บทที่ 20 ไร้ยางอาย
บทที่ 20
ไร้ยางอาย
กลับไปถึงหมู่บ้านเซียว ขบวนรถม้านี้ได้เป็นที่สะดุดตาอย่างมากจริงๆ นอกไปเสียจากเซียวอิ้งเสวี่ยลูกสาวคนโตของเซียวต้าโหย่วที่เป็นคนที่ฟุ้งเฟ้อ และวันนี้นางก็ได้กลับมาที่บ้านแม่ของนาง
เซียวเยี่ยนนั้นรู้สึกตกใจที่มีขบวนรถม้า แต่นางก็ไม่ได้รู้สึกสนใจ “รถม้าและเกี้ยวที่ข้าเคยนั่งยังดูหรูหรามากกว่านี้อีก”
เซียวหลีก็ได้ยิ้มไม่หยุด ก่อนที่จะเดินไปที่ข้างหูของ เซียวเยี่ยนแล้วกระซิบกระซาบ “ท่านพี่ คนที่เก่งจริงเขาไม่เอาเรื่องเก่ามาพูดกันหรอกนะเจ้าคะ”
เซียวเยี่ยนพ่นลมออกจมูกอย่างเฉยชา แล้วมองไปที่รถม้าคันนั้น นางนั้นเหมือนยังคงมีความหลังบางอย่างกับมันอยู่
นางนั้นรู้ดีว่าทุกคนนั้นรวมถึงตัวนางด้วย ต่างก็ดูถูกอดีตของนาง
แต่มีเพียงนางที่รู้ว่าตัวนางนั้นยังอาลัยอาวรณ์อดีตที่ยากจะลืมเลือนได้ของนางอยู่
ถึงแม้ว่านางนั้นยังถวิลหาความรุ่งเรืองและความมั่งคั่งอยู่ แต่สิ่งที่นางอาลัยอาวรณ์ที่สุดหาใช่ความมั่งคั่งไม่ ไม่อย่างนั้นนางคงไม่จนและอดอยากจนเกือบตายอยู่หลายหนเช่นนี้หรอก นางนั้นยังคงรักและหวงแหนสิ่งที่เขาเคยให้และปฏิเสธที่จะขายของพวกนั้นเป็นเงิน
ท่านหมอเฉียนกับคนคุ้มกันทั้ง 4 ก็ได้เข้ามาข้างในและไม่รู้ว่าพวกเขานั้นกำลังหารืออะไรกับหรงสวินอยู่ จนในที่สุดพวกเขาก็ได้แบกหรงสวินขึ้นไปบนรถม้าด้วยเปลหาม
“แม่นาง นี่คือน้ำใจของนายท่าน ได้โปรดรับเอาไว้ด้วย”
แล้วหนึ่งในคนคุ้มกันก็ได้มองถุงเงินใส่ให้กับมือของ เซียวหลี คิ้วและตาของเขานั้นดูแปลกๆมาก และมีรอยแผลเป็นที่ระหว่างคิ้วของเขาด้วยแต่ก็ดูไม่เหมือนจะเป็นคนที่ไม่ดีสักเท่าไรนัก แล้วตัวเขาก็ไม่พูดอะไรเวิ่นเว้อด้วยดูแล้วเหมือนกับทหารที่ถูกฝึกมาเป็นอย่างดี
หรงสวินคนนี้เป็นใครกันแน่นะ?
หรือว่าเขาจะจ้างอดีตทหารมาเป็นคนคุ้มกันกันนะ?
“เซียวหลี มานี่ซิ”
แล้วหรงสวินก็ได้ตะโกนเรียกอย่างเย็นชาอยู่บนรถม้า
เซียวหลีที่รับถุงเงินนั้นมาและลองคำนวณน้ำหนักดู นางก็รู้สึกพอใจ แต่ทว่านางก็ไม่ค่อยกับท่าทีของหรงสวินสักเท่าไร ทำไมนางจะต้องไปหาเขาตามที่เขาสั่งด้วย?
“ท่านแม่ ท่านลุงหรงเรียกท่านให้ไปหาแน่ะ?” เซียวเป่าเอ๋อก็ได้พูดเตือนนางแล้วดึงกระโปรงของเซียวหลี
โดยที่นางไม่รู้ตัว เซียวเป่าเอ๋อก็ได้คว้าถุงเงินมาจากมือของเซียวหลี แล้วก็ได้เดินลับๆล่อๆแอบเข้าไปในบ้าน
“แม่นาง ได้โปรดไปคุยกับนายท่านด้วย” แล้วผู้คุ้มกันที่ยืนอยู่ใกล้ๆก็ได้ขอร้องเซียวหลี แล้วผู้คนที่ยืนอยู่ทั้งข้างในและข้างนอกบ้านต่างก็มองดูและพูดซุบซิบกันว่าเซียวหลีนั้นช่างโชคดีที่ช่วยคนแล้วได้เงินเป็นทองก้อนด้วย อย่างไรก็ดีถุงเงินนั้นพวกเขาสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าจะต้องมีเงินเป็นจำนวนมากอยู่ในนั้น
“ยังไม่มาอีกเหรอ?” หรงสวินก็ได้เปิดผ้าม่านออกแล้วมองไปที่เซียวหลีที่กำลังเดินมาอย่างช้าๆด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ ตัวเขานั้นรู้สึกเหมือนอยากจะเป็นบ้าขึ้นมา ผู้หญิงคนนี้มีนิสัยที่แปลกประหลาดนักแล้วยังมีชื่อเสียงที่ไม่ดีอีก เขาคงจะเป็นบ้าไปแล้วจริงๆที่คิดจะช่วยเหลือบ้านของนาง
เขาก็แค่ขอบคุณนางที่ช่วยชีวิตเขาเท่านั้น ผู้หญิงสุดยอดของความดื้อรั้นและโหดเหี้ยม อยู่ห่างๆนางไว้เป็นดี “เงินขอบคุณเหล่านั้นเอาไว้เป็นค่าศึกษาเล่าเรียนของเป่าเอ๋อ อย่าทำร้ายอนาคตเด็กเก่งเช่นนั้น ถ้าหากว่าเจ้าเอาไปใช้ด้วยวัตถุประสงค์อื่นแล้วเป่าเอ๋อไม่ได้เข้าโรงเรียนแล้วล่ะก็ ข้า.....”
เซียวหลีก็ได้กะพริบตาแล้วมองไปที่หรงสวิน จากนั้นก็ได้เอื้อมมือไปแตะหน้าผากของหรงสวิน หรงสวินก็ได้ถอยออกมาด้วยความรังเกียจ แต่นางก็ยังตามมาจับหน้าผากเขาอีก “ก็ไม่ได้มีไข้นี่นา ไม่น่าจะสับสนอะไร? แต่ทำไมท่านถึงได้ดูห่วงใยลูกชายข้านัก?”
“เจ้า....ช่างปากคอเราะร้ายเสียจริงๆ อย่างที่เขาว่ามีแค่สตรีและคนถ่อยที่เข้าหาด้วยได้ยากจริงๆ!” หรงสวินก็ได้โมโหขึ้นมาโดยที่ตัวเขาตอบโต้ไม่ได้เลย ช่างไร้เหตุผลเสียจริงๆ
“ท่านต่างหากต้องการอะไรกันแน่? ท่านคิดว่าท่านเป็นใครกัน? ถึงได้คิดที่จะเฝ้าดูว่าข้านั้นจะให้เป่าเอ๋อนั้นเข้าเรียนหรือไม่น่ะ?” เซียวหลีก็ได้มองไปที่เขาอย่างโมโหและดีใจอย่างบอกไม่ถูก ซึ่งใบหน้าที่โมโหของนางนั้นงดงามมาก
“อุ๊ย หรือว่าที่ท่านมาจุ้นจ้านเรื่องของข้ากับลูกชายข้าเนี่ยเพราะหวังผลบางอย่างอยู่?” เซียวหลีก็ได้มองไปที่หรงสวินอย่างครุ่นคิด จากนั้นก็ได้เอนตัวเจ้าไปใกล้หูของหรงสวินแล้วก็กล่าวด้วยคำพูดที่มีเพียงแค่สองคนเท่านั้นที่จะได้ยิน “หรือว่าท่านตกหลุมรักข้าหรือเป่าเอ๋อของข้าเข้าแล้วล่ะ? อยากที่จะเป็นลูกเขยของข้ารึยังไง?”
“ไร้ยางอายนัก!”
ผู้หญิงที่อวดดีเช่นนี้เขาเคยเจอมานักต่อนักแล้ว แต่ทว่านางเองก็เป็นผู้มีพระคุณของเขาจึงไม่สามารถที่จะสู้หรือทำร้ายนางได้!
มันก็เหมาะสมแล้วกับผู้หญิงที่ไม่รู้จักผิดจักถูกเช่นนี้จะยากจนน่ะ
แล้วเขาก็ได้ดึงผ้าม่านลงแล้วผู้คุ้มกันคนที่พูดกับ เซียวหลีเมื่อสักครู่ก็ได้สั่งให้สารถีที่ขับรถม้านั้นออกเดินทางไปก่อน
“ไม่ทราบว่าแม่นางมีชื่อว่าอะไร?” แล้วคนคุ้มกันคนนั้นก็ได้ถามด้วยรอยยิ้มหลังจากที่รถม้าออกเดินทางไป
เซียวหลีก็ได้จ้องตอบเขา “เซียวหลี”
แต่ชายคนนี้ดูเหมือนจะไม่ได้ขุ่นข้องอะไรกับการเหมือนไม่อยากคุยด้วยของนาง
“ข้าไม่เห็นนายท่านรู้สึกอดกลั้นเช่นนี้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลย....เจ้าเป็นคนแรกเลย ฮ่าๆ.....”
หลังจากที่พูดจบเขาก็ได้กระโดดขึ้นขี่ม้าของเขาอย่างง่ายดาย แล้วก็ได้ขี่ม้าออกเดินทางพร้อมกับเสียงหัวเราะ
ไปกันหมดแล้วสินะ?
เจ้าคนที่มีใบหน้าที่เลือดเย็นนั่นบอกต้องการให้เป่าเอ๋อได้เรียนหนังสือ แต่กลับให้เงินมาแค่นี้เนี่ยนะ?
เงิน?
ถุงเงินหายไปไหนแล้ว?
แล้วเซียวหลีก็ได้นึกขึ้นได้ว่าเซียวเป่าเอ๋อนั้นเอาเงินไปแล้ว
ทันทีที่ขบวนรถม้าจากไป ก็ได้มีการพูดคุยกันในฝูงชน ว่าเซียวหลีนั้นพูดว่าอะไรที่ทำให้คุณชายผู้สูงศักดิ์ท่านนั้นต้องตะโกนออกมาว่า“ไร้ยางอาย”?
“คิดว่าเขาจะพูดอะไรล่ะ? มันก็ต้องไร้ยางอายตรงตามความหมายอยู่แล้ว!”
“นั่นสินะมันจะมีความหมายเป็นอื่นไปได้อย่างไร? กับตัวซวยอย่างนางแล้วเราควรจะไปพบหัวหน้าหมู่บ้านแล้วเข้าร่วมกลุ่มขับไล่นางออกไปกันเถอะ”
เซียวหลีนั้นไม่ได้หูหนวก ย่อมที่จะได้ยินที่พวกนางพูดถึงนาง มันช่างน่าขนลุกเสียจริงๆ!
ถ้าไม่ใช่เพราะนางยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บและร่างกายของนางตอนนี้อ่อนแอมากแล้ว นางก็คงไปคุยกับพวกนางด้วยแล้วว่าที่นี่ช่างไร้ซึ่งสิทธิมนุษยชนจริงๆ
“เอ้า พ่อแม่พี่น้อง ลุงป้าน้าอาทุกท่านตอนนี้ก็มืดค่ำแล้ว ถ้าหากไม่รังเกียจสนใจจะอยู่ทานมื้อค่ำกับพวกข้าไหม?”
ก็ไม่ใช่ว่าเซียวหลีนั้นไล่ผู้คนออกไป แต่มันน่ารำคาญที่มีคนมายืนอยู่ในลานบ้านของนางแล้วกลับมาพูดถึงนางเช่นนี้
ซึ่งก็ไม่มีใครที่อยากจะเข้ามายุ่งกับบ้านของเซียวหลีนัก ยิ่งต้องมาทานมื้อค่ำที่บ้านตัวซวยด้วยแล้ว
เมื่อขบวนรถม้าห่างออกไปไกล ผู้คนก็ได้พากันแยกย้ายออกไปอย่างช้าๆ
“สวรรค์ทรงเมตตา ต่อจากนี้ครอบครัวของเจ้าก็ไม่ลำบากแล้ว” หวังกุ้ยฮัวก็ได้จับมือของเซียวหลีแล้วกล่าวออกมาประโยคหนึ่ง ซึ่งก็เหมือนจะเป็นเรื่องจริง
“ใช่แล้ว ด้วยเงินพวกนี้ครอบครัวของท่านป้าก็จะได้อยู่กันอย่างสบายแล้ว แต่ว่า....” ลูกสาวของหวังกุ้ยฮวาเซียวซีซีก็ได้มองไปรอบๆแล้วพูดออกมาเบาๆ “ท่านพี่อาหลีอย่าได้เผลอปล่อยให้เงินพวกนี้ตกอยู่ในมือของท่านพี่เยี่ยนได้นะ”
ทุกคนในหมู่บ้านนี้ต่างก็รู้กันว่าเซียวเยี่ยนนั้นเป็นนักพนันตัวยง ถ้าไม่ใช่แล้วพวกนางก็คงไม่ต้องอยู่กันอย่างยากลำบากเช่นนี้ด้วยเงินที่เซียวเยี่ยนนำกลับมาตอนแรก
“ขอบคุณท่านป้ากับน้องซีซีมาก ข้าอาหลีจะไม่ทำพลาดอีกแล้ว จริงด้วยสิท่านป้ารอข้าสักเดี๋ยวนะ” ในขณะที่หวังกุ้ยฮวาแม่ลูกกำลังจะกลับนั้น เซียวหลีก็ได้รั้งทั้งคู่เอาไว้ จากนั้นนางก็ได้กลับเข้าไปในบ้านแล้วหยิบห่อเนื้อหมู 1 จินมาแล้วเอามามอบให้นาง “ท่านป้าเป็นคนเดียวในหมู่บ้านนี้ที่ไม่คิดร้ายกับอาหลีและคอยแอบช่วยเหลืออาหลีมาตลอด อาหลีจึงได้สำนึกบุญคุณและมอบสิ่งนี้เป็นสินน้ำใจจากข้า”
หวังกุ้ยฮวาเปิดออกดูก็พบว่าเป็นเนื้อหมูสด นางจึงได้รีบผลักกลับไปแล้วกล่าวอย่างโมโห “ไม่ได้ๆ สิ่งนี้มันมีดีและแพงมากเกินไป และก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่บ้านของเจ้าจะได้มาด้วย เจ้าเก็บเอาไว้เองเถอะ และอีกอย่างข้าก็ไม่ได้ช่วยเจ้าด้วย เพียงแค่ข้าไม่ชอบที่พวกผู้คนใหญ่คนโตชอบมารังแกพวกผู้หญิงอ่อนแอเท่านั้น ข้าไม่ได้ทำเพื่อเจ้าแต่ทำในฐานะที่เป็นแม่ม่ายและเป็นลูกกำพร้าเหมือนกัน” ทันทีที่พูดจบหวังกุ้ยฮวาก็ได้น้ำตาไหลอออกมา นางมองไปที่เซียวซีซีด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก นางนั้นรู้ดีถึงรสชาติของผู้หญิงคนเดียวที่ต้องเลี้ยงดูครอบครัว
ยิ่งไปกว่านั้นนางหวังก็ยังตาบอด และเซียวเยี่ยนก็ไม่สนใจเรื่องของครอบครัว นางนั้นอยู่แบบตามใจ ทำให้ภาระทั้งหมดตกมาอยู่กับเซียวหลี
มันช่างยากลำบากเกินไปจริงๆ!
“เนื้อนี้ดูสดมากเลยเจ้าค่ะ” เซียวซีซีก็ได้น้ำลายสอขึ้นมา นางนั้นอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายเมื่อมองไปที่เนื้อเหล่านี้
“ถ้าเช่นนั้นก็รับไปสิ”
เซียวซีซีก็ได้ยื่นมือออกมารับ แต่หวังกุ้ยฮวาก็ได้ตีมือของนางให้หดกลับไป “ของดีและแพงเช่นนี้ ครอบครัวของอาหลีเองก็ไม่เคยได้กินเลยสักครั้งในรอบปี เจ้าจะมาอยากได้ของคนอื่นแบบนี้ไม่ได้นะ” หวังกุ้ยฮวาก็ได้ยิ้มตอบแล้วพูดกับเซียวหลี “ข้าขอรับแค่น้ำใจก็พอ ข้าขอตัวกลับก่อนล่ะ”
หวังกุ้ยฮวานั้นไม่ต้องการเนื้อนั้น และพาเซียวซีซีกลับบ้าน
เซียวซีซีก็ได้หันกลับไปมองที่เซียวหลีอย่างไม่เต็มใจ
“เอาไว้จะแอบเอาไปให้ทีหลังนะ” เซียวหลีก็ได้พูดด้วยปากของนาง ซึ่งไม่รู้ว่าเซียวซีซีนั้นจะเข้าใจหรือเปล่า
ในเมื่อพวกนางลำบากใจที่จะรับก็ช่วยไม่ได้ เอาไว้ไปมอบให้ที่บ้านของนางด้วยความจริงใจทีหลังก็แล้วกัน!
“เซียวเป่าเอ๋อ? เงินอยู่ที่ไหน?” หันหลังกลับมา เซียวหลีก็ได้เดินไปที่ห้องของนางหวัง ก็พบเซียวเป่าเอ๋อที่ขลุกตัวอยู่ในการปกป้องของอ้อมแขนของนางหวัง