634 - เข้าสู่ภูเขาอมตะ
634 - เข้าสู่ภูเขาอมตะ
แผ่นจานสีฟ้ามีเส้นผ่านศูนย์กลางหลายร้อยวา แม้จะมีขนาดใหญ่แต่มันก็เคลื่อนที่ได้รวดเร็วและมีความยืดหยุ่นมาก
ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ผู้ยิ่งใหญ่หลายคนพยายามยับยั้งการเคลื่อนไหวของมันอย่างสุดกำลังแต่สุดท้ายพวกเขาก็ทำได้เพียงการบินตกลงไปในภูเขาอมตะ
หลายคนอุทานอย่างตกใจ หากอาวุธของปราชญ์โบราณผู้ยิ่งใหญ่ตกลงไปในภูเขาอมตะมันก็คงจะหายสาบสูญไปอย่างสมบูรณ์เพราะไม่มีผู้ใดกล้าติดตามมันเข้าไป
"ปัง" "ปัง"...
จานบินสีน้ำเงินพุ่งเข้าสู่ภูเขาอมตะอย่างรวดเร็วก่อนที่มันจะกระแทกใส่หน้าผาสีดำขนาดใหญ่
ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่สองสามคนไม่กล้าที่จะล่วงลึกเข้าไป พวกเขาทําได้เพียงสำรวจอยู่ด้านนอกและถอนหายใจอย่างเศร้าโศกเท่านั้น
ทันใดนั้น แผ่นจานสีน้ำเงินก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงราวกับว่ามันได้รับผลกระทบจากพลังที่แปลกประหลาด ทันใดนั้นหน้าผายักษ์สีดำก็เริ่มปลดปล่อยกลิ่นอายที่น่ากลัวออกมา
"บูม"
แผ่นจานสีน้ำเงิน ดูเหมือนจะถูกยับยั้งและไม่สามารถบินได้อย่างราบรื่น ทันทีที่มันยกตัวขึ้นมันก็ถูกดึงดูดเข้าหาหน้าผาสีดำอย่างรวดเร็ว
“น่าเสียดาย ในที่สุดพวกเราก็พลาดไปจนได้”
ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ผู้ยิ่งใหญ่ไม่เต็มใจนัก แต่ก็ช่วยไม่ได้ ต่อให้จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ในอดีตฟื้นคืนชีพก็ไม่แน่ว่าพวกเขาจะยินดีเข้าไปในภูเขาอมตะ
หลายคนติดตามมาที่นี่ และรู้สึกเสียใจอย่างยิ่งที่ได้เห็นฉากนี้ด้วยตาของพวกเขาเอง พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแผ่นจานสีน้ำเงินคืออะไรกันแน่แต่สุดท้ายพวกเขากลับไล่ตามมาจนถึงดินแดนอันน่ากลัวแห่งนี้
ในเวลานี้แสงอาทิตย์ที่แผดเผาอยู่บนท้องฟ้าทำให้ต้นไม้ในภูเขาอมตะเขียวชอุ่มมีชีวิตชีวา และหน้าผาสีดำที่ดูเก่าแก่นั้นก็ยิ่งน่ากลัวมากขึ้นกว่าเดิม
“ไม่มีทางเอามันออกมาจริงๆเหรอ? ในภูเขาอมตะมีพลังน่ากลัวอะไรกันแน่?”
“เว้นแต่จักรพรรดิโบราณจะฟื้นคืนชีพมาด้วยตัวเอง ด้วยพลังอันกล้าแข็งของที่นี่ยังจะมีใครกล้าเข้าไปอีก”
ในพื้นที่ต้องห้ามของชีวิตไม่มีใครรู้สึกว่ามันปลอดภัย ต่อให้เป็นปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่คิดจะเข้าใกล้พวกมันในระยะพันลี้
ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่หลายคนไม่ได้พูดอะไรมาก ร่างของพวกเขาส่องแสงสว่างก่อนจะข้ามความว่างเปล่าอย่างรวดเร็ว ผู้คนมากมายที่เห็นเช่นนั้นไม่มีใครกล้าอยู่ที่นี่นานเช่นกัน พวกเขาใช้ค่ายกลเล็กๆของตัวเองเดินทางกลับทันที
อย่างไรก็ตามยังมีหลายคนที่อยู่เบื้องหลัง นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นภูเขาอมตะ พวกเขาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและมองดูมันอย่างจริงจัง มีแม้กระทั่งคนที่กล้าหาญบางคนซึ่งเดินเข้าไปในภูเขาอมตะโดยตรง
"ชัวะ!"
ชายหนุ่มร่างทองที่ถือง้าวสีดำขนาดใหญ่อยู่ในมือ เดินออกไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ
“ราชาเผิงน้อยปีกทอง” ตู้เฟยกระซิบ
“เรามาฆ่าเจ้าเด็กน้อยคนนี้ดีหรือไม่?” หลี่เหอซุยพึมพำ
“ลืมมันไปเถอะ ถ้าเจ้าฆ่าเขาเผิงสวรรค์เฒ่าพี่ไม่รู้จักตายตัวนั้นต้องคุ้มคลั่งอย่างแน่นอน” เย่ฟ่านส่ายหัว
นัยน์ตาของราชาเผิงน้อยปีกทองราวกับมีด แน่นอนว่าเขามองเห็นเย่ฟ่านตั้งแต่แรกแล้ว และตอนนี้ใบหน้าของเขาก็เย็นชามากขึ้นเรื่อยๆ
“เจ้านกน้อย คราวหน้าคราวหลังอย่ามาคนเดียวอีกนะ” จักรพรรดิดำส่งเสียงท้าทาย
“เฉียงเฉียง…”
ราชาเผิงน้อยปีกทองปลดปล่อยแสงสีทองออกมารอบตัวและแสงพวกนั้นก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นกระบี่ 108,000 เล่มที่พราวพราว ทำให้เขาดูสดใสราวกับดวงอาทิตย์สีทอง
“เจ้าสุนัขตัวนั้น เจ้าเป็นใครถึงกล้ามาพูดกับข้า”
เสียงของราชาเผิงน้อยปีกทองไม่แยแส ดวงตาของเขาเจิดจ้าราวกับกระบี่ เต็มไปด้วยความดุร้าย เขาจ้องไปที่เย่ฟ่านและกล่าวว่า
“เจ้ากำลังจะตายเร็วๆนี้ ไม่ทราบว่าเจ้ายังมีกำลังพอที่จะต่อสู้หรือไม่ ข้าอยากจะฝังกระดูกเน่าๆของเจ้าด้วยตัวเอง”
“เจ้านกน้อยเจ้าลืมไปแล้วหรืออย่างไร? ครั้งที่แล้วตัวเจ้าก็ถูกทุบตีจนขนร่วง ?”
“คราวที่แล้วข้าหยิ่งผยองเกินไปจริงๆเรื่องนี้ข้ายอมรับ แต่ครั้งนี้ข้าต้องฆ่าเจ้าให้ได้เพราะเลือดของเจ้าจะถูกนำมาสร้างเป็นเส้นทางจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ให้ข้า”
ราชาเผิงน้อยปีกทองยังคงหยิ่งผยองเหมือนเมื่อก่อน และในบรรดาลูกหลานเผ่าพันธุ์อสูรทั้งหมดเขามีคุณสมบัติเช่นนี้จริงๆ
การสนทนาของพวกเขาในลักษณะนี้ดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมากในทันที ตอนนี้หลายคนไม่ต้องการบุกเข้าไปในภูเขาอมตะและกำลังจะเดินทางกลับอย่างน่าเสียดาย
แต่เมื่อมีการประลองครั้งยิ่งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า ทุกคนต่างก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง บางทีการเดินทางครั้งนี้อาจไม่ได้ไร้ประโยชน์เท่าไหร่
“ที่แท้เจ้าก็เข้าสู่อาณาจักรลึกลับแปลงมังกรแล้ว ไม่น่าแปลกใจที่เจ้าหยิ่งผยองถึงขนาดนี้” ตู้เฟยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ทุกคนต่างนำตัวเขาไปเปรียบเทียบกับบุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงอยู่ตลอดเวลา แน่นอนว่าระดับการบ่มเพาะของเขาต้องมีความโดดเด่นไม่แพ้กัน
“ตกลง ถ้าเจ้าต้องการต่อสู้กับข้า เจ้าก็กำหนดวันเวลาและสถานที่มาได้เลย”
เย่ฟ่านบุกทะลวงเข้าสู่อาณาจักรสี่ขั้วเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่าเขาเพียงต้องการต่อสู้กับคนที่อยู่ในอาณาจักรแปลงมังกรเท่านั้น
"แปรง!"
ประตูมิติมากมายเกิดขึ้นในขุนเขาห่างไกล ผู้บ่มเพาะรุ่นเยาว์หลายคนที่ได้ยินข่าวต่างเดินทางมาชมการต่อสู้ครั้งนี้
เย่ฟ่านมีลางสังหรณ์ว่าเขาจะได้พบกับผู้คนจากตระกูลเฟิงอย่างแน่นอน ในความเป็นจริงเขาไม่ต้องการพบกับเฟิงหวงเท่าไหร่
เด็กหนุ่มสาวเหล่านั้นตกตะลึงเมื่อเห็นเย่ฟ่าน และบางคนแสดงท่าทางแปลก ๆ และบางคนก็กระซิบเบาๆ
"เขามาที่นี่ดูเหมือนว่าเขาจะต้องการเข้าสู่ภูเขาอมตะเพื่อค้นหาเส้นทางการต่อชีวิตของตัวเอง"
“การเข้าสู่ภูเขาอมตะเป็นเพียงการรนหาที่ตายเท่านั้น ในอดีตแม้แต่จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังไม่เต็มใจที่จะเข้าสู่สถานที่แห่งนี้ บุคคลที่มีความแข็งแกร่งไม่ถึงระดับปราชญ์โบราณไม่เคยมีใครออกมาจากที่นั่นได้”
“น่าเสียดายที่เขายังติดต้นกำเนิดของตระกูลเฟิงสามล้านจินโดยไม่มีโอกาสจ่ายคืน” คนหนุ่มสาวบางคนไม่พอใจอย่างมาก
"เจ้าจะเสียใจไปทำไมต้นกำเนิดพวกนั้นไม่ใช่ของเจ้าสักหน่อย คนที่รับผลกระทบคือตระกูลเฟิงที่โยนต้นกำเนิดมากมายมหาศาลเหล่านั้นลงไปในน้ำอย่างเปล่าประโยชน์"
เย่ฟ่านยิ้มและกล่าวว่า "แน่นอนว่าต้นกำเนิดสามล้านจินไม่ใช่จำนวนน้อย แต่พวกเจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะจ่ายคืนให้"
คนเหล่านั้นประหลาดใจ แต่พวกเขาไม่คิดว่าหูของเย่ฟ่านจะแหลมคมขนาดนี้มันทำให้ใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ธิดาหงส์แห่งตระกูลเฟิงผู้งดงามยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายด้วยเช่นกัน ใบหน้าของนางสวมหน้ากากสีทองสดใส และเมื่อนางได้ยินคำพูดของเย่ฟ่านนางก็เดินออกมาข้างหน้าและกล่าวว่า
“ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลข้าได้กล่าวไว้แล้วว่าเจ้าไม่ จำเป็นต้องคืนต้นกำเนิดเหล่านั้น”
"ถ้าข้าไม่ได้คืนมัน ข้ากลัวว่าจะถูกทวงถามทุกวันอยู่เช่นนี้ อย่างไรก็ตาม ข้ารู้สึกขอบคุณต่อความเมตตาของราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ตระกูลเฟิงจริงๆ" เย่ฟ่านกล่าว
*เฟิ่งหวงมีสีหน้าเรียบเฉยแล้วไม่พูดอะไรอีก นางหันไปมองราชาเผิงน้อยปีกทองที่เป็นสหายและกล่าวด้วยรอยยิ้มมาก
“ยินดีด้วยที่พี่เผิงสามารถฝ่าฟันจนประสบผลสำเร็จได้อีกครั้ง” ราชาเผิงน้อย
ปีกทองหัวเราะและกล่าวว่า “ข้าจะสู้กับร่างกายศักดิ์สิทธิ์และขอเชิญองค์หญิงเฟิงรับชมการต่อสู้ในฐานะกรรมการด้วย”
เฟิ่งหวงพยักหน้าด้วยความยินดี คล้ายจะเป็นการเย้ยหยันเย่ฟ่านไปในตัวอีกด้วย
“โฮก…”
ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามดังออกมา ภูเขาลูกหนึ่งพังทลายลงในทันที และมังกรวารีที่อยู่ในภูเขาอมตะก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง!
ไม่นานมานี้มันทำการต่อสู้กับปรมาจารย์ศักสิทธิ์และมันไม่ได้เสียเปรียบแม้แต่น้อย ความแข็งแกร่งนี้ทำให้ผู้คนหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
“หนีเร็ว!”
ทุกคนอุทานและหนีไปคนละทิศคนละทาง นี่คือราชาอสูรป่าเถื่อนซึ่งมีความแข็งแกร่งระดับเดียวกับราชานกยูงอย่างไม่ต้องสงสัย
มันมีหัวเป็นมังกร ลำตัวเป็นม้า และมีหางเป็นปลา แม้ว่ามันจะอาศัยอยู่ในน้ำแต่ผู้คนก็ไม่รู้ว่ามันคือมังกรวารีหรือไม่
เย่ฟ่านตอนนี้ตายไปกับคนอื่นเช่นกัน ตอนนี้เมื่อวิ่งมาจนรู้สึกว่าปลอดภัยแล้วพวกเขาก็เงยหน้าขึ้นและพบกับเนินเขาเตี้ยๆแห่งหนึ่งซึ่งมีสีดำสนิท
ภูเขาเล็กๆสีดำนี้เชื่อมต่อกันหลายพันลูกจนกระทั่งไปถึหน้าผาสีดำขนาดใหญ่ซึ่งจานบินสีน้ำเงินตกลงไปเมื่อสักครู่นี้
“ออกไปกันเถอะ ที่นี่อยู่ใกล้ภูเขาอมตะมากเกินไป” จักรพรรดิดำมีสีหน้าไม่ดีเท่าไหร่
"ปูตง"
ทันใดนั้นน้ำในทะเลสาบที่อยู่ใกล้เคียงก็สาดกระจายขึ้นสู่ท้องฟ้า เมื่อทุกคนมองไปทางนั้นพวกเขาก็เห็นดวงตาคู่หนึ่งซึ่งมีขนาดใหญ่โตเป็นอย่างมาก
"สิ่งมีชีวิตที่เติบโตในภูเขาอมตะ..." หลายคนอ้าปากค้างและตกตะลึง
"ฟิว!"
ผู้คนมากมายที่หลบหนีมาทางเดียวกันกับพวกเย่ฟ่านรีบถอยออกห่างด้วยความกลัว แต่ก็ยังมีคนไม่น้อยที่ตกเป็นเหยื่อการโจมตีของสิ่งมีชีวิตลึกลับนั้น!
• เฟิ่งหวง = หงส์เพลิง
ตระกูลเฟิง = ตระกูลลม
บางทีเฟิ่งหวงอาจไม่ใช่ชื่อแต่เป็นฉายาก็ได้ครับแสดงว่าชื่อจริงยังไม่ปรากฏ
ตอนแรกผมเข้าใจว่าว่าเป็นตระกูลเฟิ่ง(หงส์)หรือปล่าว แต่จริงๆคือตระกูลเฟิง(ลม) ต้องขออภัยจริงๆครับ