CD บทที่ 34 ผู้เชี่ยวชาญการตามหาคน
“ติดสินบนไงคะ!!”
ระหว่างนั่งรถเดินทางไปหมู่บ้านหลี่ หลี่เบ่ยหนีได้แสดงความคิดเห็นของเธอ หลังจากได้ฟังเรื่องราวจากจ้าวหยู่
“อาจจะมีการติดสินบนเด็กคนนั้นด้วยเงินก้อนใหญ่ แล้วเธอก็รับเงินก้อนนั้นมา ทำให้เธอถูกบังคับให้ถอนตัวจากการแข่งขันไป หากไม่มีเด็กคนนั้นที่เป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งมาร่วมงานแล้วล่ะก็ คนที่ยัดเงินให้เด็กคนนั้นก็จะสามารถมีชื่อติดอยู่ในรอบสุดท้ายนี้ก็ได้นะคะ!”
“ก็เป็นไปได้” จ้าวหยู่กล่าวขณะขับรถ “ไม่แน่บางที ใครคนนั้นอาจจะไม่ติดอยู่ในรอบสุดท้าย โดยได้ลำดับที่ 11 จึงติดสินบนกับหลี่ดันจนทำให้เธอถอนตัวและพาตัวเองเข้าสู่รอบสุดท้ายหรือว่าจะเป็นหญิงท้องแก่ที่ได้อันดับที่ 10 คนนั้น!?”
“ไม่ใช่ค่ะ!” หลี่เบ่ยหนีกล่าว “ลำดับการเข้ารอบไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับอันดับรางวัลที่ได้รับนะคะ คนที่อยู่ลำดับที่ 10 ในตอนนั้น อาจจะเป็นคนชนะอันดับที่ 1 ของการแข่งก็ได้เช่นกัน!”
“โอ้ นั่นก็หมายความว่า เราต้องตรวจสอบว่าใครคือคนโชคดีที่ได้เข้าสู่รอบสุดท้ายจากการถอนตัวของหลี่ดันสินะ?” จ้าวหยู่คิดตามอย่างสงสัย
“เดี๋ยวก่อนค่ะ บางทีเราอาจจะกำลังคิดผิดกันอยู่ก็ได้นะคะ” หลี่เบ่ยหนีไม่เห็นด้วยกับการคาดเดาของตัวเองเมื่อสักครู่นี้ เธอเริ่มแสดงความคิดเห็นอีกรูปแบบหนึ่งที่แตกต่างออกไป “นี่มันไม่ใช่เรื่องติดสินบนแล้วแหละค่ะ ถ้าลองคิดดูดี ๆ เด็กสาวคนนั้นน่าจะมีความสามารถมากพอที่จะติดอยู่ในสามอันดับแรก แล้วโชคชะตาของเธอก็จะเปลี่ยนไปในทันที ชนิดที่ว่าต่อให้เงินมากแค่ไหนก็ไม่พอต่อการซื้ออันดับเธอได้แน่ ๆ! ถ้าฉันเป็นผู้ปกครองของเด็กคนนั้น ฉันคงจะไม่ยอมรับเงินแค่ก้อนนั้นมาเพื่อตัดโอกาสต่าง ๆ ของลูกตัวแน่ค่ะ เพราะการแข่งขันครั้งนั้นเป็นเพียงโอกาสเดียวในชีวิตเลยนะคะ!”
“นั่นก็จริง ถ้าอย่างนั้นจะเป็นไปได้ไหมว่า เธอถูกข่มขู่?” จ้าวหยู่กำพวงมาลัยรถแน่น “เด็กคนนั้นอาจจะถูกขู่ให้ถอนตัวจากการแข่ง ถ้าเธอไม่ยอมทำตาม ตัวเธอและครอบครัวก็จะถูกฆ่า!”
“เฮ้อ~” หลี่เบ่ยหนีถอนหายใจ “ฟังเหมือนพวกอันธพาลเลยนะคะ เด็กที่เรียนเปียโนอยู่ ณ ตอนนั้น จะโหดร้ายได้ถึงขนาดนี้เชียว?”
“ไม่ว่ายังไง มันต้องมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างการแข่งขันเปียโนในครั้งนั้นแน่! หรือไม่ก็ทุกคนที่มีรายชื่ออยู่ในอันดับสุดท้ายอาจจะตกเป็นเหยื่อในคดีนี้ก็เป็นไปได้!” จ้าวหยู่กล่าวอย่างจริงจัง เขาเร่งความเร็วรถด้วยความกระตือรือร้นที่จะทำการตรวจสอบคดีนี้
อย่างไรก็ตาม จ้าวหยู่ต้องรู้สึกหดหู่ใจเข้าอีกครั้งกับสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้า เขาใช้เวลาช่วงเช้าหมดไปกับหลี่เบ่ยหนีเพื่อไปหมู่บ้านหลี่ แต่ก็พบหลักฐานแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ตามที่ผู้ดูแลหมู่บ้านและเพื่อนบ้านเก่า ๆ ได้ให้การเอาไว้ ครอบครัวของเด็กคนนั้นได้ขายบ้านของตัวเองและออกไปจากหมู่บ้านนี้ไปตั้งแต่ยี่สิบปีที่แล้ว
แม้พวกเขาจะมีญาติอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้ติดต่ออะไรกันมากนักและตั้งแต่เรื่องการแข่งขันครั้งนั้นจบลง พวกเขาก็ไม่เคยได้เห็นครอบครัวนี้อีกเลย
ก่อนหน้านี้ หลี่เบ่ยหนีได้ทำการตรวจสอบข้อมูลของครอบครัวนี้ที่ทางสถานีแล้ว แต่ก็ไม่พบบันทึกใด ๆ เธอคิดว่าการไปที่บ้านอาจจะทำให้ได้รู้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมบ้างแต่สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลว
ดูเหมือนครอบครัวของเด็กอัจฉริยะคนนั้นได้สูญหายไปจากโลกใบนี้ไปแล้ว
จ้าวหยู่และหลี่เบ่ยหนียังคงข้องใจกับการหายไปของพวกเขา
ก่อนที่คดีมือที่หายไปจะถูกปิดลง เขาจะสามารถพบตัวคนร้ายในครั้งนี้ด้วยหรือไม่?
หลังจากที่ไม่สามารถค้นหาครอบครัวของหลี่ดันได้ นั่นหมายความว่าเบาะแสที่มีได้สูญหายไปอีกครั้ง ด้วยเหตุนี้ทำให้จ้าวหยู่รู้สึกหดหู่เป็นอย่างมาก
‘โธ่โว้ย! ทำไมกัน!! ทำไมคดีนี้มันจะยากอะไรขนาดนี้วะ!!’ จ้าวหยู่คิดด้วยความหงุดหงิด
ทุก ๆ ครั้งที่พวกเขาได้ใช้ความพยายามที่จะต่อจิ๊กซอว์ชิ้นเล็ก ๆ นั้นเชื่อมหากัน และสามารถพบอะไรเข้า แต่ก็ต้องมาพบทางตันระหว่างทางตลอด!
จ้าวหยู่ทุบไปที่พวงมาลัยรถด้วยความหงุดหงิด ขณะเดียวกันหลี่เบ่ยหนีก็พยายามปลอบใจเขาอยู่ข้าง ๆ
เขาไม่สามารถล่าช้าได้อีกต่อไป พวกเขาต้องรีบกลับไปปกป้องหลี่ฉินฮัวทันที วันนี้เป็นวันที่ 26 แล้ว พวกเขาทั้งคู่จะไม่ยอมให้คนร้ายมาตัดมือเธอออกไปได้อีก!
“เราไม่ยอมแพ้แค่นี้หรอก!” หลังจากระบายความโกรธเสร็จ จ้าวหยู่ก็ปลุกกำลังใจให้ตัวเองกลับมาอีกครั้ง “ถ้ามันหมดหนทางแล้วจริง ๆ ฉันจะเข้าไปพบกับเหยื่อทั้งสามรายอีกครั้ง แล้วบอกว่าเปียโนคือสิ่งที่เชื่อมโยงพวกเธอเข้าด้วยกัน เผื่อพวกเธออาจจะจา อะไรขึ้นมาบ้างก็ได้”
“ฟังดูเข้าท่านะคะ! งั้นเรามาแบ่งหน้าที่กันเถอะค่ะ!” หลี่เบ่ยหนีเหมือนจะคิดอะไรได้ เธอรีบพูดมันออกมาอย่างร้อนรน “โอ้ ใช่แล้ว! ฉันเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าบางทีเราอาจจะสามารถตามหาตัวหลี่ดันเจอก็ได้ ถ้าเราไปขอให้ ‘คน ๆ นั้น’ ช่วยเราค่ะ!”
“ใครกัน?” จ้าวหยู่สับสน
“คุณไม่รู้จักหรอกหรือคะ? พวกเรามีผู้เชี่ยวชาญด้านการตามหาคนอยู่ที่สถานีเราด้วยนะคะ ถ้าเขาเต็มใจช่วยเราล่ะก็ เราอาจจะพบอะไรเข้าก็ได้!”
“มีคนแบบนั้นอยู่ด้วยเหรอ?” จ้าวหยู่ประหลาดใจ เขาคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าจะเป็นใคร “ทำไมเธอไม่รีบพูดให้เร็วกว่านี้”
“เอ่อ...คน ๆ นี้ เขาค่อนข้างจะนิสัยไม่ดีเท่าไหร่ถ้าเทียบกับคนอื่น ๆ ในแผนกสืบสวน แต่เขาเป็นคนที่เก่งมากในการตามหาตัวคนค่ะ! ฉันได้ยินมาว่าเขามีวิธีลับเฉพาะของเขาเอง ใครก็ตามที่หายตัวไปเป็นปี ๆ เขาก็สามารถเจอตัวได้ในเวลาอันรวดเร็ว!”
“โอ้ คนแบบนี้มีด้วยเหรอ?” จ้าวหยู่เกาหัวหัวตามอย่างสงสัย “เขาอยู่แผนกคนหายงั้นเหรอ?”
“ไม่เอาสิคะ รุ่นพี่หยุดล้อเล่นได้แล้ว นี่คุณไม่รู้จริง ๆ หรือคะ?” หลี่เบ่ยหนีพูดอย่างขบขัน เธอคิดว่าจ้าวหยู่แกล้งไม่รู้เรื่อง “ก็จางจิงเฟิงไงคะ! คนที่นั่งทำงานข้าง ๆ โต๊ะคุณนั้่นแหละ!”
“อะไรนะ!?” จ้าวหยู่รู้สึกสับสนเล็กน้อย “เป็นหมอนั่นไปได้ยังไง? ใช่เขาจริง ๆ เหรอ?”
“จริงสิคะ! หนึ่งในเจ้าหน้าที่แผนกคดีแช่แข็ง คนที่ทำงานกับเหลียงฮวนที่สร้างทีมประหลาด ๆ จากคนประหลาด ๆ สองคนรวมกันนั่นแหละค่ะ!” หลี่เบ่ยหนีกล่าวต่อ
“จางจิงเฟิงมีชื่อเสียงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ในแผนกคนหาย เมื่อใดก็ตามที่เพื่อนร่วมงานขอร้องให้เขาช่วยตามหาคนให้ เขามักจะขอสิ่งตอบแทนกลับเสมอ ถ้าไม่มีอะไรให้เขา เขาก็จะบ่ายเบี่ยงปฏิเสธงานนั้นไป เขาได้รับชื่อเล่นมาว่า 'พ่อปลาไหล' เพื่อนร่วมงานของเขาไม่สามารถทนเขาได้อีกต่อไปเลยยื่นรายงานพฤติกรรมของเขาต่อหัวหน้า จนเขาได้ย้ายมาอยู่ในแผนกคดีแช่แข็งนี้เมื่อไม่นานนี่เอง ถ้าคุณอยากจะให้เขาช่วยตามหาคนให้ล่ะก็ คุณคงต้องเตรียมเงินบางส่วนไปตอบแทนเขาหน่อยนะคะ!”
“น่าสนใจจริง ๆ!” จ้าวหยู่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจางจิงเฟิงจะเป็นคนแบบนี้ เขาคิดมาตลอดว่าจางจิงเฟิงก็แค่คนหมดไฟในการทำงานและขี้เกียจก็เท่านั้น ไม่คิดเลยว่าจะมีความสามารถดี ๆ แบบนี้กับเขาด้วย
จ้าวหยู่รีบโทรหาจางจิงเฟิงทันทีก่อนที่เขาจะกลับไปสถานีตำรวจและอธิบายสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นให้ฟัง จางจิงเฟิงไม่ได้บ่ายเบี่ยงงานและเต็มใจช่วยเหลือจ้าวหยู่อย่างเต็มที่อย่างน่าแปลกใจ เขาขอให้จ้าวหยู่ช่วยส่งข้อมูลที่มีอยู่ให้เขาอย่างเร็วที่สุดและเขาจะช่วยตรวจสอบข้อมูลนั้นให้ที่สถานี
หลังจากวางสาย จ้าวหยู่ยักไหล่ด้วยท่าสบาย ๆ ให้หลี่เบ่ยหนี “เห็นแล้วใช่ไหม? หมอนั่นเต็มใจจะช่วยเรา”
“คะ!?” หลี่เบ่ยหนีถอนหายใจเล็กน้อยอย่างรู้ทัน “นั่นคือเรื่องปกติที่เขาจะทำเมื่อมีใครก็ตามไปขอร้องเขา แต่เขาจะไม่ลงมือทำอะไรให้แน่นอนถ้าคุณไม่ยื่นข้อเสนอไปให้ แล้วถ้าตกลงกันไม่ได้ เขาก็จะไม่ทำอะไรให้คุณเลย!”
“งั้นหรอ?” จ้าวหยู่ถามอย่างไม่แน่ใจ ทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงเจ้าเล่ห์กันได้ขนาดนี้กัน? มันไม่ต่างอะไรกับพวกอันธพาลสมัยที่เขาเคยเป็นเลยจริง ๆ
เมื่อทั้งสองกลับไปถึงที่สถานีตำรวจ จางจิงเฟิงไม่ได้อยู่ที่นั่น จ้าวหยู่รีบโทรหาเขาในทันที จางจิงเฟิงบอกว่าเขามีอาการท้องเสียนิดหน่อย เขาอาจจะเข้าไปทำงานสาย ทำให้จ้าวหยู่รอเขาอยู่ที่ทำงานก่อน จ้าวหยู่ขอร้องจางจิงเฟิงด้วยความเร่งรีบ เขาให้เหตุผลกับจางจิงเฟิงว่านี่จะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้สามารถไขคดีนี้ได้ จางจิงเฟิงตกลงอย่างนุ่มนวลอีกครั้ง เขาให้สัญญาว่าจะรีบจัดการให้ในทันที
เวลาผ่านไปแล้วยี่สิบนาที ไม่มีทีท่าการมาถึงของจงจิงเฟิงแต่อย่างใด เมื่อโทรไปหาก็ไม่รับสายเสียอย่างนั้น
“เห็นไหมล่ะคะ ผิดจากที่ฉันพูดซะที่ไหน” หลี่เบ่ยหนีส่งยิ้มอ่อน ๆ ให้ “ฉันไม่ชอบคนแบบนี้เลยจริง ๆ ถ้าคุณไม่ยื่นผลประโยชน์อะไรให้เขาล่ะก็ เขาก็จะไม่ทำงานให้คุณหรอกค่ะ”
“หึหึ” จ้าวหยู่หัวเราะอย่างสนใจ เขาวางมือบนไหล่หลี่เบ่ยหนีก่อนจะพูดด้วยความมั่นใจที่เต็มเปี่ยม “เธอรอดูไว้ให้ดี ฉันจะไม่เสียเงินสักหยวนแต่หมอนั่นจะยอมช่วยเหลือฉันอย่างแน่นอน!!”