บ้านก็ได้ชมออกมาอย่างอดไม่ได้ ในเวลานี้เขาได้ทดลองชิมผัดผักป่าในซอสถั่วเหลือง แล้วพบว่ารสชาติไม่ขมหรือจัดจ้านจนเกินไป ทำเอาเขาไม่เข้าใจไปชั่วขณะหนึ่ง
“ข้าเติมน้ำตาลลงไปน่ะ”
ในสองวันที่ผ่านมานี้ไม่ว่าจะเป็นเซียวเป่าเอ๋อ, เซียวเยี่ยนและหวังซื่อ หรือแม้กระทั่งวันนี้หรงสวินกับ เยี่ยเหลียงเฉินต่างก็พูดถึงรสชาติของอาหาร
เมื่อนางคิดได้เช่นนี้ นางก็รู้สึกแย่ที่ยังไม่มีเงินในเวลานี้ ไม่อย่างนั้นนางคงจะเปิดโรงงานทำเกลือขนาดใหญ่แล้ว....
แต่น่าเสียดาย....
ที่ในยุคนี้ไม่อนุญาตให้ผลิตเกลือด้วยตัวเองได้ และคงได้เข้าไปกินข้าวแดงในคุก
ในขณะที่เซียวหลีคิดเช่นนี้ นางก็เหลือบไปมองเห็นรอยยิ้มที่ประชดประชันในปากของหรงสวิน ซึ่งดูแล้วมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด
ซึ่งบังเอิญที่หรงสวินเองก็หันมามองเห็นนางที่กำลังมองมาเขาและยกคิ้วให้เล็กน้อย เขานั้นรู้ว่าจะต้องมีสูตรลับอะไรบางอย่างในอาหารเหล่านี้แน่ๆ อย่างไรก็ดีรสชาติขมของเกลือนั้นไม่สามารถกลบเกลื่อนไปได้ง่ายๆด้วยน้ำตาลเป็นแน่
ผู้ใหญ่บ้านที่กำลังทานอย่างเอร็ดอร่อยนั้นก็ได้เกือบลืมธุระของเขาเสียสนิท เมื่อเขานึกขึ้นได้ก็ได้หยิบเอาโฉนดออกมาจากในแขนเสื้อของเขา
“โฉนดที่ดินนี้ได้ถูกรายงานต่อทางการแล้ว ถ้าหากเจ้าเซ็นต์สัญญาและจ่ายเงินเรียบร้อย ที่ดินนี้ก็จะเป็นของเจ้า” แล้วผู้ใหญ่บ้านก็ได้มอบให้เซียวหลีแล้วกล่าว “อืม อาหารเหล่านี้รสชาติดีจริงๆ ไม่รู้เลยว่ารสชาติในร้านฉู่ฉู่หลิวเซียงนั้นจะรสชาติเช่นนี้หรือเปล่า ไม่นึกเลยว่าอาหลีจะมีความสามารถด้านนี้ด้วย”
ผู้ใหญ่บ้านก็ได้พูดชมอย่างไม่อายปากราวกับว่าเขากำลังเมาอยู่
เซียวหลีก็ได้ยิ้มตอบ “ขอบคุณสำหรับคำชมมากท่านปู่ผู้ใหญ่บ้าน ข้าก็แค่ผัดไปตามประสาของข้าเท่านั้นเอง” เซียวหลีก็ได้หยิบเอาโฉนดในมือของผู้ใหญ่บ้านมาและกวาดสายตามองดู แล้วก็พบว่าเป็นที่นา 5 แปลงและเป็นที่ไร่อีก 2 แปลงอยู่ทางตะวันออกของหมู่บ้านเซียว
“ช่างเป็นคนถ่อมตัวจริงๆนะ” หรงสวินพบว่าเป็นการยากนักที่จะไปขัด แม้แต่เหลียงเฉินเองก็รู้สึกแปลกๆ ผู้ใหญ่บ้านเองก็เช่นกันแต่ทว่าเซียวหลีก็ได้ช่วยเอ้อหู่เอาไว้วันนี้ทำให้เขาเป็นหนี้นาง แล้วในวันนี้เขาก็ได้พบว่าเซียวหลีนั้นไม่เพียงแต่จะเป็นคนที่สามารถเอาชนะคน 10 คนได้อย่างสบายๆอย่างในวันนั้นแล้ว แต่ยังทำให้เห็นว่านางนั้นรู้หนังสือ, มีเหตุผลและมีมารยาทอีกด้วย
แต่ช่างน่าเสียดายจริงๆที่เด็กดีเช่นนี้กลับ.....
“ท่านปู่ผู้ใหญ่บ้านเจ้าคะ ราคาเท่าไรเหรอเจ้าคะ?”
“ก็ไม่น้อยนะ 70 ตำลึงเงิน, ครอบครัวของเซียวอาเหอนั้นกำลังรอเงินนี้ช่วยชีวิตพวกเขาอยู่”
70 ตำลึงเงิน.....
ตัวนางนั้นมีอยู่แค่ 14 ตำลึงเงิน บวกกับ 200 อีแปะ นอกจากนี้ก็ยังมี 2 ตำลึงทองที่เป่าเอ๋อซ่อนเอาไว้ ถึงจะไม่น้อยแต่ก็เอามาใช้ไม่ได้เพราะเป็นเงินที่ตั้งใจเก็บเอาไว้เผื่อเจอวิกฤต
“ว่ายังไงรึ?” ผู้ใหญ่บ้านก็เหมือนจะเห็นว่าเซียวหลีนั้นกำลังลังเลอยู่
เซียวหลีก็ได้รีบหัวเราะกลบเกลื่อน “ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ ไม่มีอะไร ข้ากำลังจะหาเงินมาให้เดี๋ยวนี้แหละเจ้าค่ะ”
เซียวหลีที่ถือโฉนดอยู่ก็ได้มองไปที่เซียวเยี่ยนด้วยรอยยิ้ม ไม่ใช่ว่านางนั้นมีเงินตำลึงทองอยู่ในครอบครองหรอกเหรอ?
เซียวเยี่ยนก็ได้รีบหลบสายตาทันที “ไม่ต้องมามองข้าแบบนั้นเลยนะ”
ตัวนางนั้นไม่เคยคิดถึงเรื่องของการทำไร่ทำนามาก่อนเลย ต่อให้นางต้องอดอยากตายนางก็จะไม่ทำไร่นาแน่ๆ เมื่อคิดว่า 10 นิ้วที่เรียวงามของนางที่จะต้องมาเสียหายจากการทำไร่นาแล้ว นอกจากนี้ยังมีปัญหาที่ทุกครอบครัวที่ทำไร่ทำนาต้องประสบก็คือเรื่องของราคาที่ได้มาไม่คุ้มกับที่เสียไป
เซียวหลีที่พบว่าเซียวเยี่ยนนั้นมีสีหน้าราวกับกำลังจะออกไข่ขณะที่กำลังกำตำลึงทองไว้ในมือแน่นแล้ว ก็พบว่านางคงไม่ยอมยกเงินของนางให้แน่
“ท่านแม่....” เซียวเป่าเอ๋อก็ได้เรียกขึ้นมาและอยากที่จะกอดนาง แต่เซียวหลีก็ได้เมินเขา จากนั้นนางก็ได้มองไปรอบๆแล้วสายตาก็ได้ไปบรรจบที่หรงสวินและเยี่ยเหลียงเฉินเข้า ไม่ใช่ว่าพวกเขารวยหรอกเหรอ? ไม่ว่าจะเยี่ยเหลียงเฉินที่เป็นผู้ติดตามหรือตัวหรงสวินที่เป็นคุณชายก็ดี”
นางที่ยิ้มเหมือนเครื่องจักรก็ได้เดินไปหาหรงสวิน “คุณชายหรงท่านคงอิ่มแล้ว ข้าจะพาท่านกลับไปที่ห้องเพื่อพักผ่อนนะเจ้าคะ”
เยี่ยเหลียงเฉินก็ได้รีบกล่าว “นี่เพิ่งจะเริ่มทาน.....”
“หมายถึงตัวท่านเองน่ะเหรอ?” แล้วเซียวหลีก็ได้ไปจับรถเข็นเพื่อที่จะพาหรงสวินไปขณะที่กล่าว ซึ่งหรงสวินเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่เขาก็ได้แอบขัดขืนอยู่ ซึ่งไม่ว่าเซียวหลีจะออกแรงมากขนาดไหนรถเข็นก็ไม่ยอมขยับเลย
“นี่ข้ามีเรื่องอยากจะปรึกษาหน่อยนะ?” นางกล่าวด้วยเสียงเบาๆที่มีแค่สองคนได้ยิน
“เจ้ามีอะไรที่ต้องการจะปรึกษากับข้า?” หรงสวินนั้นกล่าวอย่างไม่สนใจว่าใครอยู่ด้วยหรือไม่ก็ตาม แล้วพูดออกมาด้วยเสียงที่ดังและทรงพลังดูแล้วไม่เหมือนกับคนที่กำลังเจ็บอยู่
ผู้หญิงที่เจ้าเล่ห์กับเขาเช่นนี้ไม่เคยมีมาก่อนเลย อย่างที่หลายคนรู้ว่าตัวนางนั้นกำลังจ้องเล่นงานถุงเงินของเขาอยู่เป็นแน่ ผู้หญิงคนนี้ไร้ยางอายอย่างสุดๆ แผ่นดินที่กว้างใหญ่นี้เขายังไม่เคยพบผู้หญิงที่ไร้ยางอายขนาดนี้มาก่อนเลย
แล้วทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็ได้รู้สึกลำบากใจขึ้นมา
“อาหลี....พวกเราจะซื้อที่ดินเท่าแค่ที่พวกเรามีก็ได้” นางหวังก็ได้ตะโกนออกมาและเกือบจะหลั่งน้ำตาออกมาขณะที่ตะโกน
ในตอนนั้นเซียงหังได้กลับมาแล้วขายที่ดินทั้งหมดที่มีไปแล้วยังพาเซียวเยี่ยนไปด้วยอีก นางนั้นก็ยังตาบอดและเซียวหลีเองก็ยังเล็กนัก ไม่มีที่ทำกินและยังต้องโดดเดี่ยวไร้ที่พึ่งพิงจนถึงทุกวันนี้....
“ซื้อแค่ที่ไร่สักสองแปลงก็ได้ เราไม่มีคนที่จะจัดการทำนาได้อยู่แล้ว” นางหวังนั้นต้องการที่จะซื้อที่ดินเพื่อปลูกข้าวโพดกับมันฝรั่ง ซึ่งอย่างน้อยมันก็ช่วยประทังความหิวของนางได้
หลังจากที่ได้กินดื่มอย่างเต็มที่ในสองวันที่ผ่านมานี้ นางนั้นไม่ได้พูดอะไรออกมาหรือแสดงความรู้สึกหดหู่ให้เซียวหลีเห็นแต่อย่างใด
แต่นางก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าเงินเหล่านั้นถ้าหากว่ามีมากเกินไปเมื่อไร เจ้าพวกสารเลวเหล่านั้นคงได้มารวมตัวกันและขโมยเอาไปแน่
“ตามสบายนะเจ้าคะท่านลุง ข้าคงต้องขอตัวก่อน” นางหวังก็ได้กล่าวลากับผู้ใหญ่บ้านแล้วก็กลับไปที่บ้านของนาง ซึ่งผู้ใหญ่บ้านเองก็เข้าใจได้ถึงความยากลำบากของครอบครัวของนางดี
เซียวหลีก็ได้มองไปที่เซียวเป่าเอ๋อแล้วบอกให้เขากลับไปพร้อมกับนางหวังด้วย เซียวเป่าเอ๋อก็ได้ทำหน้าบึ้งและอยากที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่เซียวหลีก็ได้พูดขัดขึ้นมาก่อน “เอาไว้คุยกันทีหลัง”
เซียวเป่าเอ๋อจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเดินตามหวังซื่อไปแล้วช่วยพานางกลับไปที่บ้าน ถึงแม้ว่าเซียวเป่าเอ๋อนั้นรู้ดีว่าท่านยายนั้นไม่ต้องการให้เขาช่วยก็ตามที แต่เขาคิดว่าเมื่อท่านแม่ของเขาพูดเช่นนั้น ตัวเขาจะไปขัดได้อย่างไร?
ส่วนเซียวเยี่ยนกับเยี่ยเหลียงเฉินก็ต้องขอตัวก่อนเช่นกัน ด้วยที่นางมีนี้แทนที่จะให้เซียวหลีเอาไปใช้ซื้อที่ดินทำไร่ทำนา สู้เอาไปซื้อบ้านในเมืองหลวงยังจะดีเสียกว่า
ตอนนี้ก็ได้เหลือเพียงแค่ผู้ใหญ่บ้าน, หรงสวินกับเซียวหลี
ผู้ใหญ่บ้านก็ได้ทานอีกหนึ่งคำแล้วกล่าว “ว่ายังไงล่ะ นังหนู?”
“ท่านปู่ผู้ใหญ่บ้านเจ้าคะ ได้โปรดขอเวลาให้ข้าอีกสักหน่อยนะเจ้าคะ” จากนั้นนางก็ได้พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อเข็นหรงสวินไป บางทีอาจเป็นเพราะหรงสวินเองที่ปล่อยมือของเขาจึงทำให้นางสามารถเข็นมาได้
เมื่อเข้ามาในบ้านของเซียวเยี่ยน หรงสวินก็ได้หัวเราะออกมา แต่เขาก็ยังหัวเราะออกมาเบาๆและไม่ได้ส่งเสียงดังออกไป
“คุณชายหรง...”
เซียวหลีก็ได้ยืนอยู่ข้างหน้าเขาและหรงสวินก็ได้เข็นรถหันหน้าหนีไป
ใบหน้าของเซียวหลีก็ได้ซีดเผือดขึ้นมา แต่นางก็ได้เก็บความไม่พอใจเอาไว้แล้วไล่ตามชายคนนั้นไป
“คุณชายหรง.....อ๊ะ คุณชายที่แสนดี....”
ถึงแม้ว่ามือของหรงสวินจะยังเจ็บอยู่ แต่ด้วยวรยุทธ์ของเขาทำให้เซียวหลีนั้นยากที่จะตามทันได้
“หรงสวิน!”
ในที่สุดจิ้งจอกผีก็ได้ยอมแสดงหางของนางออกมาและเรียกชื่อของเขาออกมาตรงๆเสียที
หรงสวินก็ได้อดกลั้นเก็บรอยยิ้มของเขาเอาไว้ มันคงจะดีถ้าเขาสามารถฝืนเก็บอาการบาดเจ็บภายในของเขาได้ด้วย
“ว่ายังไง?” เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่หนาวเย็นเช่นเคย แน่นอนว่าเซียวหลีนั้นรู้ดีว่าการที่นางพูดเอาใจอย่างชัดเจนเช่นนี้ ทำให้หรงสวินนั้นรู้ถึงเป้าหมายที่แท้จริงของนางแต่ทว่า....
ใครใช้ให้เขารวยกันล่ะ? และใครใช้ให้เขาต้องการนางรักษาขาของเขากันล่ะ?
เซียวหลีก็ได้ยิ้มและกล่าว “ถ้าพอจะจ่ายเงินค่ารักษาล่วงหน้าให้ข้าก่อนได้ไหม ไม่มากนักหรอกก็แค่ 20 ตำลึงเงินเท่านั้นเอง?”
เมื่อหรงสวินได้ยินเช่นนี้ เขาก็ได้แกล้งทำเป็นตกใจแล้วกล่าว “เจ้าพูดอะไรของเจ้าน่ะ? 20 ตำลึงเนี่ยนะไม่มาก? นี่เจ้ารู้หรือไม่ว่าครอบครัวคนธรรมดานั้นหาเงินได้มากขนาดไหนในเวลา 2-3 ปีน่ะ?” หรงสวินก็ได้มองไปที่เซียวหลีที่กำลังเกาหัวของนางอย่างลำบากใจแล้ว ซึ่งดูแล้วน่าสนุกมากจึงได้พูดหยอกนางต่อ “นอกจากนี้ ข้าก็ได้ให้ค่าใช้จ่ายกับเจ้าไปแล้ว และพวกเราเองก็ได้ตกลงเรื่องค่ารักษาที่จะต้องจ่ายกันล่วงหน้าแล้วด้วย”
“แต่ว่า.....”
“ไม่มีแต่.....”
เซียวหลีนั้นรู้ดีว่าชายคนนี้นั้นนอกจากจะเป็นคนเลือดเย็นแล้ว เขาจะต้องเป็นทาสเงินด้วยแน่ๆ ทั้งรวยและขี้เหนียวเลย