บทที่ 27 มันเป็นเรื่อง
บทที่ 27
มันเป็นเรื่อง
“นี่คือค่าอาหาร, เสื้อผ้า, ที่อยู่อาศัยและค่าเดินทางของเดือนนี้ ถ้าหากเจ้าดูแลนายท่านของข้าดีๆแล้ว นี่จะเป็นรางวัลของเจ้า แต่ถ้าหากเจ้าดูแลนายท่านของข้าไม่ดีแล้วล่ะก็ เจ้าก็จะถูกลงโทษโดยไม่มีการคัดค้านใดๆ และถ้ารักษานายท่านหายได้เมื่อไรก็จะตกรางวัลเพิ่มให้อีกต่างหาก”
“ได้เจ้าค่ะได้ ข้าจะดูแลให้ดีที่สุด”
“เจ้านำสิ่งนี้ไปมอบให้แม่นางหลีแล้วกล่าวข้อตกลงที่ข้ากล่าวไปเมื่อสักครู่”
เซียวเยี่ยนก็ได้ชะงักทันทีที่ได้รับตำลึงทองมา
“ถ้าเช่นนั้นท่านก็นำไปมอบให้นางด้วยตัวเองสิ” เซียวเยี่ยนก็ได้กล่าวอย่างไม่พอใจ
“ย่อมได้”
หรงสวินก็ได้กล่าวต่อ “แต่เจ้าก็จำเป็นที่จะต้องไปบอกสิ่งที่เหลียงเฉินกล่าวเมื่อสักครู่อยู่ดี”
ตัวเขานั้นไม่อยากที่จะพูดกับเซียวหลี แต่ในเวลานี้เขากลับต้องขอให้อีกฝ่ายช่วย เขาจึงได้คิดที่จะใช้คนอื่นไปพูดให้เขา
เซียวเยี่ยนก็ได้ยิ้มให้กับตำลึงทองก้อนนั้น นี่เป็นเงินที่คนธรรมดาๆไม่สามารถหาได้ภายในสองปี
ต่อมาเยี่ยเหลียงเฉินก็ได้กางผ้าปูเตียงที่เขานำมาพร้อมกับรถม้า แล้วจัดแจงทำความสะอาดและจัดเตรียมข้าวของเครื่องใช้ประจำวันต่างๆ เซียวเยี่ยนเองก็ยินดีที่จะได้ช่วยเขาจัดเตรียมอย่างไรเสียนี่ก็เป็นตัวทำเงินชัดๆ!
มีทั้งแป้งก๋วยเตี๋ยว, น้ำมัน, เกลือและชาอยู่ในสัมภาระของเขา แล้วยังมีเนื้อสันในสด, เนื้อหมู, ซี่โครง.....
พวกคนมั่งมีนี่ช่างต่างออกไปจริงๆ พวกเขาไม่ต้องห่วงเรื่องของปากท้องยามที่จะต้องไปที่ไหน ซึ่งพวกเขาได้เตรียมมาเพราะกลัวว่าครอบครัวของพวกนางนั้นจะหาเลี้ยงดูตัวเองไม่ได้
“เหลียงเฉินเจ้าออกไปก่อน แล้วจากนั้นสักพักค่อยกลับมา”
“ขอรับนายท่าน” หลังจากที่ขานรับ เยี่ยเหลียงเฉินก็ได้ลากพาเซียวเยี่ยนออกมาจากห้อง เขานั้นรู้ดีว่าอาการของหรงสวินนั้นสาหัสมากเพียงใดและต้องการพักผ่อน
เซียวหลี เจ้าจะสามารถรักษาขาของเราได้จริงๆเหรอ?
หรงสวินก็ได้ถามตัวเองอย่างคาดหวัง แต่ท่านหมอเฉียนเองก็บอกว่ามันเป็นเหมือนกับปาฏิหาริย์ที่นางสามารถช่วยชีวิตเขาได้อาจอาการสาหัสขนาดนั้น การที่เขาจะกลับมาเดินได้อีกครั้งนั้นเหมือนกับเป็นการฝันลมๆแล้งๆนัก
ทันทีที่เซียวเยี่ยนออกมาจากห้องของหรงสวิน นางก็ได้เดินไปที่บ้านของเซียวหลี ซึ่งเสียงนั้นมาถึงก่อนตัวเสียอีก
“อาหลีตื่นเถอะ ข้ามีอะไรจะบอกเจ้า”
นางได้เคาะประตูแล้วก็ตะโกนอีกหน จนเซียวหลีต้องตื่นขึ้นมา
“ท่านป้า นี่ยังไม่รุ่งสางเลยไม่ใช่เหรอ?” เซียวเป่าเอ๋อได้ขยี้ตาของเขาแล้วพูดพึมพำพร้อมกับหาว
เซียวหลีก็ได้ผละออกจากประตูแล้วเดินกลับไปที่เตียง “พี่เยี่ยน รอจนรุ่งสางก่อนไม่ได้เหรอ?
“ดูนี่สิ....ทองล่ะ”
เซียวเยี่ยนก็ได้หยิบเอาทองมาโชว์ตรงหน้าเซียวหลีแล้วก็ส่ายไปมา ตอนแรกเซียวหลีก็ได้มองด้วยสายตาที่ว่างเปล่า แต่ทว่ามันเป็นทองจริงๆ
“ตำลึงทอง....”
เมื่อได้ยินคำว่าทอง แม้แต่เซียวเป่าเอ๋อก็ได้ตื่นขึ้นมาและความง่วงหายเป็นปลิดทิ้ง
“ท่านป้า ท่านไปเอาทองก้อนนี้มาจากไหน?”
“เดาดูสิ!”
ด้วยสีหน้านึกสนุกที่ไม่ได้ปิดบังของเซียวเยี่ยนนั้น ทำให้เซียวหลีกับเซียวเป่าเอ๋อต้องรู้สึกกลัวขึ้นมา
“นี่ ข้าไม่ได้ไปขโมยของใครมาหรอกน่า แต่เป็นของที่คุณชายให้เป็นรางวัลต่างหาก” หลังจากนั้นเซียวเยี่ยนก็ได้เอาตำลึงทองใส่ไว้ในแขนเสื้อของนาง “ข้าจะเก็บเงินนี้ไว้เอง”
เซียวเยี่ยนก็ได้ยึดเงินนั้นเป็นของตัวเอง ซึ่งเซียวหลีเองก็ไม่ใช่คนที่อยากได้เงินของคนอื่นอยู่แล้ว
แต่ทำไมจู่ๆหรงสวินถึงได้ให้เงินนางเป็นจำนวนมากขนาดนี้?
ถึงชายคนนั้นจะเป็นเศรษฐีมีเงินก็ตามที แต่เขาก็ไม่น่าใช่คนที่จะโปรยเงินให้ใครง่ายๆแน่
อย่างนางที่เคยช่วยชีวิตเขาเอาไว้ จนทำให้เจ้าของร่างต้องตายไปนั้น เขายังให้เงินมาแค่ไม่กี่ตำลึงเงินเท่านั้นเอง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนขี้เหนียวเพียงใด!
“ท่านพี่เข้าเรื่องเลยดีกว่า” เซียวหลีก็ได้นอนลงบนหมอนอย่างขี้เกียจแล้วถามโดยที่ไม่เอาหัวขึ้นจากหมอน
เซียวเป่าเอ๋อเองก็รู้สึกได้ว่าท่านแม่ของเขาพูดถูก ทำไมคนคนนั้นถึงจะให้เงินท่านป้าอย่างไม่มีเหตุผลด้วย?
แต่อย่างไรก็ตามคนคนนั้นก็เป็นเจ้าแห่งทองจริงๆ ถ้าหากเขาได้คนอย่างเขามาเป็นพ่อนะ!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เซียวเป่าเอ๋อก็ได้มองไปที่เซียวหลี ตัวนางนั้นผอมบางจนแทบจะเรียกได้ว่าไม่มีเนื้อหนัง และผิวของนางก็ไม่ดีด้วย นางดูแล้ว.....
จริงด้วย.....
คนคนนั้นเขามีคู่หมั้นอยู่แล้วนี่นา และอย่างท่านแม่ของเขาก็คงไม่ยอมเป็นอนุชายาด้วยแน่ๆ
พ่อ....
เมื่อไรที่ตัวเขาจะได้มีพ่อกันนะ?
ในเวลานี้เซียวเยี่ยนก็ได้กอดเซียวเป่าเอ๋อที่มีท่าทางแปลกๆในอ้อมแขนของนาง แล้วก็ได้กล่าวด้วยสีหน้านิ่งๆ “เจ้าเก็บสมุนไพรเก่งหรอกไม่ใช่เหรอ? และหนก่อนเจ้าเองก็เคยรักษาอาการบาดเจ็บให้คุณชายหรงด้วย ดังนั้นคุณชายหรงจึงได้วางแผนที่จะมาอยู่ที่บ้านของพวกเรา และนี่ก็จะเป็นค่ารักษา.....แต่ทว่าต่อให้เจ้าไม่รู้วิธีรักษา ก็ให้พยายามดึงให้คุณชายอยู่ที่บ้านของพวกเรานานๆ เอาเงินรางวัลพวกนี้พอที่จะทำให้บ้านของเรามีชีวิตที่สุขสบายก็พอ”
เซียวเยี่ยนที่เห็นสีหน้าที่ไม่พอใจของเซียวหลีก็ได้รีบพูดสิ่งที่อยู่ในความคิดของนางออกมา อย่างไรเสียนางก็รู้ดีว่าท่านหมอเฉียนนั้นเป็นหมอที่มีชื่อเสียงมากเพียงใด แต่หรงสวินกลับไม่ได้ขอให้เขารักษาให้ก็แสดงว่าขาของเขานั้น.....
หึ เป็นคุณชายหน้าตาดีแต่ๆ แต่กลับขาพิการ
แต่โชคยังดีที่เขายังมีเงินเยอะ ขอแค่มีเงินก็เพียงพอ
“แล้วเขาอยู่ในบ้านของเจ้าเหรอ?”
เซียวเยี่ยนก็ได้ผงกหัว
ตอนแรก นางคิดว่าคนอย่างเขาคงไม่เชื่อนางแน่ๆ เพราะตัวเขานั้นทั้งเย่อหยิ่ง, เลือดเย็นและยังหยาบคายอีกด้วย!
“ให้ข้ารักษาเขาก็ได้ แต่ค่าตัวข้าแพงมากนะ” เซียวหลีแม้จะทำสีหน้าไม่พอใจ แต่ในใจของนางยินดีมาก นางนั้นกำลังกังวลอยู่ว่าถ้าเกิดนางซื้อที่ดินแล้วนางอาจจะไม่มีเงินเพียงพอที่จะพลิกชีวิตก็ได้ แล้วเทพแห่งความมั่งคั่งก็ได้ส่งเขามาให้
เมื่อได้ยินที่เซียวหลีพูด เซียวเยี่ยนก็ได้พูดอะไรไม่ออก “1 ตำลึงทองยังไม่พออีกเหรอ? เจ้าจะคิดค่ารักษาแพงไปถึงไหน?”
“ก็ถ้าอย่างนั้นทำไมเขาไม่ให้ท่านหมอเฉียนรักษาให้เขาล่ะ?”
“บางทีเขาอาจจะคิดว่าเจ้าเป็นแพทย์พื้นบ้านก็ได้? นอกจากนี้ความสามารถของอาหลีจริงๆแล้วมีเท่าไรทำไมข้าจะไม่รู้? เอาเป็นว่ารับดูแลคุณชายท่านนี้เถอะ เงินทองและความรุ่งเรืองไม่ได้เข้ามาง่ายๆนะ”
เซียวหลีก็ได้ยิ้มโดยที่ไม่ตอบอะไร
“ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับน้องแล้วนะ คุณชายก็มาที่นี่แล้วและเราก็รับเงินเขามาแล้ว กะอีแค่ไปเก็บสมุนไพรมาให้เขาแค่นั้น เจ้าทำไม่ได้รึยังไง?” อย่างไรเสียท่านหมอเฉียนก็ยังรักษาไม่ได้ แล้วอย่างเซียวหลีจะรักษาได้เหรอ?
แล้วเซียวหลีก็ได้ยกหัวขึ้นมาแล้วมองไปที่เซียวเยี่ยน นางยิ้มแล้วก็กล่าว “ท่านพี่เยี่ยน จากที่ข้าคิดดูแล้วไม่ใช่ว่าเงินนั่นคือเงินค่ารักษาที่พวกเขาให้ข้าหรอกเหรอ?” นางยื่นมือของนางออกมาเป็นเชิงบอกให้เซียวเยี่ยนเอาคืนมา
จากตอนแรกที่เซียวเยี่ยนกำลังยิ้มอยู่ แต่พอเซียวหลีถามเช่นนั้น รอยยิ้มของนางก็ได้หายไปทันที
“เงินก้อนนี้พวกเขาให้ข้าต่างหาก”
นางกล่าวออกมาโดยไร้ซึ่งน้ำเสียงมั่นใจ อย่างไรเสียพวกเขาก็ได้เอาเงินตำลึงทองนี้ให้เซียวหลีจริงๆ
เซียวเป่าเอ๋อก็ได้สลัดตัวออกจากอ้อมแขนของเซียวเยี่ยนแล้วกล่าว “ท่านป้า ท่านเอาแต่จะเก็บเอาเงินไว้กับตัวเองตลอด แต่สุดท้ายท่านก็เสียไปหมดตลอด....”
เซียวเยี่ยนก็ได้เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับยิ้ม นางนั้นครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ๆ แต่นางก็ยังไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรดี
“แล้วเงินที่ท่านป้าเอาไปเมื่อวานนี้ล่ะ? ท่านเอาไปเสียหมดอีกแล้วเหรอ?” เซียวเป่าเอ๋อถามต่อ
“เงินทองมันเป็นของนอกกายน่า ทำไมพวกเจ้าสองคนแม่ลูกถึงได้จู้จี้จัง? เงินมันสำคัญกว่าข้าอีกงั้นเหรอ?” เซียวเยี่ยนถามเซียวหลีและเซียวเป่าเอ๋อ
เซียวเป่าเอ๋อก็ได้ถอนหายใจ “ดูถ้าท่านป้าคงจะไม่สำนึกผิดเลย”
“เมื่อก่อนอาหลีเองถึงจะไม่เคยเล่นพนัน แต่ก็ต้องเสียเงินให้กับพวกขโมยและไอ้สารเลวพวกนั้นไปไม่รู้ตั้งเท่าไรแล้ว?”
ม้าดีมักจะถูกคนขี่ คนดีมักจะถูกคนอื่นรังแกจริงๆ
ครอบครัวของพวกเขาจึงมักถูกเป็นเป้าเสมอ
“ก็ได้ เจ้าเอาตำลึงทองนี่ไป แต่ข้าจะไม่แบ่งค่ารักษาที่ข้าจะได้หลังจากนี้ให้เจ้า อย่างที่ข้าเคยพูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วก่อนหน้านี้” เซียวหลีกล่าวแล้วก็ล้มตัวลงไปนอนอย่างรวดเร็วแล้วก็หลับตาลง “แล้วก็พี่เยี่ยน ตอนนี้ยังไม่รุ่งสาง ขอข้านอนต่อล่ะ”
มันอันตรายเกินไปอยู่ดีที่จะให้เซียวหลีเก็บเงินเอาไว้ เพราะนางนั้นซ่อนเงินไม่เป็น มันจะเป็นการดีกว่าที่จะให้นางไปซื้ออาหารและเหล้าอร่อยๆทาน และพนันอีกสักหน่อยเพื่อความสุขของนาง
“ก็ได้ ตามใจเจ้า”
หลังจากที่เซียวเยี่ยนจากไป เซียวเป่อเอ๋อก็ได้กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ที่แขนของเซียวหลี แต่ก็นอนไม่หลับ
เซียวหลีจึงได้ตบไหล่เขาเบาๆ “หลับเถอะ”
“ท่านแม่ พอคิดว่าเราจะได้เงินมากมายมาจากท่านลุงแล้ว เป่าเอ๋อนอนไม่หลับเลย” เมื่อคิดว่าพอช่วยเหลือคุณชายคนนี้แล้วได้เงินทองมามากมายแล้ว เขาก็รู้สึกไม่สบายใจว่าจะเก็บเงินไม่อยู่ขึ้นมา
เมื่อก่อนบ้านของพวกเขานั้นจนมากจนไม่มีอันจะกิน ต้องอาศัยรากไม้เปลือกไม้ประทังชีวิต จึงไม่มีใครกล้ามาปล้นบ้านนี้ แต่ในเวลานี้เรื่องที่มีคุณชายมาอาศัยอยู่บ้านนี้คงได้กระจายออกไปอย่างรวดเร็วแล้ว เกรงว่าคนพวกนั้นอาจจะมาปล้นบ้านนี้ก็ได้
“มีแม่อยู่ไม่ต้องกลัวปล้นหรอก นอกจากนี้มีคุณชายหรงสวินอยู่ พวกเราก็จะมีชีวิตที่สุขสบายไปได้หลายเดือนเลย จากนี้พวกเราจะไม่ต้องกังวลเรื่องข้าวปลาและเสื้อผ้าแล้วล่ะ”
“จริงเหรอขอรับ?”
“จริง เอาล่ะนอนต่อได้แล้ว แม่ง่วงมาก”
“ขอรับ...” แล้วเซียวเป่าเอ๋อก็ได้นอนกอดนางแน่น เขาจะต้องโตไวๆเพื่อที่จะได้ปกป้องคนที่เขาอยากจะปกป้องได้ ตัวเขาไม่เพียงแต่จะต้องศึกษาหาความรู้ แต่เขาจะต้องหาโอกาสเรียนวรยุทธ์ด้วย จะว่าไปเขาจะได้ว่าท่านลุงหรงก็เหมือนจะมีวรยุทธ์นี่นา
ขอเพียง.....
ถึงแม้วรยุทธ์ของเขาจะต่ำและยังขาพิการอีก แต่ก็ยังเพียงพอที่จะจัดการกับพวกที่ชอบรังแกในหมู่บ้านนี้ได้
เมื่อคิดเช่นนี้แล้วเซียวเป่าเอ๋อก็ได้หลับตาลงแล้วก็หลับปุ๋ยไป