ตอนที่แล้วบทที่ 29 ข้าคิดว่าท่านเป็นคนที่เข้าใจอะไรได้ยากจริงๆ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 31 ที่แท้เซียวหลีก็ช่วยคนนี่เอง

บทที่ 30 โชคดีและโชคร้าย


บทที่ 30

โชคดีและโชคร้าย

หลังจากที่ฝังเข็มเสร็จ เซียวหลีก็ได้รีบมุ่งหน้าไปที่บ้านของผู้ใหญ่บ้านเซียวฮั้ว

อย่างไรก็ดีเขาก็เป็นถึงคนของทางการที่คอยจัดการเรื่องต่างๆในหมู่บ้านนี้ ผู้ใหญ่บ้านก็ถือว่าเป็นหัวหน้าของหมู่บ้าน จะบอกว่าเขาไม่ใช่คนของทางการก็ไม่ถูกนัก

ถ้าเป็นเขาก็จะสามารถเดินเรื่องซื้อที่ดินได้ นอกจากนี้ตอนนี้ก็เป็นฤดูกาลหว่านเมล็ดแล้วด้วย จึงไม่ควรที่จะหว่านเมล็ดล่าช้าไปมากกว่านี้

ระหว่างทางเซียวหลีก็พบกับคนคุ้นหน้าคุ้นตาเข้า      เซียวเหวินไฉ

“อาหลี ในที่สุดข้าก็พบเจ้า”

เซียวหลีมองไปรอบๆ แล้วก็มองไปที่เซียวเหวินไฉอย่างสงสัย “ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าจะผ่านมาที่นี่วันนี้?”

อย่างไรก็ดี น้ำเสียงของเซียวเหวินไฉก็เหมือนบอกว่าเขากำลังรอนางอยู่พอดี

เซียวเหวินไฉก็ได้เกาหัวตัวเองอย่างอายๆแล้วกล่าว “ก็เจ้าเคยบอกว่าอยากจะซื้อที่ดินเพิ่มไม่ใช่เหรอ? ข้าจึงมารอเจ้าที่นี่เป็นเวลา 3 วันแล้ว แต่โชคยังดีที่ในที่สุดข้าก็เจอเจ้า

ตัวเขานั้นเหมือนกับเด็กน้อยที่ทั้งระมัดระวังและยินดีซ้ำไปซ้ำมา

เซียวหลีก็ได้กลอกสายตาของนางอย่างเงียบๆ “ท่านไปหาข้าที่บ้านตรงๆก็ได้นี่....อ๊ะจริงสิ เจ้าเป็นถึงนักวิชาการก็คงจะต้องเป็นห่วงชื่อเสียงและมารยาทของตัวเองสินะ อย่างไรเสียครอบครัวของข้าก็มีแต่ผู้หญิง”

เซียวหลีก็ได้ครุ่นคิดในใจ นับแต่โบราณกาลมาถ้าหากอยากจะตกหลุมรักใครสักคนมันก็เป็นเหมือนกับความรักหลบๆซ่อนๆที่ไม่อาจเปิดเผยได้ ยิ่งไปกว่านั้นนางและเซียวเหวินไฉต่างก็ยังไม่แต่งงาน แม้ว่าทั้งคู่จะเป็นเพื่อนกัน แต่พวกเขาก็ไม่สามารถไปหาสู่กันได้ตามใจอยากได้

“เจ้าเป็นอะไรไป?” เซียวเหวินไฉก็ได้มองไปที่ใบหน้าที่ยุ่งเหยิงของเซียวหลีแล้ว แล้วก็คิดว่าตัวเขาคงไปรบกวนนางเข้าอีกแล้วจึงได้รีบพูดออกไป “ถ้าเช่นนั้นก็เชิญเจ้าไปก่อนเลย แล้วจำไว้นะว่าที่ดินทางตะวันออกที่เซียวอาเหอขายนั้นดินมีคุณภาพดีมาก เจ้าอย่าได้พลาดไปเชียว”

เขากล่าวแล้วก็จากไปอย่างยินดี

ทางตะวันออกซึ่งเป็นที่ของเซียวอาเหอนั้น เป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์จริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะมีเรื่องเกิดขึ้น พวกเขาก็คงไม่ยอมขายที่ดินตรงนี้เป็นแน่

“อาหลีพวกเจ้ากำลังพูดเรื่องอะไรกันอยู่? เจ้าอยากที่จะซื้อที่ดินทางตะวันออกอย่างนั้นรึ?”

ผู้ใหญ่บ้านก็รู้สึกไม่อยากจะเชื่อ

เซียวหลีก็ได้ยิ้มแล้วผงกหัวของนางแล้วกล่าวยืนยัน “ใช่แล้วเจ้าค่ะท่านปู่ผู้ใหญ่บ้าน ข้าอยากที่จะซื้อที่ดินทางตะวันออก”

มีคนอยากจะซื้อที่ดินก็ย่อมเป็นหน้าที่ของเขา แต่ทว่าตัวตนของเซียวหลีนั้นช่างลำบากใจยิ่งนัก ตัวเขายังเพิ่งตะโกนขับไล่พวกนางไปเมื่อไม่กี่วันก่อน แต่ในเวลานี้พวกนางกลับมาซื้อที่ดิน แล้วเขาจะอธิบายให้คนในหมู่บ้านฟังได้อย่างไร?

เซียวหลีก็มองเห็นสีหน้าที่ยุ่งยากใจของผู้ใหญ่บ้าน จากการวิเคราะห์ของนางแล้ว ถึงแม้ผู้ใหญ่บ้านนั้นจะเคยขับไล่นาง แต่เขาก็ยังให้เงินนางเป็นค่าเดินทาง แสดงว่าตัวเขานั้นไม่ใช่คนเลวโดยบริสุทธิ์ใจนัก

“ท่านปู่ผู้ใหญ่บ้าน บ้านของอาหลีเองก็เป็นคนในหมู่บ้านของท่านเช่นกัน หลังจากที่ท่านพ่อจากไปท่านแม่ก็ได้เลี้ยงดูพวกเราสองพี่น้องตามลำพัง จนกระทั่งเมื่อ 10 ปีก่อน ท่านพ่อของข้ากลับมาแล้วก็พาตัวพี่สาวของข้าไป แล้วท่านจะให้ท่านแม่ของข้าทำเช่นไร? ท้ายที่สุดแล้วบ้านของเรานั้นตกยากยิ่งนัก ข้าจึงเรียกท่านว่าปู่เพื่อให้ข้าเหมือนเป็นลูกหลานของท่านช่วยเมตตาพวกเราด้วย”

แล้วเซียวหลีก็ได้ร้องไห้ออกมา

“คือว่า....มันยากที่จะพูดนะเด็กน้อย ถ้าข้าขายที่ให้เจ้าไปแล้วก็เกิดมีคนอิจฉาเจ้าและมารังควานเจ้าอีก เงินที่เจ้าใช้ซื้อไปก็จะสูญไปเปล่าๆนะ” ผู้ใหญ่บ้านก็ได้กล่าวอย่างเป็นกังวล

เมื่อนางหยางได้ยินเสียงร้องไห้ดังออกมาจากข้างนอก นางก็ได้ออกมาเพื่อหวังจะร่วมสนุก ในฐานะลูกสะใภ้ของผู้ใหญ่บ้านแล้ว สิ่งที่นางโปรดปรานที่สุดคือมองดูลูกบ้านที่มาขอให้ช่วยเหลือ แล้วจากนั้นนางก็จะได้ผลประโยชน์บางส่วนตามมาด้วย

แต่อย่างไรก็ดีพ่อผัวนั้นเป็นคนที่ตรงเกินไปหน่อย เลยทำให้นางได้ผลประโยชน์แค่เล็กน้อยเท่านั้น

แต่เมื่อเห็นว่าเป็นเซียวหลี นางก็ได้รีบออกมาจากบ้านทันที “ท่านพ่อ ท่านให้นางเข้ามาในบ้านได้อย่างไร? นางเป็นตัวหายนะนะเจ้าคะ”

แล้วสีหน้าของผู้ใหญ่บ้านก็ได้บูดบึ้งขึ้นมาแล้วคำรามใส่ในบ้าน “คำพูดคำจานั่นมันอะไรกัน? ไปดูเอ้อหู่จื่อกับหลานฮวาโน่นไป”

“ไม่ใช่ว่าเอ้อหู่จือกับหลานฮวาอยู่กับท่านหรอกเหรอ?” นางหยางก็ได้ถามกลับไป

แล้วผู้ใหญ่บ้านก็ได้ตกตะลึงทันที “ข้าไปเก็บผักในสวนตั้งแต่เช้า ไม่ใช่พวกเขาไปเล่นที่หลังบ้านหรอกเหรอ? รึว่าจะอยู่กับย่า?”

นางหยางก็ได้รีบตอบกลับมา “ท่านแม่กับเซียวซานออกไปซื้อของที่ตลาดตั้งแต่เช้าเจ้าค่ะ”

แล้วเซียวหลีก็เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เหมือนว่าเซียวเป่าเอ๋อจะบอกเอาไว้ว่าจะไปเล่นกับเอ้อหู่จือกับ หลานฮวานี่นา “เมื่อเช้านี้ เป่าเอ๋อเหมือนบอกว่าจะไปเล่นกับ    เอ้อหู่จือกับหลานฮวา....”

“เจ้าพูดอะไรออกมาน่ะ? ไม่นะหู่จือหลานฮวาของข้า ทำไมพวกเขาถึงไม่ฟังข้าว่าอย่าไปยุ่งกับเซียวเป่าเอ๋อนะ”         นางหยางก็ได้รีบรุดออกไปโดยกล่าวโทษเซียวหลีโดยไม่ไว้หน้าผู้ใหญ่บ้าน “ครอบครัวของเจ้ามันเป็นตัวหายนะ ใครที่อยู่ด้วยต่างก็ต้องโชคร้าย ต่อจากนี้ก็ดูแลลูกชายของเจ้าให้ดีๆด้วย อย่างให้มาเล่นกับเอ้อหู่จือกับหลานฮวาของข้าอีก”

เซียวหลีก็ได้มีใบหน้ามืดดำขึ้นมา จากความทรงจำของนางมีเพียงเด็กสองคนนี้จากทั้งหมู่บ้านที่ยอมมาเล่นกับ         เซียวเป่าเอ๋อด้วย

และโชคดีที่ผู้ใหญ่บ้านกับพี่เซียวซานนั้นได้สอนให้เอ้อหู่จือกับหลานฮวาให้คอยปกป้องเซียวเป่าเอ๋อ จึงมีเพียงเด็กสองคนนั้นที่สนิทสนมด้วย

ในขณะที่เซียวหลีอยากที่จะพูดอะไรออกไปนั้น ก็ได้มีเสียงคนรีบตะโกนเข้ามา “ผู้ใหญ่บ้านแย่แล้ว มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้ว”

นางหยางที่ได้ยินก็ได้พูดขึ้นมา “สวรรค์ไม่นะ....”

แล้วผู้ใหญ่บ้านก็ได้จ้องไปที่นาง “เจ้าเงียบก่อน”

นางหยางก็ได้หุบปากของนางอย่างเสียใจ แล้วทั้งสามคนก็ได้รีบออกมานอกบ้าน

“เกิดอะไรขึ้น?”

แล้วก็ได้มีคนรีบเล่าออกมา “มีเด็กกลุ่มนึงไปเล่นกันที่ริมแม่น้ำ แล้วเอ้อหู่จือก็ได้ตกลงไปในน้ำ ในเวลานี้ท่านหมอประจำหมู่บ้านได้ทำการปฐมพยาบาลให้แล้วแต่ทว่า.....”

“อะไรนะ.......”

“ลูกชายข้า....”

ทันทีที่หัวหน้าหมู่บ้านได้ยินเช่นนั้นก็เกือบทรุดลงไปทันที นางหยางเองก็แทบจะเป็นบ้าแล้วพอรู้สึกตัวได้ก็ได้ตะโกนใส่  เซียวหลีทันที “นังตัวซวยแกทำอะไรกับครอบครัวของข้า”

ตะโกนเสร็จ นางหยางก็ได้รีบไปที่แม่น้ำ แล้วผู้ใหญ่บ้านก็ได้รีบวิ่งตามมาทีหลัง แต่ตัวเขานั้นแก่เกินกว่าที่จะวิ่งแล้ว

เซียวหลีเองก็รู้สึกลำบากใจอย่างมากขึ้นมานี่มันจะบังเอิญเกินไปแล้ว

หรือว่านางนั้นจะเป็นตัวซวยที่ทำให้ผู้คนที่อยู่ใกล้ตัวนางโชคร้ายจริงๆ?

ถึงแม้ว่าร่างกายนี้จะอ่อนแอ แต่นางก็ยังสามารถวิ่งแซงผู้ใหญ่บ้านกับนางหยางรวดเดียวได้

เมื่อนางหยางเห็นเซียวหลีวิ่งแซงไป นางก็ได้ตะโกนไล่หลังมา “อย่าคิดทำร้ายลูกชายข้านะนังตัวซวย ข้าไม่จบกับเจ้าแค่นี้หรอกนะ”

ช่างเป็นคำพูดที่ยากเกินจะทนจริงๆ

แต่เซียวหลีก็หาได้สนใจไม่ อย่างไรเสียลูกของนางก็อยู่ที่นั่นด้วยนางจะไม่ปล่อยให้ลูกชายของนางต้องเป็นอะไรเด็ดขาด นอกจากนี้อาจจะยังมีความหวังที่นางจะช่วยเด็กคนนั้นได้ เพราะเด็กคนนั้นเป็นเพื่อนสนิทของเป่าเอ๋อ

“เจ้าตัวซวยร้องไห้แล้วจะไปไหนก็ไปซะ ไม่อย่างนั้นข้าจะจับเจ้าโยนลงน้ำไปอีกคน”

มีเหล่าเด็กอายุ 8-9 ขวบที่กำลังขู่เซียวเป่าเอ๋ออยู่       เซียวเป่าเอ๋อก็ได้พ่นลมออกทางจมูกอย่างเย็นชาแล้วกล่าว “ที่แท้ก็เป็นพวกเจ้า ที่เป็นคนผลักเอ้อหู่จือลงไปในน้ำ”

“ผายลม เจ้าต่างหากที่เป็นคนทำเอ้อหู่จือ เจ้ามันตัวหายนะ เจ้าเป็นคนทำให้เอ้อหู่จือตกลงไปในน้ำ

ในเวลานี้เซียวหลีไม่มีเวลามาสนใจเซียวเป่าเอ๋อมากนัก นางจึงได้รีบรุดหน้าไปที่ฝูงชนแล้วตะโกน “หลีกไป”

แล้วเหล่าคนในหมู่บ้านต่างก็เป็นกังวลและรีบหลีกทางถอยห่างออกมาทันที เพราะทุกคนต่างก็กลัวว่าจะโชคร้าย เพราะเซียวหลีนั้นเป็นตัวซวยที่นำพาโชคร้ายมาให้

“ท่านอาจารย์ เอ้อหู่จือเป็นอย่างไรบ้าง?” เซียวหลีนั้นจำได้ว่าเซียวชื่อหลินนั้นเป็นหมอประจำหมู่บ้านและเป็นคนสอนวิธีการเก็บสมุนไพรให้กับเจ้าของร่าง ที่กำลังนั่งอยู่ที่พื้นและทำการตรวจชีพจรของเอ้อหู่จืออยู่

เซียวชื่อหลินก็ได้ถอนหายใจแล้วส่ายหัวไปมา “แย่จริงๆ เด็กคนนี้ไม่รอดแล้ว”

“แง...ท่านพี่....” แล้วหลานฮวาที่อยู่ข้างๆนั้นแม้จะไม่รู้ว่าหมอหมายถึงอะไร แต่นางก็รู้สึกไม่ค่อยดีแล้วร้องไห้ออกมา

นางหยางที่วิ่งมาถึงและได้ยินที่เซียวชื่อหลินพูดเข้า ก็ได้ทรุดตัวลงไปกับพื้นทันที “โธ่ลูกแม่ หู่จือลูกแม่”

แล้วผู้ใหญ่บ้านที่มาถึง เมื่อเขาเห็นนางหยางร้องไห้ เขาก็ได้สลบไปทันที

เซียวชื่อหลินก็ได้รีบไปตรวจอาการและรักษาผู้ใหญ่บ้าน ในขณะนั้นเองเซียวหลีก็ได้ถอดเสื้อของเอ้อหู่จือออกแล้วเอาหูของนางแนบลงไปเพื่อฟังเสียง

“ยังทัน ยังทัน....”

“นังตัวซวย เจ้าพูดอะไรออกมาน่ะ ข้าจะฆ่าลูกของเจ้านังตัวซวย เจ้าคิดจะทำอะไรน่ะ? ปล่อยลูกของข้าเดี๋ยวนี้นะ....”

“หุบปาก!”

หลังจากนั้นเซียวหลีก็ได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วก็ประกบเข้ากับปากของเอ้อหู่แล้วจากนั้นก็ได้กดหน้าอกสามหนแล้วจากนั้นก็ทำการผายปอดต่อ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด