บทที่ 19 ทำไมถึงได้มีรสแบบนี้เนี่ย?
บทที่ 19
ทำไมถึงได้มีรสแบบนี้เนี่ย?
เซียวหลี....
นังตัวซวยนั่น ทุกครั้งที่พบนางจะต้องไม่มีอะไรดีตลอด!
แม้ว่าเขาจะชิงชังมากเพียงใด แต่เขาก็ทำอะไรเซียวหลีไม่ได้ในเวลานี้ เขานั้นไม่เชื่อว่าเซียวหลีนั้นจะมีเงินพอซื้อของที่นี่ หรือเข้ามาที่นี่ได้ตลอดชีวิตของนาง
“แม่นาง นี่คือรายการอาหารของร้านเรา เชิญเลือกดูเลยขอรับ”
ผู้จัดการหลิวก็ได้นำรายการอาหารมาให้เซียวหลีด้วยตัวเอง แล้วเขาก็ได้มองดูแล้วแอบยิ้มกริ่ม โชคยังดีที่ตัวหนังสือทั้งหมดเป็นภาษาจีนดั้งเดิมนางจึงพออ่านออกบ้าง แต่ทว่า....
ไก่แปดสมบัติ 1 ตัวราคา 1 ตำลึงเงิน, ปลาต้มพริก 1 ตำลึงเงิน, เป็ดไร้กระดูก 3 ตำลึงเงิน, เนื้อตุ๋นน้ำแดง 5 ตำลึงเงิน.......
นี่มัน......
ค่ารถเกวียนวัวมาที่นี่ใช้แค่ 3 อีแปะ แล้ว 1,000 อีแปะเท่ากับ 1 ตำลึงเงิน
“ผู้จัดการราคาอาหารร้านท่านมันไม่แพงไปหน่อยเหรอ?” เซียวหลีก็ได้คิ้วขมวด รายการอาหารนี้ราคาแพงมหาศาลมาก!
เถ้าแก่หลิวก็ได้ยิ้ม “แม่นาง อาหารในร้านฉู่ฉู่หลิวเซียงของเรานั้นเป็นอันดับหนึ่งในแผ่นดินนี้ พวกเราไม่มีการเพิ่มราคาหรือต่อราคาใดๆทั้งสิ้น วันนี้แม่นางได้ก่อปัญหาให้เรามามากแล้ว ตอนนี้จะมาล้อเล่นกับข้าไม่ได้นะ”
ให้รู้เสียบ้างว่ากำลังเล่นตลกอยู่กับใคร
ตอนแรกนางคิดว่าจะให้รางวัลกับปากท้องของนางบ้างหลังจากที่มาอยู่โลกนี้ได้สองวัน ถึงแม้ว่านางจะเสี่ยงชีวิตล่าสัตว์ได้ก็ตาม แต่ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการปรุงรสเลย แม้แต่เกลือยังไม่มีติดบ้านด้วยซ้ำ
ดังนั้นหลังจากที่ได้เงินมาแล้ว นางก็ได้คิดที่จะมาที่นี่เพื่อหาซื้ออาหารอร่อยๆกลับไปให้ที่บ้านได้ทานกันบ้าง
แต่ราคานี่สิ....
ช่างมัน แล้วเซียวหลีก็ได้กัดฟันทนสั่งไก่แปดสมบัติและเป็ดไร้กระดูกห่อกลับบ้าน เมื่อคิดเช่นนี้แล้วนางก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา อย่างไรเสียนางก็ต้องเสียไปตั้ง 5 ตำลึงเงิน
“แม่นาง ร้านเรามีนโยบายจ่ายก่อนถึงค่อยยกอาหาร ขอให้แม่นาง....”
เซียวหลีก็พอเข้าใจได้ พวกเขาคงกลัวว่านางนั้นจะไม่มีเงินจริงๆ
ที่มุมหนึ่ง ดวงตาของเซียวจิ้งถิงก็ได้เป็นประกายขึ้นมาเมื่อเขาเห็นถึงเงินของเซียวหลีที่เอาออกมานั้นดูท่าว่าจะหนักมาก เซียวหลีนั้นไปได้เงินมากมายเช่นนั้นมาจากไหน?
แล้วดวงตาของเขาก็ได้เปลี่ยนไปเป็นโหดเหี้ยมขึ้นมาทันที แล้วเขาก็ได้พาเซียวต้าหลี่ชายคนที่เรียกตัวเองว่าคุณชายหลี่ไปด้วย
แล้วอาหารก็ได้นำมาเสิร์ฟบนโต๊ะ เซียวหลีก็ได้ตรวจสอบดูโดยการดมจากกลิ่นก่อน อย่างน้อยๆนางก็ได้กลิ่นของเกลือ จึงได้ลองชิมดูแล้วจากนั้นสีหน้าของนางก็ได้แข็งทื่อไปทันที
“ผู้จัดการ....ไม่ว่าท่านคิดว่าข้าจนแล้วจะรังแกกันได้หรอกเหรอ? ไปตามพ่อครัวที่ทำให้ข้ามาเดี๋ยวนี้!” เซียวหลีก็ได้โมโหขึ้นมา และสีหน้านั้นก็หาไม่ได้ล้อเล่นด้วย
ผู้จัดการหลิวก็ได้ตกตะลึง “แม่นาง นี่คืออาหารที่ทำโดยหัวหน้าพ่อครัวของเราแล้วยังเป็นอาหารขึ้นชื่อของร้านเราด้วย วันนี้แม่นางต้องการมาหาเรื่องพวกเราหรือยังไง? เถ้าแก่ของเราไม่ใช่คนที่จะลงมาเสวนากับคนธรรมดาหรอกนะ”
“อ้อเหรอ....แล้วมันหมายความว่ายังไง? เถ้าแก่ของท่านเป็นเง็กเซียนหรือยังไง ร้านนี้ถึงได้มาทำนักเลงโตยังไงก็ได้งั้นเหรอ? ถึงได้มาแกล้งทำอาหารชุ่ยๆเสียของแบบนี้ออกมาแล้วคิดราคากับข้า 5 ตำลึงเงินเช่นนี้น่ะ!”
“เจ้า....” นี่เป็นครั้งแรกของผู้จัดการหลิวที่พบกับคนก่อกวนร้านเช่นนี้ แล้วที่สำคัญยังเป็นผู้หญิงอีกต่างหาก!
“เจ้าก็เห็นลูกค้าทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนแต่เป็นลูกค้าประจำของร้านฉู่ฉู่หลิวเซียงเรา ข้าจะไปหลอกพวกเขาได้อย่างไร? ถ้าเจ้าอยากที่จะมาสร้างปัญหาให้จริงๆ ข้าก็คงจะต้องแจ้งทางการแล้ว”
เซียวหลีก็ได้กัดเขี้ยวเคี้ยวฟัน วันนี้นางก่อเรื่องยุ่งมากพอแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นนางจะใช้ขาของนางที่บาดเจ็บไปในการต่อสู้เมื่อสักครู่ด้วย นอกจากนี้สภาพสังคมในยุคนี้สิทธิมนุษย์ชนก็ต่ำมากด้วย นางคงจะต้องยอมรับอย่างเดียวเท่านั้น
“เฮ้อ ข้านี่ช่างโชคร้ายจริงๆ”
แล้วเซียวหลีก็ได้หยิบกระเป๋าออกมาอีกไปแล้วเตรียมที่จะใส่อาหารไป แต่ชายในชุดขาวก็ได้ให้ความสนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นภายในร้าน
ตัวเขานั้นได้ไล่ตามหาอาหารมาตลอดชีวิตของเขา เขาได้ใช้แรงคนมากมายเพื่อรวบรวมวัตถุดิบ และแรงเงินเพื่อรวบรวมพ่อครัวที่มีความสามารถจากทั่วทั้งแผ่นดิน นำมา สรรค์สร้างอาหารและกลายมาเป็นร้านอาหารอันดับหนึ่งในแผ่นดินนี้
ร้านของเขาไม่เคยถูกติมาก่อนเลยตลอด 8 ปีนี้ แล้วในวันนี้กลับมีผู้หญิงแปลกๆมาบอกว่าอาหารในร้านของเขาแย่มากและทำวัตถุดิบเสีย มันช่างยากจะเกินรับได้จริงๆ!
“แม่นาง ข้าไม่อยากจะคิดว่าเจ้าเป็นคนไร้เหตุผลหรอกนะ แต่ได้โปรดช่วยให้คำแนะนำแก่ข้าสักหน่อย ว่าทางเราขาดตกบกพร่องตรงไหน?” อวี่เหวินชูที่ยืนอยู่บนชั้นสองก็ได้มองลงมาด้วยรอยยิ้มที่แฝงด้วยคมมีด
เซียวหลีก็ได้มองไปที่เขาที่ดูเหมือนกับพวกคุณชายเสเพล
“ก่อนอื่นเลยสีของไก่แปดสมบัตินี่ก็ดูแย่มาก แล้วอย่างที่สองมันทั้งเค็มและขม คนส่วนใหญ่อาจจะไม่รู้สึกแต่ลิ้นของข้ามันจู้จี้มากพอ ไหนท่านบอกมาสิว่าท่านทำของแบบนี้ให้ลูกค้าทานงั้นเหรอ?”
“ข้าก็ได้กลบความขมไว้ด้วยน้ำตาลจนแทบจะไม่ได้รสขมแล้วไง มันไม่มีวิธีอื่นหรอกนะ นี่แม่นางคิดที่จะมาสร้างปัญหาจริงๆรึไง?”
แล้วพ่อครัวที่ทำหน้าที่ดูแลรสชาติเมื่อได้ยินว่ามีคนสงสัยในความสามารถในการทำอาหารของเขา เขาก็ได้ออกมาพร้อมกับทัพพีตักซุป
เมื่อเห็นว่าเป็นผู้หญิงที่ติการทำอาหารของเขาแล้ว แล้วยังเป็นผู้หญิงจนๆอีก ทำให้ตัวเขานั้นโมโหมากยิ่งขึ้นไปอีก
อย่างที่มีคำกล่าวเอาไว้ มีแค่สตรีและคนถ่อยที่เข้าหาด้วยได้ยาก!
“ใช่ๆ ถ้าเจ้าไม่ลิ้มรสชาติให้ดี ก็แทบจะไม่ได้รสขมเลยนะ นอกจากนี้ร้านฉู่ฉู่หลิวเซียงนั้นใช้ทั้งเครื่องเทศและเกลือชั้นดีอยู่ อย่าได้มากเรื่องนักเลยน่า”
“ก็นั่นน่ะสิ คนไร้เหตุผลอย่างเจ้าคงไม่เข้าใจความลึกซึ้งที่แท้จริงของอาหารหรอก”
“แม่นางอย่าได้มาปั่นป่วนน่า อย่างเจ้ากล้ามาต่อว่าร้านอาหารที่ขึ้นชื่อไปทั่วทั้งแผ่นดินได้อย่างไร?”
เซียวหลีก็ได้มองไปที่อาหาร แล้วนางก็ได้รู้สึกสับสนขึ้นมา ดูเหมือนว่าทุกๆคนต่างก็คิดว่าอาหารที่นี่อร่อยงั้นเหรอ?
จึงได้ไม่สนภาพพจน์ของตัวเองแล้วเดินไปที่โต๊ะของคนอื่น “ขอโทษที่เสียมารยาท ขอข้อชิมอาหารของท่านหน่อยได้ไหม?”
แล้วหญิงสาวที่อยู่ที่โต๊ะนี้ที่ดูใจดีมาก เมื่อเซียวหลีขอนางก็ได้หันหน้ามาแล้วตอบตกลง “เชิญ แม่นาง”
เซียวหลีก็ได้หยิบเอาตะเกียบที่สะอาดมาคีบไปหนึ่งคำ แล้วก็พบว่ายังมีรสขมหน่อยๆอยู่ในปากของนางจริงๆ
ทำไมพวกเขาถึงคิดว่านี่อร่อยกัน?
พ่อครัวบอกว่าใช้น้ำตาลเพื่อกลบรสขมไปแล้ว แล้วรสขมพวกนี้มันมาจากส่วนไหนของไก่แปดสมบัติกันล่ะ?
“ทำไมมันถึงได้มีรสแบบนี้ได้นะ?”
อวี่เหวินชูก็ได้ส่ายหัวของเขาอย่างเบื่อหน่าย ท่าทีของผู้หญิงคนนี้ช่างแปลกมาก และการพูดการจาของนางก็ดูเหมือนจะสับสน ตอนแรกเขาคิดว่าตัวเขาจะได้พบกับผู้เชี่ยวชาญเข้าให้แล้ว แต่เขาไม่คิดว่าตัวนางจะเป็นแค่คนเขลาเท่านั้น!
“แม่นาง ได้โปรดเชิญกลับไปด้วย!”
แล้วผู้จัดการหลิวก็ได้สั่งให้เสี่ยวเอ้อส่งแขก อย่างไรเสียเขาเองก็ไม่อยากที่จะยุ่งกับเซียวหลีต่อแล้วด้วย
เซียวหลีก็ได้ออกจากร้านอาหารมาแล้วมุ่งหน้าไปซื้อข้าวของประจำวันต่อ จนกระทั่งนางไปเห็นเกลือเข้านางก็พลันนึกขึ้นมาได้ว่ามีอะไรที่ผิดไป ที่แท้ก็เป็นเจ้าก้อนเกลือสีเทาขนาดเท่านิ้วชี้นี่เองที่เป็นตัวการ
“เถ้าแก่ ท่านมั่นใจเหรอว่าของพวกนี้มันทานได้น่ะ?” เซียวหลีก็ได้ถามถึงเกลือที่อยู่ในมือของนาง
เถ้าแก่ก็ได้ถลึงตาใส่แล้วบอก “ถ้าไม่มีปัญญาซื้อก็อย่าแต่ต้องมัน ก้อนเกลือในปีนี้ยิ่งราคาแพงมากอยู่ด้วย”
หลังจากที่ซื้อถ่าน, ข้าว, น้ำมัน, เกลือ, ซีอิ๊ว, น้ำส้มสายชูกับชา, และซื้อเสื้อผ้ามา จากนั้นก็ได้เดินไปซื้อเนื้อหมูที่ร้านขายเนื้อเสร็จ เซียวหลีก็ได้มุ่งหน้าไปที่ทางเข้าตลาด แต่แล้วนางก็รู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังเดินตามหลังนางมา แต่เมื่อนางหันกลับไปก็ไม่พบคนน่าสงสัยอะไร
พอมองจากไกลๆเซียวหลีก็พบท่านหมอเฉียนที่เตรียมข้าวของเรียบร้อยแล้วกำลังมุ่งหน้ามา ดูเหมือนว่าตัวเขานั้นจะเป็นห่วงหรงสวินจริงๆ
และมีรถม้าที่มีความยาวมากตามหลังเขามาด้วย เซียวหลีคิดว่ามันน่าจะยาวพอที่จะให้หรงสวินนอนได้ด้วย?
แล้วก็มีคนคุ้มกันขี่รถม้าตามมาด้วย 3-4 คน ทุกคนล้วนแต่สูงใหญ่และบึกบึน ดูราวกับเป็นทหาร?
นี่มันไม่เอิกเกริกไปหน่อยเหรอ!
ดูเหมือนว่าหรงสวินนั้นน่าจะถูกศัตรูของเขาไล่ตามฆ่าอยู่ แต่ว่านี่มันไม่ใช่ว่าเป็นการเชิญชวนให้ศัตรูตามมาหรอกเหรอ?
“ท่านหมอเฉียน”
เมื่อได้ยินเสียงของผู้มาเยือน ท่านหมอเฉียรก็ได้รีบออกมาตอนรับเซียวหลีแล้วเชิญนางขึ้นรถม้า แล้วจากนั้นก็ได้บอกให้คนขับมุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านเซียว
หลังจากที่รถม้าวิ่งออกไป เซียวจิ้งถิงกับเซียวต้าหลี่ก็ได้เดินออกมาจากฝูงชน และขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเกลียดชัง
“โชคดีจริงนะนังนั่นที่ขึ้นรถม้าไปแล้วยังมีคนร่วมเดินทางไปกับนางเป็นจำนวนมากอีก คราวหน้าข้าจะต้องถลกหนังของ นังนั่นออกมาให้ได้” เซียวจิ้งถิงก็ได้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เขาอุตส่าห์ได้งานแล้วแท้ๆแต่ต้องมาเสียไปเพราะเซียวหลี
เซียวต้าหลีก็ได้พูดปลอบ “แล้วนางไปได้เงินมาจากไหนกันนะ? นางทั้งกิน, ดื่มแล้วยังซื้อข้าวของมากมายขนาดนั้นอีก? แล้วไหนยังจะมีคนคอยคุ้มครองนางอีก? นี่มันไม่มากไปหน่อยเหรอ?”
“นางจะต้องทำอะไรไร้ยางอายอยู่แน่ๆ”
เมื่อทั้งสองคนหันหน้าเข้าหากัน พวกเขาก็ได้คำตอบอย่างชัดเจน!