บทที่ 17 ตัวซวยคือหายนะของคนอื่น
บทที่ 17
ตัวซวยคือหายนะของคนอื่น
ถ้าเกิดว่านางสามารถรักษาโรคนี้ให้หายได้ นางก็คงไม่ต้องถูกไล่ออกมาจากหอไป่ฮวา และนางก็คงไม่ต้องเศร้าขนาดนี้ และก็ไม่มีหน้าที่จะไปหาเขาหรือให้เขาคนนั้นเห็นอีกแล้ว
เซียวหลีก็ได้ยิ้มขึ้นมา ถึงแม้ว่าเจ้าของร่างนี้และพี่สาวของนางนั้นจะมีความสัมพันธ์เหมือนดอกไม้พลาสติก แต่นางก็ยังคงรักนางอยู่ เมื่อได้ยินน้ำเสียงของเซียวเยี่ยนแล้ว ก็พบว่านางนั้นยังคงเกลียดเซียวหังอยู่ อย่างว่าเป็นพ่อแท้ๆแต่กลับขายลูกสาวของตัวเองให้หอนางโลมได้ลงคอได้อย่างไร?
ไม่สิ ไม่
บางทีเขาอาจจะขายให้กับคนอื่นเป็นสาวใช้ก็ได้ แล้วจากนั้นคนคนนั้นก็ได้ขายนางต่อให้กับหอนางโลม?
มีเพียงตัวของเซียวเยี่ยนเองเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ และนางก็ไม่ยอมบอกออกมาด้วยและตัวของเซียวหลีเองก็ไม่กล้าถามเช่นกัน ต่อให้เป็นนางหวังถามพอคำพูดกำลังจะออกจากปากของนาง มันก็คงจะถูกกลืนหายลงไปอีก
เซียวหลีที่กลับมาจากห้องครัวก็ได้นำยามาให้กับหรงสวิน
ถ้าเป็นเมื่อก่อนเซียวเยี่ยนก็คงจะมาแย่งนางเพื่อเอายาให้เขาแล้ว แต่ในเวลานี้นางเหมือนทำทองของคนอื่นหายไป นางจึงได้ไปนอนที่เตียงห้องข้างๆในเวลานี้
หลังจากที่ดื่มยาเสร็จแล้วเซียวหลีก็ได้กล่าว “พรุ่งนี้ข้าจะเข้าไปที่เมืองเพื่อไปตามท่านหมอเฉียนให้ท่าน”
“อืม”
“แล้วต้องการอะไรอย่างอื่นเพิ่มอีกไหม?”
“ไม่”
เซียวหลีก็ได้กรีดร้องในใจแล้วจากนั้นก็ได้ออกไปพร้อมกับชามยา แต่แล้วก็ได้มีลมเริ่มพัดมาจากข้างนอก ตามมาด้วยเสียงฟ้าร้อง ดูเหมือนว่าฝนน่าจะกำลังตกในไม่ช้า
“อากาศเช่นนี้ เขาคงจะไม่โง่พอที่จะออกมารอท่ามกลางพายุฝนตกหนักหรอกใช่ไหม?”
เซียวหลีก็ได้มองไปที่ท้องฟ้ายามค่ำคืนและถามเองตอบเอง
หลังจากนั้นนางก็ได้เริ่มรู้สึกง่วงขึ้นมา จึงได้เลิกสนใจเรื่องนี้ แล้วเอาไว้ค่อยคิดอีกทีหลังตื่นนอนก็แล้วกัน
ชนกระทั่งรุ่งเช้า
มองไปที่ก้อนเมฆสีแดงที่เส้นขอบฟ้า ทำให้เดาได้ไม่ยากว่าวันนี้เป็นวันอากาศแจ่มใสที่หาได้ยากในช่วงนี้
เมื่อคืนนางได้บอกกับนางหวังแล้วเซียวเป่าเอ๋อแล้วว่านางจะเข้าไปในตัวอำเภอ เซียวเป่าเอ๋อก็ตื่นเต้นมากและบอกจะขอตามไปด้วย เซียวหลีจึงได้ตื่นแต่รุ่งสางเพื่อจัดเก็บข้าวของแล้วจากนั้นก็เดินไปที่หน้าหมู่บ้านเพื่อรอโดยสารเกวียนวัวลาดของลุงจ้าว
ทันทีนางมาถึงหน้าหมู่บ้าน นางก็พบเซียวอิงอิงที่เดินสวนมา นางนั้นตาแดงก่ำ, มีผมที่ยุ่งเหยิง, เปียกไปทั่วทั้งตัว, มีน้ำตาในดวงตาของนางแล้วยังมองมาที่เซียวหลีด้วยสายตาที่เคียดแค้น “อีตัวอย่างเจ้าน่ะมันเป็นตัวหายนะไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน”
เสียงของนางนั้นไม่ได้ใสเหมือนก่อนหน้านี้ แต่แหบเล็กน้อย
หลังจากนั้นเซียวอิงอิงก็ได้จากไปโดยไม่เหลียวมองกลับมา
เซียวหลีก็ได้ยิ้มออกมาอย่างรู้สึกสนใจมาก ผู้หญิงคนนี้รักคนคนนึงได้มากขนาดนี้เลยเหรอ?
“ตัวซวยน่ะคือคนที่นำพาหายนะมาให้คนอื่น ต่อจากนี้ไปเจ้าก็ระวังตัวให้มากก็แล้วกัน”
เซียวอิงอิงก็ได้หยุดเดินแล้วหันหน้ามามองอย่างดูหมิ่นช้าๆ โดยไม่พูดอะไรออกมา แต่เซียวหลีก็มองเห็นสายตาที่ทิ่มแทงดวงตาของนาง
“อาหลีในที่สุดเจ้าก็มา”
ที่ด้านหลังของนางก็ได้มีเสียงที่แหบแห้งของเหวินไฉดังขึ้นมา
เซียวหลีก็ได้หันหน้ามามองที่เขา ตัวเขานั้นมีสภาพพอๆกับเซียวอิงอิง ตัวของเขาเปียกชุ่มและตาก็แดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าเมื่อตัวเขาไม่ได้นอนเลยตลอดทั้งคืน
โอ้สวรรค์!
“นี่ท่านมาที่นี่ท่ามกลางพายุฝนตลอดคืนเลยงั้นเหรอ?”
ถึงแม้ว่านางจะเห็นสัมภาระที่ไหล่ของเซียวเหวินไฉแล้ว แต่นางก็ยังถามออกไป
ว่ากันตามตรงแล้ว นางเองก็รู้สึกผิดอยู่ในใจของนาง นางควรที่จะรู้ว่าพวกนักวิชาการในยุคนี้ส่วนใหญ่ล้วนยึดมั่นในสัจจะยิ่งนัก
เซียวเหวินไฉก็ได้เช็ดหยดน้ำฝนที่หน้าผากของเขา แล้วยิ้มให้กับเซียวหลีด้วยริมฝีปากที่ซีดเผือดและแสงในดวงตาของเขา แล้วพูดออกมาเบาๆ “อาหลีมีแค่เจ้าเองเหรอ?” เซียวเหวินไฉก็ได้ถามแล้วมองไปที่ข้างหลังของนาง “แล้วเป่าเอ๋อ, ท่านป้ากับพี่เยี่ยนล่ะ?”
เซียวหลีก็ได้ส่ายหัวของนาง “ข้ามาแค่คนเดียวเท่านั้น และข้าแค่กำลังจะไปที่ตลาดในอำเภอเท่านั้น”
เซียวเหวินไฉก็ได้หงายเงิบจนแทบยืนไม่ติดพื้น “เจ้า....เจ้าไม่อยากที่จะไปกับข้าสินะ ฮ่าๆ....ข้าน่าจะรู้อยู่แล้ว กับคนที่แข็งแกร่งเช่นเจ้านั้น”
เขาเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปบนท้องฟ้า และพยายามอย่างมากที่จะฝืนเก็บน้ำตากลับเข้าไป
จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ แล้วจากนั้นก็ได้หันหลังมาแล้วเดินอย่างโซซัดโซเซแล้วพูด “ข้าน่าจะรู้อยู่นานแล้ว”
หลังจากที่พูดเช่นนั้นเขาก็หัวเราะออกมา เป็นแผ่นหลังที่อ้างว้างและดูโดดเดี่ยวอย่างมากท่ามกลางแสงแดดที่ส่องลงมา
เซียวหลีก็ได้มองไปที่แผนหลังของเขาและหัวใจของนางก็ได้เต้นแรงขึ้นมา นางนั้นได้ทำลายหัวใจของเขาเรียบร้อยแล้ว
“เงินของท่าน.....”
นางหยิบเอาถุงเงินออกมาจากถุงใส่สัมภาระของนาง แต่เขาก็ไม่ได้หันกลับมามองเลย พร้อมกับพูดไปและหัวเราะไปทีละก้าวๆ แล้วค่อยๆห่างไกลออกไปเรื่อยๆ
เซียวหลีก็ได้เอามือกุมหน้าผากของนาง ในเวลานี้นางรู้สึกยุ่งยากใจอย่างมาก เรื่องของอารมณ์เป็นสิ่งที่ฝืนกันไม่ได้ใช่ไหม? ถ้าเกิดว่านางไม่สามารถขอโทษตัวเองได้ ก็มีแต่นางที่จะต้องไปขอโทษเขาเท่านั้น
นางมองไปที่ถุงเงินในมือของนาง บางทีมันอาจจะเป็นการดีกว่าที่นางจะเอาไปคืนให้เซียวเหวินไฉหลังจากที่เขาอารมณ์ของเขาสงบลงก็แล้วกัน
แล้วพระอาทิตย์ก็ได้โผล่ออกมาเต็มดวงแล้ว และเกวียนวัวของตระกูลจ้าวก็ได้มาถึงตามกำหนดการ เซียวหลีนั้นต้องการที่จะใช้สมุนไพรเป็นค่าโดยสารแต่เขาก็ไม่ยอมรับ จนในที่สุดนางก็ได้“ขอยืม”มาสามอีแปะจากถุงเงินของเซียวเหวินไฉเป็นค่าโดยสาร
ด้วยความรู้สึกและความทรงจำรางๆ ไม่นานนักนางก็พบโรงหมอจี้หมินต้า
“แม่นาง เจ้าเอาสมุนไพรมาขายอีกแล้วสินะ?” ลูกจ้างหนุ่มก็ได้ทักทายนาง ดูท่าเจ้าของร่างนี้คงจะมาขายสมุนไพรเพื่อประทังชีวิตอยู่บ่อยๆแน่
แล้วลูกจ้างหนุ่มก็ได้หยิบสมุนไพรออกมาใส่ตะกร้าอย่างชำนาญ ตอนแรกเขาคิดว่าคงไม่มีสมุนไพรที่มีค่ามากอะไรเหมือนเมื่อก่อน แต่ยิ่งเขารับมามากเท่าไรเขาก็ยิ่งสงสัยมากขึ้นเท่านั้น “สมุนไพรเหล่านี้ยากนักที่จะหาพบ ของที่แม่นางนำมาคราวนี้ล้วนแต่เป็นของดีจริงๆ”
“อื้ม” เซียวหลีก็ได้ทำเสียงในลำคอตอบกลับไป เมื่อมองไปรอบๆก็พบชายอายุเกิน 60 อยู่ข้างในร้าน เขานั้นมีผมสีเงินและสวมชุดสีเทา
“โอ้ สวรรค์!” ลูกจ้างหนุ่มก็ได้ตกใจแล้วหันมามอง เซียวหลีอย่างไม่อยากเชื่อ “นี่มันเห็ดหลินจือที่มีอายุเกิน 100 ปี ดอกแรกที่ข้าได้พบมาในสองปีนี้เลย”
เซียวหลีก็ได้ปิดปากของลูกจ้างหนุ่มแล้วกล่าว “น้องชาย เจ้าช่วยไปตามท่านหมอเฉียนมาให้หน่อยสิ”
เห็ดหลินจืออายุร้อยปีเช่นนี้จำเป็นต้องใช้เงินอย่างมากมาจ่าย
ซึ่งพอลูกจ้างหนุ่มได้ยินคนเรียกเขาว่าน้องชายเช่นนี้ก็ได้หน้าแดงขึ้นมา
จากนั้นเขาก็ได้วางเห็ดหลินจือลง แล้วก้มหัวให้ก่อนจะพูดออกมา “แม่นาง ได้โปรดรอประเดี๋ยวนะ”
“อื้ม” เซียวหลีก็ได้ตอบด้วยเสียงในลำคอ หลังจากนั้นสักพักลูกจ้างหนุ่มก็ได้กลับมาพร้อมกับหมอเฉียน
หมอเฉียนก็ได้ทักทายกับเซียวหลีอย่างใจดีแล้วก็เดินไปดูสมุนไพรของเซียวหลี ด้วยท่าทางที่พึงพอใจมาก
“แม่หนู ข้าคิดให้เจ้า 20 ตำลึงแลกกับสมุนไพรทั้งหมดนี้ เจ้าจะว่ายังไง?”
ร้านยาร้านนี้เรียกได้ว่าถ่อมตัวและสุภาพกันตั้งแต่ลูกจ้างยันผู้ดูแลร้าน และราคาที่ให้ก็สมเหตุสมผลดีด้วย สมชื่อร้านช่วยคน(จี้หมิน)จริงๆ....
นับเป็นเรื่องที่ดี
เซียวหลีก็ได้ตอบด้วยเสียงในลำคอ แล้วจากนั้นท่านหมอเฉียนก็ได้เดินมาจ่ายเงินให้เซียวหลี
“ท่านหมอเฉียน ข้าขอเวลาคุยกับท่านสักเดี๋ยวได้ไหม?”
แล้วหมอเฉียนก็ได้ส่งสายตาตอบ เด็กคนนี้เสื้อผ้าดูขาดหน่อยๆ แต่นางกลับทำตัวไม่ถ่อมตัวและไม่เย่อหยิ่งจนเกินไปตั้งแต่เข้ามาในร้านแล้ว และยังมีสายตาที่คมกริบอีก แล้วเขาก็ได้เดินนำเซียวหลีเข้ามาในหลังร้าน
“ถ้าเจ้ามีธุระอะไรก็ว่ามาได้เลย”
หมอเฉียนก็ได้กล่าวอย่างสุภาพเช่นเคย
“ท่านหมอเฉียน มีคนเจ็บคนหนึ่งอยู่ที่บ้านของข้า ข้าสงสัยว่าท่านหมอเฉียนพอจะไปที่บ้านที่ซอมซ่อของข้าเพื่อได้ตรวจอาการของเขาได้หรือไม่....อ้อ เขาคนนั้นดูอายุอานามราวๆ 25-26 และยังมีอาการบาดเจ็บที่ขามานานหลายปีอีก แล้วคราวนี้เขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก”
“แล้วตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง?”
“อืม...ตอนนี้ก็ยังดีอยู่”
เซียวหลีคิดว่าอาการที่ขาของเขาคงยังไม่หายในอีกสักพัก หลังจากที่คิดได้เช่นนี้นางจึงได้บอกไปว่าเขาอาการยังดีอยู่
“มันยากที่จะพูดเรื่องของค่ารักษา แต่หากว่าท่านหมอไปถึงที่นั่นแล้วท่านก็จะรู้เอง”
แล้วผู้ดูแลร้านก็ได้ส่ายหัวของเขา “เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาหรอก แต่ข้าอยากจะถามชื่อของพ่อหนุ่มคนนั้นหน่อยได้ไหม?”
“ชื่อของเขาคือหรงสวิน”
“คุณชาย....” เขาพูดออกมาเบา และมีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเขา และดวงตาของเขาก็ได้ส่องแสงออกมาแล้วก็ได้รีบพูดกับเซียวหลี “ไป รีบไปกันเถอะ”
จะต้องเป็นคนที่เขารู้จักอย่างแน่นอน
หรงสวินนั้นแต่งตัวดูไม่ธรรมดานัก แน่นอนว่าจะต้องมาจากตระกูลมีเงิน
หรือว่าเขาจะเป็นเจ้าของที่นี่?