เกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 23
เกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 23
"ลงมือ" ลิโป้ตะโกนก่อนจะควบม้าโถมเข้าใส่ผู้คุมขบวนของงิวฮู ก่อนที่ผู้คุมขบวนจะทันได้ตอบสนอง ทวนของลิโป้ก็สังหารเขาไปเสียก่อน
ทหารม้าห้าร้อยที่เดิมสงบนิ่งพลันแยกเขี้ยวกางเล็บ กระตุ้นม้าโถมเข้าใส่ทหารของงิวฮูที่ยังไม่ทันสวมเกราะหยิบอาวุธ เข่นฆ่าสังหารอย่างไม่ทันตั้งตัว
ชาวบ้านเมื่อเห็นทหารสองฝ่ายต่อสู้ห้ำหั่นกันก็พากันแตกตื่น คนที่มีไหวพริบก็เร่งรีบหลบหนี ระหว่างทางพวกเขาได้เห็นชะตากรรมอันโหดร้ายของเหล่าชาวบ้านที่เดินต่อไม่ไหวและถูกทหารเสเหลียงสังหารทิ้งมาแล้ว
งิวฮูเมื่อรู้ว่าขบวนสัมภาระถูกโจมตีก็รีบรวมคนและม้าเข่นฆ่าเข้าหาลิโป้ อีกทางหนึ่งก็สั่งให้คนไปรายงานตั๋งโต๊ะ เหล่าชาวบ้านที่แตกตื่นหลบหนีกลายเป็นสร้างปัญหาให้ทางฝั่งของงิวฮฺู ทั่วทุกทางมองเห็นแต่ศัตรู ไม่เห็นทหารฝ่ายเดียวกันสักคน
"ฆ่า!" งิวฮูนำกำลังร้อยกว่าคนเข้าสู้ ในใจบังเกิดความรู้สึกโหวงเหวงอยู่ไม่น้อย
ด้วยเพราะคาดคิดไม่ถึง รวมกับมองเห็นทหารม้าปิงโจวเข่นฆ่ามาจากทุกทิศทุกทาง งิวฮูก็ได้แต่กัดฟันนำกำลังเข้าต้านรับ
งิวฮูไม่อาจละทิ้งสัมภาระ ต่อให้ทหารตายหมด เขาก็ต้องปกป้องขบวนรถไว้ เหล่านี้คือสิ่งที่ตั๋งโต๊ะพากเพียรสะสมมาอย่างยากลำบาก เมื่อคิดถึงโทษทัณฑ์ที่ต้องเผชิญหากเลือกหลบหนี งิวฮูก็ปากคอแห้งผาก คิดไม่ถึงเลยว่าคนถ่อยลิซกจะแปรพักต์เอาเวลานี้
ทุกคราที่ทหารของงิวฮูถอยร่น นั่นก็หมายถึงการสูญเสียแก้วแหวนเงินทองนับไม่ถ้วน
ชาวบ้านจำนวนหลายแสนที่วิ่งหนีเปะปะเหล่านี้จะช่วยซื้อเวลาให้กับลิโป้ได้อย่างมาก ต่อให้ตั๋งโต๊ะส่งกำลังหนุนมา ในเวลาอันสั้นก็ยากที่จะฝ่ากลุ่มชาวบ้านมาได้
งิวฮูนำทหารที่รวบรวมมาได้ตั้งแนวป้องกันล้อมรอบเกวียนสัมภาระ พยายามต้านทานทหารม้าศัตรู
"เซ้งเหลียม ลิซก นำไพร่พลสองพันคุ้มกันสัมภาระหนักพร้อมทั้งรวบรวมชาวบ้าน" เมื่อเห็นว่าไม่อาจกำจัดงิวฮูได้ในเวลาอันสั้น ลิโป้ก็รีบออกคำสั่ง
"โกซุ่นรีบนำหน่วยทะลวงค่ายไปตั้งขบวน ป้องกันศัตรูบุกเข้ามา"
"โจเส็งรวบรวมทหารม้าไปป้องกันอย่าให้ทหารเสเหลียงตอบโต้กลับมา"
คำสั่งแล้วคำสั่งเล่าถูกถ่ายทอดออกไป ไม่ช้ากองทัพปิงโจวก็ตั้งขบวนทัพอย่างเป็นระเบียบ เกวียนสัมภาระค่อยๆถูกเคลื่อนย้ายออกไป
งิวฮูต้องการจะรีบนำกำลังไปหยุดยั้ง แต่ความมีเหตุผลก็บอกกับเขาว่า ขืนไปก็ตายเปล่า ยิ่งกว่านั้นยังอาจทำให้สูญเสียเสบียงสัมภาระมากกว่าเดิม
เมื่อได้ยินว่าทัพปิงโจวบุกโจมตีกองกำลังของงิวฮู ตั๋งโต๊ะก็หน้าซีดเผือด มือเขากำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน สมบัติเหล่านั้นเป็นของที่เขาใช้หยาดเหงื่อแรงกายทั้งชีวิตแลกมา นี่ไม่ต่างอะไรกับตัดเย็บชุดวิวาห์ส่งมอบให้ลิโป้ เขาจะยอมได้อย่างไร "ฮัวหยงรีบนำทหารม้าสามพันไปสกัดทัพปิงโจวไว้"
"ขอรับ!" ฮัวหยงกุมหมัดรับคำ หากแต่หัวใจกลับเต้นไม่เป็นระส่ำ กองทัพปิงโจว ไม่ใช่ว่าเป็นกองทัพของลิโป้หรอกหรือ? ศัตรูที่เขาพยายามจะหลบลี้หนีหน้ามาโดยตลอด ตอนนี้กลับไม่อาจหลบหน้าได้อีกแล้ว
"ท่านอุปราช เวลานี้กองทัพของพวกเจ้าเมืองอยู่ห่างจากเราไม่ไกล รีบเดินทางต่อเถอะขอรับ" ลิยูกลัวว่าตั๋งโต๊ะที่โกรธจัดจะยกทัพกลับไปจัดการกับทัพปิงโจว
เมื่อฮัวหยงได้ยิน เขาก็รีบชะลอฝีเท้าลง
"ลิโป้ เจ้าผู้นี้หยามข้าเกินไปแล้ว" ตั๋งโต๊ะกัดฟันกล่าว "หากฆ่ามันไม่ได้ โทสะที่อัดแน่นอยู่ในอกก็ยากที่จะระบาย!"
"ท่านอุปราช เวลานี้กองทัพพันธมิตรจ่อประชิดอยู่ทางด้านหลัง ข้าเกรงว่าจะเกิดเหตุแปรเปลี่ยน โปรดหักใจตัดกองสัมภาระทิ้ง เพื่อเพิ่มความเร็วในการเดินทัพของเราด้วยเถอะขอรับ มิเช่นนั้นหากพวกมันตามมาจนทัน ถึงตอนนั้นพวกเราทั้งหมดจะอยู่ในอันตรายนะขอรับ"
ได้ฟังคำแจกแจงของลิยู ตั๋งโต๊ะก็ค่อยๆใจเย็นลง หากแต่ปากยังกล่าวด้วยความขุ่นเคือง "หรือจะปล่อยให้ลิโป้ช่วงชิงสมบัติของข้าไปจนหมดสิ้น? นั่นมันสมบัติทั้งเมืองลั่วหยางเชียวนะ"
"ท่านอุปราช ตราบใดที่ฮ่องเต้ยังอยู่ในมือพวกเรา ไม่ใช่ว่าทรัพย์สมบัติทั่วแผ่นดินอยู่ในมือของเราหรอกหรือครับ?"
"ฮึ่ม ปล่อยเด็กน้อยลิโป้ไปก่อนก็ได้" ตั๋งโต๊ะแค่นเสียงอย่างเย็นชา "ลิฉุย กุยกี พวกเจ้านำทหารห้าพันไปช่วยแม่ทัพฮัวหยงไปรับมือกับพวกพันธมิตร"
"ขอรับ" ลิฉุยและกุยกีกุมหมัดรับคำ
"พวกเจ้าไม่ต้องปะทะกับศัตรู เพียงคุ้มกันสัมภาระกลับมาโดยเร็วที่สุด หากต้องต่อสู้ ก็อย่างได้รบติดพัน" ลิยูกล่าวกำชับ
"ขอรับ"
แม้ว่าตั๋งโต๊ะจะมีทหารอยู่เรือนแสน หากแต่ในนั้นกลับมีทหารเสเหลียงเพียงสี่หมื่น และในจำนวนนั้นก็มีทหารม้าเพียงหกพัน ดังนั้นไพร่พลที่สามารถเคลื่อนกำลังได้จึงมีอยู่อย่างจำกัด
หลังจากได้รับคำสั่งใหม่จากตั๋งโต๊ะ ฮัวหยงก็โล่งใจอย่างมาก เขาไม่คิดว่าทหารม้าสามพันและไพร่พลห้าพันของลิฉุยกับกุยกีจะสามารถฆ่าลิโป้ได้
"ท่านแม่ทัพ ทหารม้าของศัตรูมีอย่างมากก็ไม่เกินสองพัน พวกเรามีทหารม้าตั้งสามพัน ไฉนไม่บุกไปเข่นฆ่า สั่งสอนบทเรียนให้ทัพปิงโจวสักคราล่ะขอรับ" ลิฉุยเสนอแนะ
ฮัวหยงส่ายหน้า "ไม่ ทหารทัพปิงโจวล้วนแต่เป็นทหารชั้นยอด ท่านอุปราชได้สั่งไว้แล้วว่าให้พวกเราไปตัดหางขบวน ป้องกันไม่ให้ศัตรูติดตามมาอีก"
ลิฉุยรู้สึกไม่เห็นด้วยอยู่บ้าง แม้ทัพปิงโจวจะเป็นยอดทัพ หากแต่ทหารม้าเสเหลียงก็ใช่ว่าจะไร้ฝีมือ
เมื่อทัพของฮัวหยงยกกำลังมาถึง มองเห็นขบวนทัพปิงโจวที่ตั้งทัพรออยู่พร้อมจิตสังหาร อีกทั้งที่ด้านหน้ายังมีลิโป้ที่น่าเกรงขามจ้องมองมา ฮัวหยงก็รู้สึกเสียววาบที่ลำคอ บุคคลที่เขาไม่อยากพบเจอที่สุดมาอยู่ที่เบื้องหน้าของเขาแล้ว
"หน่วยทะลวงค่าย!" ม่านตาของฮัวหยงหดวูบ ผู้ใดที่กล้าประมาทขบวนทหารราบที่เบื้องหน้าจะต้องสำนึกเสียใจไปชั่วชีวิต
"แม่ทัพฮัว สบายดี" ลิโป้ทักทายด้วยรอยยิ้ม
"แม่ทัพลิ สบายดี" ฮัวหยงยิ้มจืดเจื่อน
"แม่ทัพฮัวมาที่นี่เพื่อขับไล่พวกเราหรือ?" สิ้นเสียง ทหารม้าปิงโจวที่อยู่ทางด้านหลังก็ระเบิดเสียงหัวเราะ
สีหน้าฮัวหยงเปลี่ยนกลับไปกลับมา ทหารม้าเสเหลียงที่ติดตามมาต่างก็โมโหจนหน้าแดง
"เด็กน้อยลิโป้ คิดว่าทัพเสเหลียงเราสามารถรังแกได้โดยง่ายงั้นรึ?" ลิฉุยตะโกนขึ้นเสียงดัง
"งั้นรึ?" ลิโป้ชูทวนกรีดนภาในมือขึ้น บรรยากาศพลันเปลี่ยนเป็นตึงเครียด
"แม่ทัพลิ เข้าใจผิดแล้ว เข้าใจผิดแล้ว" ฮัวหยงอยากจะพุ่งเข้าไปตบลิฉุยให้ร่วงม้าเสียเดี๋ยวนั้น
"เจ้ารับใช้โจรถ่อยตั๋งโต๊ะ จะเข้าใจผิดได้ยังไง" ลิโป้กล่าวอย่างเย็นชา ลิซกคาดเดาถูกต้อง ตั๋งโต๊ะกลัวว่ากองทัพพันธมิตรจะยกมาจริงๆ มิเช่นนั้นกองทัพของฮัวหยงคงบุกเข้ามาแล้ว
"แม่ทัพลิ พวกเราล้วนเป็นขุนนางฮั่นเหมือนกัน เวลานี้องค์ฮ่องเต้ก็อยู่กับพวกข้า อย่าได้ถูกพวกเจ้าเมืองหลอกใช้เอา ท่านลองคิดดู หากพวกเราต่อสู้กันที่นี่ เจ้าเมืองเหล่านั้นไม่ใช่ว่าจะได้ประโยชน์หรอกรึ?" ฮัวหยงกล่าวโน้มน้าว
ลิโป้ลอบหัวเราะอยู่ในใจ คิดว่าใกล้จะได้เวลาแล้ว เสบียงและผู้คนสมควรอยู่ระหว่างทางแล้ว "ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แม่ทัพผู้นี้ไม่ส่งแล้ว"
.........
"โชคดีที่แม่ทัพผู้นี้มีไหวพริบ มิเช่นนั้นคงยากจะหลีกเลี่ยงการต่อสู้แล้ว พวกเจ้าดูที่ดงไม้นั่น ฝุ่นผงปลิวตลบอบอวล กองกำลังของพวกพันธมิตรจะต้องดักซุ่มอยู่ไม่ผิดแน่" เมื่อพวกลิโป้จากไป ฮัวหยงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
"ท่านแม่ทัพช่างปราดเปรื่อง" กุยกีกุมมือกล่าวยกย่อง
"เอาล่ะ ลิฉุย กุยกี พวกเจ้าทั้งสองรีบนำทหารไปต้อนคนกลับมาเดินทางต่อ" ฮัวหยงออกคำสั่ง
หลังจากลิโป้โจมตีขบวนสัมภาระ ชาวบ้านกว่าสามแสนคนก็ถูกทัพปิงโจวกวาดต้อนไป หลบหนีหายไปอีกนับแสน ทำให้เหลือชาวบ้านอีกเพียงไม่กี่แสน
มองดูแถวของชาวบ้านที่ยาวเหยียด ลิโป้ก็มีความสุขอย่างมาก คนที่กวาดต้อนมานี้ส่วนใหญ่ยังหนุ่มแน่น และจะต้องมีความพิเศษบางอย่าง ตั๋งโต๊ะถึงได้กวาดต้อนมา เทียบกับเพชรนิลจินดาแล้ว ผู้คนเหล่านี้จึงมีค่ามากที่สุด
ยิ่งไปกว่านั้น ขบวนสัมภาระของตั๋งโต๊ะยังมีหญ้าเสบียงอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้เขาไม่ต้องกังวลเรื่องเสบียงอาหารอีก หากผู้คนเหล่านี้ไปถึงปิงโจวโดยปลอดภัย ก็เปรียบเสมือนการฉีดเลือดเข้าไปหล่อเลี้ยงแผ่นดินอันแร้นแค้นของปิงโจว