บทที่ 12 ท่านป้าเสียเงินหมดตัวอีกแล้ว
บทที่ 12
ท่านป้าเสียเงินหมดตัวอีกแล้ว
เมื่อนางหันหน้าไปมองที่บ้านของเซียวเยี่ยนแล้ว ก็พบหน้าต่างเปิดออกเป็นช่องว่างให้ปล่อยอาวุธลับออกมา หรงสวินที่อยู่ห่างออกไปสัก 10 เมตรได้กลับทำให้คน 4 คนต้องลงไปล้มลุกคลุกคลานได้ นี่หรือคือความสามารถของผู้ยอดยุทธ์ในตำนาน
ช่างน่ากลัว!
แต่มันก็เป็นการดีที่เขายื่นมือเข้ามาช่วย ไม่อย่างนั้นนางคงได้เจ็บตัวแน่หากนางต้องการที่จะเอาชนะการต่อสู้นี้ด้วยสภาพที่หัวและขาของนางบาดเจ็บอยู่
“ท่านพ่อ, ท่านแม่.....”
เซียวอิงอิง, เซียวอวี้เวยและเซียวอวี้เมี่ยวก็ได้พากันลงไปคุกเข่าดูอาการพ่อแม่ของพวกนาง
“ใคร? ใครกันทำร้ายพ่อแม่ข้า? แน่จริงก็ออกมาเจอกับข้าสิ” เซียวอิงอิงก็ได้มีอารมณ์ไม่ดีขึ้นมา ในเวลานี้นางนั้นได้ร้องไห้ออกมาราวกับสาลี่ต้องหยาดฝน แต่นางก็ไม่พบใครที่น่าสงสัยเลยในหมู่ฝูงชน
“พวกเราแยกย้ายกันดีกว่า ครอบครัวของอาซ้อสามนั้นก็ทั้งยากจน กำพร้าและยังเป็นม่ายอีก....”
“ช่างมันได้อย่างไร พวกท่านลืมที่ไต้ซือบอกเอาไว้แล้วเหรอว่า? หากให้พวกนางอยู่ต่อทุกๆคนในหมู่บ้านของเราจะไม่มีใครรอดน่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็จัดการเองสิ”
มีบางคนที่ออกตัวเป็นผู้นำ และมีบางคนที่ขอเป็นฝ่ายดูอย่างเดียว แต่พวกเขานั้นต่างก็รู้ดีว่าพวกเขานั้นไม่มีเหตุผลมากพอที่จะไปบังคับไล่คนออกจากหมู่บ้านได้ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องความรู้สึกผิดชอบชั่วดีด้วย
“เอ่อ ท่านลุง....อย่าเพิ่งไปเลยนะเจ้าคะ.....พวกท่านป้าด้วย....”
“แยกย้าย พวกเราก็เห็นแล้วว่าแม้แต่ผู้ใหญ่บ้านก็ยังไล่พวกเขาไม่ได้ นางนั้นแข็งแกร่งมาก ถ้าหากว่าพวกเจ้ามีความสามารถที่จะทำได้ก็เชิญเลย พวกเราจะขอบคุณมาก”
ผู้พูดที่ไม่รู้ว่าใครก็ได้พูดออกมาด้วยความยุ่งยากใจ แต่อย่างไรก็ดีผู้คนก็ได้พากันแยกย้าย จนเหลือเพียงเซียวต้าโหย่วและเซียวต้าฟู่ถูกทิ้งเอาไว้อยู่ในลานบ้าน
“เป็นเพราะไอ้กระดูกไก่พวกนี้แท้ๆเชียว....ที่พุ่งออกมาทำร้ายคน หากเจ้าแน่จริงก็ออกมาสิ แล้วข้าจะทำให้เจ้าต้องตาบอดเลยคอยดู”
ทันทีที่สิ้นเสียงนี้ ก็ได้มีเสียงแสบแก้วหูดังผ่านหูขึ้นมา แล้วก็ได้มีกระดูกไก่พุ่งผ่านที่มุมสายตาของเขา จนทำให้เขาถึงกับฉี่รดกางเกง
เขาเอามือแตะไปที่มุมตาของเขา และพบว่ายังโชคดีนักที่ตาของเขายังอยู่ดี
“ท่านพ่อ....”
เซียวต้าโหย่วที่ได้ยินเสียงเซียวอิงอิงก็ได้รีบหันหน้าไปดูใบหน้าของเซียงอิงอิง แต่โชคยังดีที่คนคนนั้นไม่ได้ทำร้ายใบหน้าของลูกสาวของเขา ไม่อย่างนั้นความมั่งคั่งและชื่อเสียงของลูกสาวเขาคงได้หายไปแน่
เซียวอิงอิงเองก็รู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างมากเช่นกัน ได้เอามือปิดหน้าของนางเพื่อป้องกันใบหน้าของนาง
เซียวอิงอิงนั้นไม่ได้รู้สึกเจ็บหรือปวดที่ตัวของนางเลย นางจึงได้กล่าวข้างหูเซียวต้าโหย่วด้วยเสียงสั่นเครือ “ท่านพ่อคะ เสียวหลีนั้นเหมือนมีผู้ยอดยุทธ์อยู่กับนางด้วย ถ้าท่านพ่อไม่อยากเจ็บตัวเพราะพวกคนชั่วแล้วล่ะก็ รีบไปกันเถอะเจ้าค่ะ”
นางถังที่กำลังสั่นกลัวก็ได้รีบตอบสนองเช่นกัน ประคองร่างกายที่กำลังสั่นกลัวของตัวเองขึ้นมาแล้วไปช่วยประคอง เซียวต้าโหย่ว “วีรบุรุษย่อมไม่กลัวการสูญเสียที่เกิดขึ้นทันที ตอนนี้เราถอยกันก่อนเถอะ”
เซียวต้าโหย่วที่ไม่กล้าที่จะสร้างปัญหาเพิ่ม จึงได้ปล่อยให้ถังซื่อและเซียวอิงอิงประคองเขาลุกขึ้นยืนแล้วกลับบ้านไป ชั่วขณะที่ที่เขาเงยหน้าขึ้นมาก็พบครอบครัวของเซียวต้าฟูที่จากไปก่อนแล้ว
เขาจึงได้ก่นด่าในใจของเขา หนอยเจ้าเซียวต้าฟู่ พอมีอันตรายก็เมินเฉยต่อความสัมพันธ์พี่น้องแล้วหนีเอาตัวรอดไปก่อนเลยนะ
“อ๊ะ...”
“อ๊ะ...”
เซียวเยี่ยนก็ได้กลับมาจากข้างนอกและก็บังเอิญไปชนกับทั้งสามคนของบ้านเซียวต้าโหย่วเข้า พวกเขานั้นดูท่าทางหวาดกลัวมาก
มองไปที่ครอบครัวเซียวต้าโหย่วที่จากไป เซียนเยี่ยนก็ได้เดินไปหาเซียวหลีด้วยรอยยิ้ม นางก็ได้เดินบิดเอวของนางแล้วสาวก้าวเท่าเล็กๆมาหาเซียวหลีแล้วถาม “น้องรัก มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ? ทำไมพวกเขาถึงได้ดูรีบร้อนกันจัง”
เซียวหลีก็ได้ถอนหายใจออกมา แล้วมองไปที่เซียวเยี่ยนแล้วถาม ด้วยสีหน้าจริงจัง “พี่สาวคนดีของข้า ไหนล่ะหมอที่ท่านไปตามหามาตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน?”
“ข้า....” เซียวเหยียนเปิดปากออกมาอยู่พักใหญ่ๆแต่ไม่อาจจะพูดออกมาได้ หลังจากที่จัดเรียงความคิดของนางได้ใหม่แล้วก็ได้ตะโกนเรียกคนที่อยู่ข้างหลังนาง “ท่านหมอหลิว เชิญเข้ามาเจ้าค่ะ”
หลังที่พูดจบ ก็ได้มีชายชราเดินเข้ามาจากข้างนอกกำแพงและถือกระเป๋ายามาด้วยซึ่งมีท่าทางเหมือนจะเป็นหมอ
“ท่านหมอหลิว?” เซียวหลีมองไปที่ชายชราคนนั้นด้วยความสงสัย จากนั้นก็ได้มองไปที่เซียวเยี่ยนแล้วถาม “ไม่ใช่ว่าคุณชายข้างในบอกให้เจ้าไปหาท่านหมอเฉียนที่เป็นเถ้าแก่ของโรงหมอจี้หมินต้ามาหรอกเหรอ?”
เซียวเยี่ยนก็ได้มีท่าทางเหมือนกับเด็กที่ทำอะไรผิดมาจึงได้ทำท่าหดหัว นางนั้นไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรดีแต่ก็กลัวสายตาที่สงสัยของเซียวหลี
ไม่ใช่แล้ว เซียวหลีนั้นเป็นคนที่ว่าง่ายอยู่เสมอนี่นา นางไม่ใช่คนที่กล้าถามหรือต่อว่านางเช่นนี้นี่นา แล้ววันนี้ทำไมดวงตา, สีหน้าและท่าทีของเซียวหลีนั้นมันล้วนผิดไปหมดเช่นนี้!
ถ้าไม่ใช่เพราะนางเซียวเยี่ยนคนนี้ส่งเงินให้ทางบ้านมาเป็นเวลาหลายปี เซียวหลีก็คงจะอดอยากตายไปนานหลายปีแล้ว นางนั้นเป็นถึงผู้มีพระคุณของครอบครัวนี้และยังเป็นพี่สาวของนางอีกด้วย เซียวหลีจะมาถามนางด้วยน้ำเสียงเช่นนี้ได้อย่างไร?
เมื่อคิดได้เช่นนี้เซียวเยี่ยนก็ได้ยืดหลังตรงแล้วเชิดหัวขึ้นมาแล้วมองไปที่เซียวหลีแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ
“ทำไม ใครกันที่เป็นคนที่หาเลี้ยงครอบครัวนี้มานานหลายปี? และใครที่ช่วยเหลือแต่ประคับประคองครอบครัวนี้ทั้งเด็กและคนแก่เอาไว้? เจ้าลืมไปแล้วเหรอว่าใครกันที่เอาตัวนี้เข้าแลกเพื่อให้ได้เงินเหล่านั้นมา? ข้าน่ะเป็นพี่สาวของเจ้านะ แล้วเจ้ายังจะมาอกตัญญูข้าด้วยการถามข้าด้วยน้ำเสียงเช่นนี้งั้นเหรอ?”
อืม......
ช่างเป็นคำพูดที่คุ้นเคยดีจริงๆ
อ้อ จริงด้วยแม้ว่าเจ้าของร่างนั้นจะเคยเป็นคนที่รอบคอบ แต่นางก็มักจะพูดเช่นนี้ใส่เจ้าของร่างอยู่เสมอ ทำให้เซียวเยี่ยนนั้นมีอำนาจสิทธิขาดในครอบครัวนี้
“ท่านหมอหลิว เชิญทางนี้เจ้าค่ะ”
ดวงตาที่แวววาวของเซียวเยี่ยนก็ได้แสดงออกถึงความสง่างามและอ่อนโยน
ทำให้เซียวหลีก็ได้กะพริบตาและคิดว่าตัวนางนั้นจำผิดคน
นางยังมีความน่าหลงใหลเหลืออยู่ในตัวถึงแม้ว่านางจะมีประสบการณ์ที่เลวร้ายและเป็นโรค แต่นางก็ยังมีร่างกายที่เพรียวบาง ใบหน้าที่เหมือนลูกท้อและขาวดั่งหิมะ บางทีนางก็คิดว่าหากไม่มีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น เซียวเยี่ยนก็คงโด่งดังมากในเมืองหลวงไปแล้ว
เซียวเยี่ยนที่เดินนำทางอยู่นั้นก็ได้พลันหลีกทางให้ท่านหมอหลิวเข้ามาด้านใน แต่เขาก็กลับหยุดขาของเขาราวกับรู้สึกไม่ค่อยดีกับสถานที่นี้นัก
อ้อ นางนึกขึ้นได้ว่าเซียวเยี่ยนนั้นไปติดโรคเช่นนั้นมาด้วยจึงได้ถูกไล่ออกมาจาก“หอไป่ฮวา” ไม่อย่างนั้นด้วยความสามารถและรูปโฉมของนางแล้ว แม่เล้าก็คงไม่โง่พอที่จะไล่ต้นเงินต้นทองออกไปแน่!
ถึงแม้ว่านางนั้นจะรับไม่ได้ความเย่อหยิ่งของเซียวเยี่ยน แต่สิ่งที่นางทำให้ครอบครัวนี้ก็เป็นความจริง และนางก็ไม่อยากที่จะยุ่งกับเรื่องนี้ด้วย
“คนคนนี้เป็นใคร?”
เสียงที่หนาวเย็นราวกับน้ำแข็งทำให้เซียวเยี่ยนรู้สึกกลัวที่จะเงยหน้าขึ้นมา
“นี่....นี่คือท่านหมอหลิวเจ้าค่ะ”
เซียวเยี่ยนนั้นไม่เข้าใจจริงๆว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น นางนั้นรู้สึกผิดต่อหน้าของเซียวหลีไม่พอ นางยังต้องมารู้สึกกลัวต่อหน้าของหรงสวินอีก
“ออกไป!”
“คุณชาย ข้า....”
“ออกไป!”
ก่อนที่ท่านหมอหลิวจะได้พูดจบ เสียงคำว่า“ออกไป”ก็ได้ดังจนแสบแก้วหู
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เซียวเยี่ยยนั้นตัวสั่นด้วยความกลัว แม้แต่เซียวหลีที่ตามเข้ามาทีหลังก็ยังตื่นกลัว ชายผู้นี้แม้ขยับตัวไม่ได้และบาดเจ็บสาหัส แต่เขาก็ยังสามารถโมโหขาดสติได้ทั้งๆที่นอนอยู่ภายใต้ชายคาของผู้อื่น
“ฮึ่ม ช่างไม่รู้จักสิ่งไหนดีไม่ดี!” หมอหลิวก็ได้โมโหขึ้นมาแล้วพ่นลมออกทางจมูกแล้วกล่าวกับเซียวเยี่ยนอย่างเย็นชา “ลาก่อน”
“เดี๋ยวสิ ในเมื่อยังไม่ได้ตรวจโรคและรักษาเลย ท่านก็ควรจะคืนเงินครึ่งหนึ่งให้กับข้าสิ!”
หมอหลิวก็ได้พ่นลมออกทางจมูกแล้วกล่าวด้วยสีหน้ารังเกียจ “ข้าอุตส่าห์ตามเจ้ามาถึงที่นี่แล้ว ยังจะให้ข้าคืนเงินอีกเหรอ?”
หลังจากนั้นก็ได้เดินออกไปจนไปถึงห้องโถง
“นี่ ตาเฒ่าคนอย่างเจ้านี่มันสมควรโดนดาบฟันพันครั้งเสียจริง ข้าจ่ายไปให้เจ้าตั้ง 1 ตำลึงเงินเพื่อให้มาตรวจรักษา เจ้าก็ควรจะคืนเงินมาครึ่งนึงสิ”
“ข้าก็มาแล้วนี่ไง ดังนั้นข้าไม่จำเป็นต้องคืนเงินเจ้า”
“บ้าเอ๊ย!” เซียวเยี่ยนโมโหจัด แต่นางก็ไม่สามารถทำอะไรได้ นางก็รู้สึกโล่งอกที่เห็นเซียวหลียังอยู่ที่หน้าประตู อย่างไรเสียคุณชายที่นอนอยู่นั้นก็ดูเหมือนจะยากที่จะไปให้เห็นหน้า
“น้องรัก ข้าจะไปทำกับข้าวเช้ามาให้ เจ้าอยู่ที่นี่กับคุณชายหรงไปก่อนนะ” เซียวเยี่ยนก็ได้กล่าวราวกับต้องการหนี แล้วเซียวเป่าเอ๋อก็ได้เข้ามาในบ้านพบนางเข้าพอดี
“ดูนี่สิ ท่านป้าคงเล่นเสียหมดกลับมาอีกแล้วสิท่า” เซียวเป่าเอ๋อก็ได้กะพริบตาแล้วมองไปที่เซียวเยี่ยนด้วยรอยยิ้มที่น่ารัก “แต่คราวนี้เป่าเอ๋อจะเดาผิดไปหน่อย อย่างน้อยท่านป้าก็ยังเชิญท่านหมอกลับมาได้ นี่ท่านแม่ท่านว่าท่านป้าพัฒนาขึ้นมาบ้างไหม?”
เซียวหลีก็ได้มีสีหน้ามืดดำขึ้นมาทันที ดูเหมือนเรื่องจะเป็นเช่นนี้นี่เอง