บทที่ 1 วันที่แม่เปลี่ยนไป
บทที่ 1
วันที่แม่เปลี่ยนไป
“ท่านแม่! ท่านแม่! ได้โปรดตื่นได้แล้ว!”
อวิ๋นเหยาที่กึ่งไม่ได้สติรับรู้ถึงแรงจากเด็กเขย่าแขนตนเอง รวมถึงของเหลวเปียกชื้นหยดลงใส่ใบหน้า
จากนั้นยังได้ยินเสียงอื่น พร้อมรับสัมผัสอะไรสักอย่างที่แตะริมฝีปาก พร้อมของเหลวขมที่ไหลเข้าใส่ เธออยากขัดขืน แต่กลับถูกขัดไว้ด้วยแรงเล็กจ้อย อวิ๋นเหยาพยายามฝืนลืมตาตื่นขึ้น ยามเมื่อลืมตากลับได้พบขอทานตัวน้อยมอมแมมที่มองยังเธอด้วยใบหน้านองน้ำตา
ขอทานตัวน้อยคนนี้ป้อนยาขมเมื่อครู่นั่นให้เธอ?
“ท่านแม่ฟื้นแล้ว! ท่านจะไม่ตายอีกแล้วใช่หรือไม่?” มือน้อยสัมผัสนุ่มนวลยังใบหน้าของเธอ
เด็กน้อยขอทานตรงหน้าผอมจนแทบเห็นกระดูก มีเพียงดวงตาสีดำกลมโตที่ส่องประกายเปรียบดังดวงดาว
เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ท่านแม่?
เธอจำได้ว่าอยู่ระหว่างทำภารกิจ แต่แล้วเครื่องบินกลับเสียการควบคุม ก่อนจะตกลงในพริบตาพร้อมระเบิดออก เหตุการณ์เหล่านี้ไฉนตัวเธอรอดชีวิตมาได้?
หรือนี่คือความฝัน?
อวิ๋นเหยายกแขนขึ้นพลางมองแขนบอบบางเล็กจ้อยที่หยิกใบหน้าของตัวเธอเอง พบว่าไม่ใช่ความฝัน และยังดูซูบผอมจนเกินไป
ภาพพลันผุดในห้วงความคิดของเธอขึ้น มันคือความทรงจำที่ร่างนี้เคยประสบพบเจอมา เจ้าของร่างนามว่าเซียวหลี เด็กน้อยตรงหน้าเธอตอนนี้ไม่ใช่ขอทานที่ใด แต่เป็นบุตรชายของเธอ เซียวเป่าเอ๋อร์
เธอคิดอยากสืบค้นความทรงจำเดิมของเซียวหลีให้มากขึ้น แต่แล้วกลับมีมากเกินไป ทั้งยังเลือนรางยากเกินเข้าใจ ทำให้เธอต้องปล่อยมันไปก่อน
เซียวเป่าเอ๋อร์มองมารดาของตน ขณะที่มารดานั้นมองตอบกลับมา ร่างเล็กจ้อยของเด็กชายโผเข้ากอดมารดา ซบหน้าลงกับหน้าอกพร้อมกล่าวคำชวนเวทนา “ท่านแม่ ท่านอย่าเป็นอะไรไปนะขอรับ เป่าเอ๋อร์ไม่อาจอยู่โดยไร้ท่านแม่”
ยามได้ยินเสียงดังจากภายใน นางหวังที่อยู่บริเวณลานบ้านจึงเข้ามาอย่างกระฉับกระเฉง “หลี่เอ๋อร์ฟื้นแล้วหรือ?”
“ท่านยาย ท่านแม่ฟื้นแล้วขอรับ แต่ไม่ทราบว่าทำไมท่าทีถึงแปลกไป” เซียวเป่าเอ๋อหันมองตามเสียง เป็นนางหวังที่ใบหน้าเปรอะเปื้อนด้วยน้ำตาเผยยิ้มยินดีปนหวาดกลัว
นางหวังที่ได้ยินคำตอบถึงกับตื่นตกใจ มือนั้นยื่นออกสัมผัสลงเตียงสะเปะสะปะ เซียวเป่าเอ๋อร์จึงจับมือนั้นสัมผัสยังใบหน้าของเซียวหลี
“หลีเอ๋อร์ ลูกยังจำแม่ได้หรือไม่?”
หรือว่ามารดาเจ้าของร่างนี้ดวงตามืดบอด?
อวิ๋นเหยา... ไม่ใช่ เวลานี้จึงเป็นเซียวหลี พลันเกิดรู้สึกวิงเวียนขึ้นมา ความทรงจำของมารดาที่ดวงตามืดบอดนี้มีน้อยนิด กว่าสิบปีแล้วที่สองแม่ลูกต้องพึ่งพาอาศัยกันและกัน
กระทั่งเมื่อวาน เป็นเพราะเซียวหลีเข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บตกลงคูน้ำทางตะวันออก แต่กลับไม่ทราบผู้ใดกระจายข่าวลือผิดแปลก กล่าวว่าสตรีในครอบครัวของนางไร้ซึ่งยางอาย นำบุรุษหลบซ่อนไว้ในบ้าน
เซียวหลีมีลูกโดยไม่ได้แต่งงาน พี่สาวของนางเช่นเซียวเยี่ยนเป็นนางคณิกา จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นในตระกูลกล่าวอ้าง ว่าครอบครัวของนางไร้ซึ่งศีลธรรม กระทำผิดหลักฮวงจุ้ยของบ้านตระกูลเซียว สุดท้ายจึงคิดขับไล่คนทั้งสี่
มารดาของนาง นางหวังและเซียวเยี่ยนผู้เป็นพี่สาวต่างยืนกรานไม่ย้ายออก ขณะที่กำลังพูดคุย ไม่ทราบฝ่ายใดลงมือ สุดท้ายเกิดการวิวาท ท่ามกลางความชุลมุนในช่วงเวลาดังกล่าว เซียวหลีพบเห็นเซียวเยี่ยนผู้เป็นพี่สาวกำลังจะถูกทำร้ายทุบฟาดศีรษะ ด้วยความร้อนรนไม่ทราบควรทำเช่นไร นางเข้าไปขวางก่อนจะถูกไม้ฟาดใส่ศีรษะล้มลงกับพื้น สุดท้ายอวิ๋นเหยาจึงเข้ามาอยู่ร่างนี้แทน
บุตรชาย มารดาดวงตามืดบอด ตนเองและพี่สาวซึ่งโลกไม่ยอมรับงั้นหรือ?
นับเป็นครอบครัวที่ชวนเวทนา
เซียวหลีคว้าจับมือนางหวังแน่น พลางนึกคิดในใจ หากเจ้าของร่างนี้มอบโอกาสให้เธอได้เกิดใหม่ เช่นนั้นก็พร้อมจะให้เกียรติมารดาเจ้าของร่างนี้ รวมถึงดูแลบุตรชายและพี่สาวเป็นการตอบแทน คำกล่าวปลอบจึงเอ่ยขึ้น “ท่านแม่ หลีเอ๋อร์สบายดี นับจากนี้จะไม่มีผู้ใดกลั่นแกล้งพวกเราได้อีก”
แม้นางหวังดวงตาไม่อาจมองเห็น กระนั้นกลับหลั่งน้ำตาออกพร้อมพยักหน้าแรง “วิเศษแล้ว สวรรค์ทรงโปรด ลูกไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
“ท่านแม่ ที่กล่าวนั้นเรื่องจริงหรือ? จะไม่มีผู้ใดมากลั่นแกล้งพวกเราได้อีก?”
เซียวเป่าเอ๋อร์ใสซื่อ ดวงตาที่ปรากฏรื้นน้ำตาแสดงถึงความเชื่อครึ่งหนึ่ง เพียงสิ้นคำและซบลงหน้าอกของมารดา แม้เด็กน้อยทราบว่ามารดาขลาดและหวาดกลัว แต่เด็กชายก็ยังเกรงจะสูญเสียมารดาอันเป็นที่รัก
หญิงสาวยกมือขึ้นลูบศีรษะน้อยตรงหน้าด้วยมือข้างหนึ่ง ก่อนจะจับแขนเล็กบางด้วยมืออีกข้าง ความรู้สึกหดหู่ใจปรากฏ พร้อมนึกคิดว่าเจ้าของร่างเดิมนี้สมควรรักบุตรชายไม่ใช่น้อย เพราะตัวเธอเองเวลานี้ก็รู้สึกเช่นนั้น
“แน่นอนลูกรัก คอยรับชมให้ดี แม่จะเลี้ยงลูกให้มีกินดื่มอย่างเต็มอิ่ม”
เซียวเป่าเอ๋อร์ที่ได้ยิน หน้าจึงเงยขึ้นมองเซียวหลีคล้ายไม่เข้าใจ ถ้อยคำเอ่ยขึ้น “ท่านแม่ คำพูดท่านหมายความเช่นไร?”
เซียวหลีจึงกระแอมไอ มองตอบบุตรชายพร้อมกล่าวคำ “เชื่อในตัวแม่”
เซียวเป่าเอ๋อร์ตอบ “ขอรับ” ราวเข้าใจก่อนจะถามขึ้นอีก “แล้วเมื่อใดพวกเราจะออกไปจากที่นี่กัน?”
“ออกไป?” นางเคยพูดว่าจะออกไปที่ใดกัน?
นางหวังเกิดหลั่งน้ำตา “ไปกันได้แล้วลูก บิดาของลูกคงไม่กลับมาแล้ว รออยู่ที่นี่ต่อไปก็เท่านั้น”
นางหวังทราบดี หากอีกฝ่ายสามารถกลับมา ก็คงกลับมาเสียนานแล้ว
สตรีวัยสี่สิบ แต่กลับภาพลักษณ์เปรียบดังหกสิบ เซียวหลีได้แต่มองอย่างอับจน
“ท่านแม่ ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจไล่พวกเราไป ท่านพ่อทิ้งบ้านหลังนี้ไว้ให้ท่าน มันคอบ้านของพวกเรา ไม่จำเป็นต้องไปที่ใดทั้งนั้น!”
นางหวังส่ายศีรษะ เสียงสะอื้นยังคงดังไม่หยุด
“ท่านแม่ขอรับ พี่ของท่านตากล่าวบอก จะให้เวลาพวกเราอีกเพียงสามวัน หากพวกเรายังไม่ยอมย้ายออกในสามวัน พวกเขาจะเผาบ้านของพวกเรา ท่านแม่ไม่กลัวหรือขอรับ?” เซียวเป่าเอ๋อร์แทบไม่เชื่อว่ามารดาของตนฉับพลันเกิดดื้อรั้นขึ้นมา
“มีอะไรต้องกลัว? อย่างไรบ้านนี้ก็ไร้ซึ่งของมีค่า ยังต้องกลัวใดอีก? บ้านยังเก่าแทบไม่อาจอยู่ได้ หากพวกนั้นเผาบ้านของพวกเรา เท่ากับต้องเสียเงินทองสร้างบ้านใหม่ให้พวกเรา”
เซียวหลีสำรวจมองรอบห้อง พบว่าที่นี่ดูมั่นคงเลวร้ายยิ่งกว่าคอกหมูในยุคปัจจุบัน
เซียวเป่าเอ๋อเกิดรู้สึกว่ามารดาของตนผิดแปลกจากเดิม ตรงหน้านี้ใช่มารดาผู้เคยอ่อนแอของเขาจริงหรือ?
ก่อนหน้านี้หลายครั้งครา ที่เขารู้สึกไม่ชอบที่มารดาตนเองทั้งขลาดกลัวและโง่งม
กระนั้นผู้ใดใช้ให้เซียวหลีเกิดเป็นมารดาเขากัน?
เขาไม่อาจเลือกมารดาได้!
นางหวังที่ได้ยินถ้อยคำ พลันรีบปิดปากเซียวหลีพร้อมเอ่ยออก “ลูกรักอย่าได้กล่าวอันใดเหลวไหล หากลุงของลูกได้ยินเข้า พวกเขาคงดาหน้ากันถึงหน้าประตูบ้านพวกเรา ตอนนั้นเกรงว่าแม้ชีวิตก็ไม่พอให้สละ”
เซียวหลีได้ยินถ้อยคำมารดาเจ้าของร่างเหล่านี้ ลมพลันพ่นออกจมูกพร้อมนึกคิด ชีวิตเจ้าของร่างคนเดิมนี้ดูไร้ค่าจนเกินไป “ชีวิตเดิมนั้นจบสิ้นไปแล้ว ข้านึกรอคอยให้พวกเขามาที่นี่ จะได้สะสางบัญชีว่าพวกเขากล้าดีอย่างไรขับไล่พวกเราโดยไม่สนกฎหมาย”
“ผู้ใดกันที่ชีวิตเดิมจบสิ้นไปแล้ว?”
แม้เซียวเป่าเอ๋อร์ยังเด็ก ทว่าเป็นเด็กที่ฉลาด เขาพบเห็นความผิดปกติในคำพูดของมารดา
“โอ้ แม่หมายความว่าแม่เกือบจะตายไปแล้ว”
เซียวเป่าเอ๋อเกิดโล่งใจ นางหวังส่ายศีรษะ ถ้อยคำแผ่วเบากล่าวออก “ไม่ต้องถึงกฎหมาย เพียงกฎบ้านก็มากพอประหารพวกเราแล้ว”
เวลายังอีกยาวไกล นางไม่คิดเร่งรีบเปลี่ยนความคิดนางหวังจึงกล่าวออกไป “หลีเอ๋อต้องระแวดระวังหลบซ่อนตัวมาโดยตลอด เรื่องนี้ไม่อาจเปลี่ยนใดงั้นหรือ? ชีวิตของหลีเอ๋อเกือบจบสิ้น ดังคำกล่าวม้าดีกลับถูกคนขึ้นขี่ คนดีกลายเป็นถูกผู้อื่นกลั่นแกล้ง”
ตึง ตึง ตึง!
เซียวเป่าเอ๋อที่ได้ยินถ้อยคำจึงกระโดดโลดเต้น โผเข้าจูบหน้าผากของเซียวหลีพร้อมกระโดดไปมาบนที่นอน “วิเศษแล้ว ข้าชอบท่านแม่ที่เป็นเช่นนี้”
เสียงเอี๊ยดอ๊าดดังขึ้นพร้อมเตียงที่หักลง
“ท่านแม่ขอรับ เป่าเอ๋อดีใจเกินไป ท่านแม่คงไม่กลั่นแกล้งผู้อ่อนแอกว่าหรอกนะขอรับ?” เด็กชายกล่าวคำออกอย่างกระมิดกระเมี้ยน