บทที่ 24 เป็นคุณชายมากรักงั้นเหรอ
บทที่ 24
เป็นคุณชายมากรักงั้นเหรอ
ด้วยรอยยิ้มของนาง นางได้ระวังตัวแจและถอยห่างออกมาเป็นวงกลม
“อาหลี....”
“อาไฉ่....”
เซียวหลีนั้นรู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว ดูเหมือนว่าคืนนี้นางจะได้ส่งจูบร้อยลี้ลงไปเสียแล้ว ช่างเป็นการทำอะไรที่เลวร้ายและฆ่าตัวตายเสียจริงๆ
เซียวเหวินไฉก็ได้มองไปที่แผ่นหลังของเซียวหลีแล้วตะโกนเรียกนางอยู่หลายหน ตัวเขานั้นอยากให้นางอยู่ต่อและไม่จากเขาไปไหน....
แต่สุดท้ายขาและเท้ามันก็ไม่ยอมเชื่อฟังเขา และตัวเขาก็ได้ปล่อยโอกาสที่จะไล่ตามนางไปอีกหน
บางทีอาจเป็นเพราะมีเสียงที่อยู่ในก้นบึ้งของจิตใจที่ไม่ยอมให้เขาไปนั้นมันดังมากเกินไป เสียงนี้ได้บอกกับเขาว่า เซียวหลีนั้นคงไม่ยอมที่จะตกลงยอมอยู่กับเขาหรือหนีตามกันไปกับเขาโดยไม่สนเรื่องทางโลกอีกเป็นแน่
เขาจับไปที่ริมฝีปากของเขา ณ ที่ตรงนี้ได้มีริมฝีปากแดงนุ่มๆ, อ่อนหวาน, อบอุ่นและสบายใจ
เพราะการจูบในครั้งนี้ ทำให้เขาไม่อาจลืมลมหายใจและไออุ่นของนางไปตลอดชีวิตของเขา
“เจ้าลูกอกตัญญู ยังจะคิดถึงอีนังสำส่อนนั่นอีก เจ้าลูกไม่รักดี.....”
ในขณะที่กำลังเหม่อลอยอยู่นั้น เสียงดุด่าของแม่ของเซียวเหวินไฉก็ได้ดังขึ้นมาในหัวของเขา เช่นเดียวกับคำสัญญาที่เขาเคยให้เอาไว้ต่อหน้าแม่ของเขาเมื่อ 5 ปีก่อน
“ข้า เซียวเหวินไฉขอสาบานต่อสวรรค์ว่าข้าจะไม่แต่งงานกับเซียวหลีไปตลอดชีวิตนี้ หากข้าผิดคำสาบานต่อท่านแม่ ขอให้ข้าตกนรกชั้นเก้าไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดอีก....”
“ไม่....”
เซียวเหวินไฉก็ได้เอามือกุมหัวของเขาด้วยความเจ็บปวด เขานั้นไม่เข้าใจว่าทำไมท่านแม่ของเขาถึงได้ขอให้เขาต้องให้คำสาบานที่เหมือนพิษร้ายอันนั้นด้วย....
หลังจากที่ร้องจนเหนื่อย เซียวเหวินไฉก็ได้ทรุดลงไปแล้วหยิบเอาไหเหล้าขึ้นมาดื่มเท่านั้น มีเพียงตอนที่เขาเมาเท่านั้นที่เขาจะเห็นเซียวหลี, ลืมแม่ของเขาและลืมเรื่องร้ายๆทั้งหมดไป
“อาหลี....” เขาพึมพำชื่อนั้นออกมา แล้วก็หลับไปเมื่อไรก็ไม่รู้
แต่ในเวลานี้เซียวหลีนั้นกระวนกระวายมาก ตั้งแต่ที่นางออกมาจากบ้านของเซียวเหวินไฉ นางก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างตามหลังนางมาอย่างชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ หรือว่าจะเป็นผีจริงๆ? ถึงนางจะไม่ได้เห็นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ใช่ นางได้ยินเสียงฝีเท้าที่เข้าใกล้นางมากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่เสียงเหยียบกิ่งไม้ก็ยังได้ยินอย่างชัดเจน
แม้แต่ตอนอยู่ในป่าลึก นางยังไม่เคยกลัวเช่นนี้มาก่อน อย่างน้อยๆตาของนางก็ยังคงมองเห็น
แต่ในขณะนี้ นางได้ยินเสียงแต่กลับไม่เห็นตัว ซึ่งความกลัวของผู้คนส่วนใหญ่ก็ล้วนมาจากการไม่รู้ทั้งสิ้น
ด้วยเหตุนี้
เซียวหลีจึงได้ไม่รีบเร่ง นางหยุดเดินทันทีแล้วตะโกนไปในท้องฟ้าที่มืดมิด “ยอดยุทธ์ท่านใดกำลังเล่นตลกกับข้าอยู่ไม่ทราบ มาทำอะไรลับๆล่อๆเช่นนี้ช่างไม่สมกับเป็นวีรบุรุษเอาเสียเลย ได้โปรดเปิดเผยตัวออกมาด้วย”
“ฮ่าๆๆ.....”
มีเสียงหัวเราะระเบิดออกมาพร้อมกับสายลมที่พาดผ่านมา ทำให้นกต้องพากันโผบินด้วยความตกใจ
“ฮ่าๆๆ เป็นหญิงชาวบ้านที่น่าสนใจยิ่งนัก”
เสียงหัวเราะนั้นดังเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ฟังดูเหนือธรรมชาติหรือน่ากลัวแต่อย่างใด
สวมชุดสีชาวและถือพัดลายทิวทัศน์
เป็นชายหนุ่มในชุดสีขาวที่อยู่ในชั้นสองของ ร้านฉู่ฉู่หลิวเซียงนั่นเอง
“นึกว่าจะเป็นคนจรจัดจากที่ไหนเสียอีก? ที่แท้ก็เป็นเถ้าแก่ร้านฉู่ฉู่หลิวเซียงนี่เอง ท่านคิดที่จะมาสะสางบัญชีเรื่องที่ข้าไปปั่นป่วนที่ร้านหรืออย่างไร?”
หลังจากที่มองเห็นคนแล้ว เซียวหลีก็ได้เบาใจลง
อย่างไรเสียถ้าเป็นคนก็ไม่น่ากลัว เพราะที่น่ากลัวคือการไม่รู้ว่าศัตรูคืออะไร
“สะสางบัญชีงั้นเหรอ? ข้าก็แค่คิดว่าเจ้าน่าสนใจเท่านั้น” อวี่เหวินชูก็ได้เก็บพัดแล้วเดินเข้าไปหาเซียวหลี ท่ามกลางความตื่นตระหนกอวี่เหวินชูก็ได้ทำให้นางต้องถอยไปติดกับต้นไม้
แล้วเขาก็ได้วางมือทั้งสองข้างของเขาไว้ที่ต้นไม้ที่อยู่ด้านหลังหัวของเซียวหลี(คาเบะด้ง) แล้วมองไปที่เซียวหลีอย่างตั้งใจ
“ไม่ต้องตื่นตระหนกขนาดนั้นก็ได้ ใจร่มๆแล้วทำตัวตามสบาย” อวี่เหวินชูก็ได้จ้องไปที่นาง และเซียวหลีก็ได้มองตอบมาที่เขาอย่างใจเย็น
“ดูแล้วจะไม่มีความรู้สึกกลัวเลยสินะ นี่เจ้าเป็นแค่สาวชาวบ้านจริงๆเหรอ? ยามดึกดื่นเช่นนี้ แต่ดูเจ้าจะไม่กลัวว่าจะเจอพวกอันธพาลเลยนะ?”
“เถ้าแก่ร้านฉู่ฉู่หลิวเซียงจะมาเอาคืนกับคนธรรมดาตัวเล็กๆที่ไม่มีแรงแม้แต่จะหักคอไก่อย่างนั้นเหรอ? คงจะไม่ใช่หรอกใช่ไหม?” เซียวหลีคิดแล้วก็กล่าวออกมา จริงๆแล้วทั้งเข่าและแขนของเซียวหลีนั้นได้เตรียมพร้อมทุกเมื่อแล้ว ถ้าหากเจ้าคุณชายมากรักคนนี้กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามขึ้นมา นางก็ไม่อาจจะรับประกันได้ว่าตัวเขานั้นจะมีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมืองได้อีกหรือไม่?
ตัวนางนั้นไม่ได้ตอบคำถามก่อนหน้าของเขา และก็ไม่แสดงท่าทีที่ถ่อมตัวหรืออวดดีแต่อย่างใด
อวี่เหวินชูเองก็ไม่ได้คิดที่จะทำอะไรนาง แต่เขาก็รู้สึกได้ว่านางนั้นกำลังโมโหมาก
ก็แค่....เขาไม่คิดว่าผู้หญิงที่ดูบ้านๆเช่นนี้จะกล้าไปรบกวนอื่นๆเช่นนั้น และการกระทำของนางมันก็ดูแปลกมากเกินไป
“นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ข้าอวี่เหวินชูนั้น ถูกเรียกว่าเป็นคุณชายมากรัก” อวี่เหวินชูกล่าวและเอนตัวเข้าไปหาอย่างยั่วโมโห เซียวหลีก็ได้แสดงสีหน้าเจ้าเล่ห์ออกมา แล้วฝ่ามือของนางก็ได้กระแทกเข้าไปที่สะโพกของอวี่เหวินชู แต่การตอบสนองของเขานั้นเร็วกว่า เขาสามารถหยุดการโจมตีของนางได้ทันการ “แม่นาง ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะมีวรยุทธ์กับเขาด้วย? แต่น่าเสียดาย....อ๊าก....” เขายังพูดไม่ทันจบก็ต้องร้องออกมาเสียก่อน และมองไปที่รอยยิ้มที่ภูมิใจของเซียวหลี
“น่าเสียดายที่ที่เจ้าต้องมาเจอกับข้า” นางมองไปที่ที่เขากำลังกุมอยู่แล้วก็ได้เอานิ้วชี้ไป “ข้ายังยั้งแรงไว้ให้หน่อยนะ เพื่อที่เจ้าสิ่งนั้นจะยังใช้การได้ในอนาคตน่ะ ฮะๆ....” เสียงหัวเราะของนางราวกับกระดิ่ง ทั้งใสและไพเราะ
แต่ในเวลานี้อวี่เหวินชูคงไม่ได้เพลิดเพลินไปกับเสียงนั้นเท่าที่ควรนัก
ตัวเขานั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดจนใบหน้าของเขาต้องบิดเบี้ยว เอามือกุมกล่องดวงใจของเขาแน่นและร้องออกมา และมองไปที่เซียวหลีที่หายไปในความมืดมิดนั้น
ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆด้วย
จะมีผู้หญิงที่ไหนที่กล้าเตะช่วงล่างของผู้ชายเช่นนี้บ้าง? แค่เรื่องเตะก็ไม่ต้องพูดถึงเลย เขามองไปยังที่ที่เขากำลังปกป้องด้วยมือของเขาอยู่ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหนักแน่นไร้ซึ่งความอาย ผู้หญิงคนนี้มันบ้าเกินไปแล้ว
“เซียวหลี....”
อวี่เหวินชูก็ได้กัดฟันแน่นด้วยความชิงชัง เขานั้นจำชื่อของเซียวหลีได้จากในร้านอาหาร แล้วก็ได้มุ่งหน้ามา
เซียวหลีหายไปจากที่นั่นอย่างรวดเร็วนั้น ก็ได้รู้สึกว่ามีมีดและลูกศรจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ที่หลังของนาง ทำให้หลังของนางต้องขนลุกซู่ขึ้นมา
หลังจากที่ยุ่งวุ่นวายกับเซียวเหวินไฉและอวี่เหวินชู นางก็ได้กลับมาถึงที่บ้าน แต่นางก็ไม่ได้รู้สึกง่วงนอนเลยแม้แต่น้อย นางกลิ้งไปกลิ้งมาแต่ก็นอนไม่หลับ
มันรู้สึกดีจริงๆที่ถูกรักเช่นนี้เป็นครั้งแรก แต่นางก็เข้าใจได้ว่าอารมณ์เช่นนี้จะปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้ เพราะหากปล่อยผ่านไปพักใหญ่แล้ว ความรู้สึกนี้มันจะไม่ยอมขยับไปไหนและจะฝังรากลึกไปตลอดชีวิต
ในเมื่อนางนอนไม่หลับ เซียวหลีก็ได้ลุกขึ้นมาแล้วจุดไฟเพื่อทำการสกัดเจ้าหินเกลือ 20 ชั่งที่นางซื้อมาในวันนี้
จนกระทั่งท้องฟ้าเริ่มกลายเป็นสีของปลาท้องขาว เซียวหลีก็ได้เปิดหม้อและมองดูก้อนเกลือสีขาวที่ถูกสกัดแล้ว นางก็ได้รู้สึกโล่งอกออกมา แล้วนางก็ได้ลองชิมดูแล้วพบว่าไม่มีรสขม นางจึงได้พึงพอใจอย่างมาก
“เจ้าเกลือที่รักจ๋า ไม่นึกเลยว่าจะมีวันที่ข้าต้องลงมือทำเช่นนี้เองเพื่อที่จะได้กินเจ้าเนี่ย”
ไม่ได้การชักง่วงขึ้นมาเสียแล้วสิ “เตียงที่รักจ๋า ข้ามาแล้ว”
แล้วนางก็ได้วางเกลือที่สกัดแล้วเอาไว้ในหม้อตามเดิม แล้วเซียวหลีก็ได้มุ่งหน้าไปที่ห้องนอนโดยไม่สนใจซึ่งพื้นฐานของการล้างมือล้างเท้าเลย
หลังจากที่นอน เซียวเป่าเอ๋อก็ได้มาปลุกนางซึ่งไม่ว่าจะเขย่ามากขนาดไหนนางก็ไม่ยอมตื่นเลย มีแต่เสียงของเซียวหลีดังออกมา “ขอข้านอนต่ออีกหน่อยเถอะ”
เซียวเยี่ยนก็ได้มองไปที่นางอย่างช่วยไม่ได้ นางจึงได้รื้อเอาของเหลือเมื่อวานนี้มากินกัน
หลังจากที่กินอาหารเสร็จ เซียวเยี่ยนก็ได้ออกจากบ้านอย่างกระดี๊กระด๊า เซียวเป่าเอ๋อก็ได้ถามนาง “ท่านป้า ท่านจะออกไปเล่นพนันอีกแล้วเหรอ?”
เซียวเยี่ยนก็ได้จ้องตอบไปที่เซียวเอ๋อที่อยู่ที่หน้าประตูบ้านแล้วกล่าวอย่างไม่พอใจ “เจ้าเด็กบ้า ท่านป้าของเจ้าน่ะเปลี่ยนไป....”
“เปลี่ยนไปหมายถึงไม่เล่นพนันอีกแล้วน่ะเหรอ?”
เซียวเป่าเอ๋อก็ได้พูดขึ้นมาก่อนที่นางจะได้พูดจบประโยค แล้วเสียงของเขาก็ได้เข้าหูของนางมาเสียก่อน
“เจ้าเด็กบ้า, ป้าน่ะ คือว่า....คือว่า....คือว่า...คือว่าป้าจะไปที่อำเภอเพื่อพบคุณชายหรงน่ะ อย่างน้อยครอบครัวของเราก็ช่วยเขาเอาไว้ ถ้าหากจะช่วยคนก็ต้องช่วยให้ถึงฝั่งใช่ไหมล่ะ?”
เซียวเป่าเอ๋อก็ได้ทำปากแบบเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ใครสน?
เขากลัวว่าท่านป้านั้นจะเอาเงินมากมายพวกนั้นใส่ในถุงเก็บเงินของนางไปด้วย เพราะถ้าวันนั้นเขาไม่ได้แยกเก็บเงินเอาไว้ล่ะก็ นางคงได้เอาไปเสียจนหมดแน่
มองไปที่สีหน้าที่มีความสุขของเซียวเยี่ยนแล้ว เซียวเป่าเอ๋อก็รู้ได้ว่าเงินทั้งหมดในถุงนั้นคงได้สูญไปจนหมดแน่
“เอาน่า ป้าจะให้เงินเจ้าไว้ซื้อขนมก็แล้วกัน” เซียวเยี่ยนก็ได้ทำเช่นเคย นางจะให้เงินส่วนหนึ่งกับเซียวเป่าเอ๋อทุกครั้งที่นางถูกพบเช่นนี้