ตอนที่แล้วCD บทที่ 30 จะมีใครบ้าบอเท่าฉัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปCD บทที่ 32 บางผิดปกติ

CD บทที่ 31 สวัสดีครับคุณผู้หญิง


เมื่อทั้งคู่ได้หันมาสบสายตากัน จ้าวหยู่ก็แสดงอาการลุกลี้ลุกลนอย่างเห็นได้ชัด

“เออคือ…” เขามั่นใจว่าเพิ่งจะได้ยินเสียงเปิดน้าที่ห้องน้ำเมื่อกี๊นี้ แต่ทำไมเขาถึงเห็นผู้หญิงคนนี้เดินออกมาพร้อมกับผ้าขนหนูเร็วขนาดนี้ เส้นผมของเธอยังคงเปียกชุ่มไปด้วยน้า

หญิงสาวตรงหน้ายังคงยืนนิ่งไม่ขยับตัวไปไหน เนื่องจากมีชายหนุ่มแปลกหน้าที่ไหนก็ไม่รู้มาปรากฏตัวต่อหน้าเธอแถมชายคนนั้นยังสวมแค่บ็อกเซอร์

เธอกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจและเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เธอตกใจจนเผลอทำให้ผ้าขนหนูที่ห่อหุ้มตัวเอาไว้หลุดลงไปกองอยู่ที่พื้น เผยให้เห็นเรือนร่างที่เปลือยเปล่าของเธออย่างชัดเจน

ความสับสนของจ้าวหยู่ถูกแทนที่ด้วยความคิดอีกแบบอย่างรวดเร็ว

'ว้าว!'

ร่ายการของหญิงสาวตรงหน้าสมบูรณ์แบบมาก แม้กระทั่งฮัวฮัวที่ว่าสวยงามแล้วก็ยังสู้เธอคนนี้ไม่ได้!

'เธอใช่ฮัวฮัวนี่'

ถ้าหญิงสาวตรงหน้าเขาคนนี้เป็นฮัวฮัว จ้าวหยู่ก็ยังพอที่จะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่เธอกลับไม่ใช่ และตอนนี้จ้าวหยู่ได้เห็นในสิ่งที่ไม่ควรจะเห็นเข้าซะแล้ว ราวกับว่าประตูแห่งความตายกำลังเปิดรอรับเขาเข้าไปอีกครั้ง

‘เข้าใจผิด! นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดก็เท่านั้น!’

หญิงสาวยังคงกรีดร้องออกมาไม่หยุด จ้าวหยู่ก็ทำได้แต่ยืนนิ่งและเริ่มไปโทษที่ระบบปาฏิหาริย์แทน

‘ระบบที่รัก การผจญภัยที่เต็มไปด้วยเรื่องเข้าใจผิดนี้คืออัตราความสำเร็จขั้นสูงของวันนี้ใช่ไหม ห๊ะ!’ เขาคิดกับตัวเองลำพัง

สนุกมากใช่ไหมที่เห็นชีวิตเขายุ่งเหยิงไปหมดแบบนี้น่ะ!

หลังจากที่เธอกรีดร้องไปได้ประมาณยี่สิบวินาที ในที่สุดเธอก็หยุดส่งเสียง เธอมีความสับสนขึ้นมาแทนที่เล็กน้อยว่า ทำไมชายตรงหน้าถึงไม่เข้ามาทำอะไรเธอเลย?

ถ้าในตามความคิดของเธอแล้ว ป่านนี้เธอน่าจะถูกชายคนนี้ขืนใจไปแล้วสิ แต่สิ่งที่เขาทำก็แค่เพียงยืนมองร่างกายเธออย่างชื่นชมราวกับกำลังมองทิวทัศน์ที่สวยงามก็เท่านั้น

ด้วยความสับสนของเธอ ทำให้หญิงสาวเริ่มสำรวจตัวจ้าวหยู่ในทันที จ้าวหยู่ใส่แค่เพียงบ็อกเซอร์มาเท่านั้นและไม่มีรองเท้าติดมาด้วย ตามตัวก็สกปรกเต็มไปหมดหรือว่าชายคนนี้จะเป็นผู้ป่วยทางจิตกัน!?

“เดี๋ยวนะ!” เธอจ้องมองไปที่ใบหน้าของจ้าวหยู่อีกครั้งและตะโกนออกมาด้วยความตกใจ “คุณเข้ามาที่นี่ได้ยังไงกัน?”

“คุณผู้หญิง เรื่องนี้มันเป็นอุบัติเหตุเท่านั้นนะครับ” จ้าวหยู่ยกมือขึ้นขอโทษพร้อมกับพยายามที่จะอธิบายความเข้าใจผิดในครั้งนี้ “ผมคือเพื่อนบ้านของคุณ ชื่อจ้าวหยู่ ห้องของผมถูกล็อคเอาไว้เลยไม่สามารถเข้าไปข้างในได้แล้วผมเห็นว่าบ้านหลังนี้คงไม่มีใครอยู่ ผมเลยพยายามที่จะใช้ทางผ่านของบ้านคุณเพื่อกลับไปยังบ้านของตัวเองก็เท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดีอย่างอื่นจริง ๆ  ผมไม่รู้ว่าคุณอยู่บ้าน มันเป็นเพียงอุบัติเหตุเท่านั้น ผมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ใช่คนไม่ดีอย่างที่คุณคิดแน่นอน ถ้าคุณต้องการ ผมก็สามารถโชว์ป้ายชื่อให้ดูได้นะ”

หลังจากคำอธิบายที่ยาวนานของจ้าวหยู่จบลง เขาสังเกตเห็นสีหน้าของเธอเปลี่ยนไป เมื่อมองเข้าไปใกล้ ๆ เขาก็ต้องตกใจเข้าไปอีก

“อ่ะ!? คุณเข้ามาที่นี่ได้ยังไงกัน คุณคืออีตัวในบาร์นั้นนี่!?” จ้าวหยู่เผลอพูดคำหยาบคายออกมาจนได้ เขารีบเอามือตะครุบปากหวังจะกลืนกินคำพูดเหล่านั้นกลับไปใหม่

หญิงสาวตรงหน้าเขาก็คือหญิงขายบริการที่จ้าวหยู่ได้พบที่บาร์ซึ่งเธอเกือบจะกลายเป็นเหยื่อของคดีข่มขืนในครั้งนั้นด้วยอยู่แล้ว แต่โชคดีที่จ้าวหยู่สามารถไล่ตามจับตัวคนร้ายเอาไว้ได้ซะก่อน

เขากำลังส่งเสียงขอบคุณขึ้นภายในใจ อย่างน้อยเธอก็เป็นคนคุ้นเคย เขาน่าจะพ้นจากสถานการณ์ที่เลวร้ายนี้ไปได้!

ในตอนแรกที่เขารู้สึกแปลก ๆ ที่ตอนเขาเข้ามาที่ห้องถึงได้กลิ่นสัมผัสแปลก ๆ ที่ดูคุ้นเคย มันคือกลิ่นน้ำหอมของเธอนี่เอง!

“ทำไมถึงเป็นคุณไปได้!” จ้าวหยู่ชี้ไปที่เธอด้วยความรู้สึกประหลาดใจ

หญิงสาวคิดว่าจ้าวหยู่ชี้ไปที่เรือนร่างเปลือยเปล่าของตัวเอง เธอรีบหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาห่มตัวเองไว้อีกครั้งแต่ผ้าผืนเล็ก ๆ ผืนนั้นไม่สามารถปิดบังเรือนร่างที่ทรงเสน่ห์ของเธอเอาไว้ได้เลย

จ้าวหยู่รู้สึกว่าตัวเขากำลังเริ่มร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ลำคอเขาแห้งผากราวกับคนกำลังขาดน้า

“นี่คือเรื่องบังเอิญจริง ๆ ใช่ไหมเนี่ย?” หญิงสาวส่ายหัว “ฮัวฮัวเพิ่งจะคุยกับฉันเรื่องชายหนุ่มข้างบ้านที่เป็นตำรวจแปลก ๆ ไปเอง แล้วคน ๆ นั้นก็คือคุณเนี่ยนะ!”

จ้าวหยู่ไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้ วันนั้นเขาปฏิบัติต่อฮัวฮัวแบบแปลก ๆ ไปก็จริง แต่นั่นก็แค่การแสดงเท่านั้น!

“ผมก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะเป็นคุณ” ในที่สุดจ้าวหยู่ก็แก้ความเข้าใจผิดนั้นได้ เขาเอ่ยถามเธอขึ้นมาอีกครั้งอย่างสงสัย “ครั้งก่อนเห็นอยู่กันแค่สี่คน ทำไมถึงไม่เห็นคุณอยู่ด้วยกันล่ะ?”

“อืม ก่อนอื่นเชิญนั่งลงก่อนสิคะ” เพราะความสัมพันธ์แบบพิเศษ เธอเลยลดการรังวังลงเพราะเธอมั่นใจในตัวจ้าวหยู่ที่เคยช่วยชีวิตของเธอเอาไว้

เธอเดินนำเขาเข้าไปที่ห้องนอนของเธอเองและให้จ้าวหยู่นั่งลงที่เตียงของเธอ

“เพราะที่นี่มีสาวสวยอยู่ด้วยกันห้าคนต่างหากล่ะ สามในห้าอาศัยอยู่ที่ชั้นล่างนี้ ฉันกับฮัวฮัวอาศัยที่ชั้นบนกันสองคน”

“โอ้…” ในที่สุดจ้าวหยู่ก็เข้าใจ เห็นได้ชัดว่าเพื่อนบ้านหลังนี้เช่าอาศัยกันอยู่แค่ที่ชั้นสองกับชั้นสาม เพราะชั้นแรกเป็นที่สำหรับเครื่องซักผ้า

“ชื่อของคุณก็คือจ้าวหยู่ใช่ไหมคะ?” เธอคว้าบุหรี่จากหัวเตียงแล้วยื่นให้เขา “ที่จริงแล้ว ในครั้งนั้นฉันไม่รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้นเลยจนกระทั่งตื่นขึ้นมา ฉันอยากจะขอบคุณคนที่ช่วยฉันเอาไว้แต่คุณก็รู้ว่าในตอนนั้นสถานการณ์ของฉันมันค่อนข้างที่จะ...”

“ฮง! เอ่อ อะไรกันนะ...อ่อ คุณหยางฮงใช่มั้ยครับ!” จ้าวหยู่เอ่ยชื่อใครบางคนที่เกี่ยวข้องกับคดีในครั้งนั้นขึ้นมา

“ใช่ค่ะ หยางฮง!” หญิงสาวยืนยันชื่อของตัวเธอเอง

จ้าวหยู่รับบุหรี่ถือเธอยื่นมาแต่ก็ไม่ได้จุดสูบมันแต่อย่างใด นับตั้งแต่ที่เขาได้สูบบุหรี่เพื่อเปิดดระบบปาฏิหาริย์แล้ว เขาก็ไม่ได้สนใจที่จะสูบมันอีก

หยางฮงพยายามที่จะจุดไฟให้จ้าวหยู่แต่เขาปัดมือปฏิเสธออกไปอย่างสุภาพ จนท้ายที่สุดเธอก็จุดมันสำหรับตัวเธอเอง

“อย่างไรก็ตาม ฉันต้องขอบคุณมากจริง ๆ นะคะ ถ้าวันนั้นฉันไม่ได้คุณช่วยเอาไว้ ฉัน…ฉันคงไม่รู้ว่าจะต้องไปเผชิญหน้ากับคนอื่นอย่างไร…” เธอพูดขึ้นมาจากใจจริง

จ้าวหยู่สัมผัสความเศร้าได้จากน้ำเสียงของหยางฮงและพยายามที่จะเปลี่ยนเรื่องหัวข้อสนทนาใหม่

“ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ แล้ววันนี้คุณไม่ออกไปไหนหรอกเหรอครับ?”

“ตั้งแต่เรื่องนั้น ฉันก็ยังรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อยที่จะออกไปข้างนอก” เธอพ่นควันขาวหม่นออกมาบาง ๆ “วันนี้ฉันตั้งใจที่จะนอนพักผ่อนอยู่ที่ห้องสักหน่อยแต่ก็มีเสียงตึงตังอะไรไม่รู้ดังขึ้นมาจนทำให้ฉันตื่นนี่แหละค่ะ”

เห็นได้ชัดว่าเสียงตึงตังนั้นมาจากเสียงทุบประตูของเสี่ยวเฉิน

หลังจากที่หยางฮงพูดจบ พวกเขาทั้งสองก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันต่อจนทำให้บรรยากาศภายในห้องเริ่มอึดอัดขึ้นมาอีกครั้ง

“เจ้าหน้าที่จ้าว!” เป็นฝ่ายหยางฮงที่พูดขึ้นมาทำลายความเงียบงันในครั้งนี้ “ฉันสงสัยอยู่เสมอเลยว่า วันนั้นที่บาร์ก็มีคนตั้งมากมาย ทำไมคุณถึงรู้ได้ล่ะคะว่า ฉันจะเป็นเหยื่อรายต่อไป?”

“นั่นก็เพราะ” จ้าวหยู่มีประสบการณ์ในด้านนี้ดี เขาสามารถจับใจความจากคำพูดของเธอได้

เขารู้ว่าเธอต้องการสื่ออะไร

เขายิ้มให้เธอก่อนจะตอบว่า “จากใจจริงเลยนะครับ วันนั้นผมถูกใจคุณมากที่สุด ไม่มีใครที่บาร์นั้นสวยเท่าคุณได้เลย ตัวคนร้ายก็อาจจะมีความคิดเช่นเดียวกันกับผมเข้าก็ได้ล่ะมั้ง”

หยางฮงยิ้มชอบใจในคำตอบ “ช่างปากหวานจริง ๆ นะคะ เจ้าหน้าที่จ้าว วันนี้จะเป็นโอกาสหายากนะ ถ้าฉันจะบอกว่าฉันจะไม่คิดค่าบริการ 3,000 หยวนนั้นและมอบให้คุณฟรี ๆ คุณจะทำอย่างไรกับข้อเสนอนี้เหรอคะ?” หยางฮงแสดงท่าทียั่วยวนออกมาไม่หยุด เธอส่งสายตาให้จ้าวหยู่

จ้าวหยู่เลื่อนมองรูปร่างที่เย้ายวนใจนั้น ฮอร์โมนความเป็นชายภายในตัวของเขากำลังวิ่งพล่านไม่หยุด แต่จ้าวหยู่ยังคงเก็บอาการของตัวเองเอาไว้ได้ดี

“แล้วคุณนอนที่อื่นที่ไม่ใช่โรงแรมสี่ดาวได้ด้วยหรอ”

หยางฮงถึงกับส่งเสียงหัวเราะออกมาในทันที หลังจากที่เธอหัวเราะจนพอใจ ก็โปรยเสน่ห์ใส่จ้าวหยู่กลับไปอีกครั้ง

“บางครั้งฉันก็อะลุ่มอล่วยให้ได้นะ อย่างเช่นที่นี่ ฉันคิดว่ามันก็ไม่ได้แย่สักเท่าไหร่ ช่วงบ่ายนี้ฮัวฮัวก็ยังไม่กลับเข้ามา นอกจากคุณจะไม่มีกุญแจไขเข้าห้องและกระโดดลงไปข้างล่าง คุณคงไม่มีวิธีกลับเข้าบ้านแบบอื่นได้หรอกจริงไหม?”

จ้าวหยู่ไม่สามารถกหยุดความตื่นเต้นภายในตัวเขาได้เลย ทันทีที่หยางฮงดับไฟบุหรี่ลง

จ้าวหยู่ไม่รอช้า เขารีบคว้าตัวเธอเข้ามาในอ้อมแขนทันที

มันเป็นเวลาที่ผ่านมาสักพักใหญ่ ๆ ได้แล้วที่เขาไม่ได้สัมผัสตัวผู้หญิงเลย ตอนนี้เขาเหมือนกับสัตว์ป่า ขณะที่เขาพลิกตัวหยางฮงให้ไปอยู่ที่ใต้ร่างเขาอย่างดุเดือด แต่เขาคงกระทำรุนแรงเกินไปหน่อย จนมือถือของหยางฮงเด้งตกจากเตียงลงไปที่พื้น

เสียงมันดังมากจนทำให้ทั้งสองคนหยุดความสนุกไปชั่วคราว

“ไอโฟนหกของฉันเอง โทษทีนะคะ” หยางฮงเลียริมฝีปากของเธอก่อนจะส่งเสียงพูดขึ้นมาอย่างเบา ๆ

จ้าวหยู่รีบยกร่างของตัวเองลงจากเตียงเพื่อมาหยิบดูสภาพไอโฟนเครื่องนั้น พบว่าโทรศัพท์ปลอดภัยดีไม่มีรอยขีดข่วนใด ๆ

เขาหยิบโทรศัพท์เครื่องนั้นขึ้นมาเพื่อหวังจะส่งคืนให้หยางฮง ทันใดนั้นหน้าจอก็สว่างขึ้นมาพร้อมโชว์รูปพักหน้าจอให้ได้เห็น

สิ่งนี้ทำให้สีหน้าจ้าวหยู่นิ่งไป เป็นเพราะรูปนั้นกำลังแสดงให้เห็นถึงภาพของหยางฮงที่นั่งอยู่หน้าเปียโนและกำลังเล่นอย่างตั้งใจ

‘เปียโน! อีกแล้ว!’ จ้าวหยู่คิดในใจ

“อะไรกัน? จำฉันไม่ได้อย่างงั้นหรอ?” หยางฮงชี้ไปที่รูปของตัวเธอเองบนโทรศัพท์ “ตอนนั้นฉันยังเรียนหนังสืออยู่เลย!”

“คุณ…คุณเล่นเปียโนเป็นด้วย!?” จ้าวหยู่ถามอย่างระมัดระวัง

“ฮ่าฮ่า…คาดไม่ถึงเลยล่ะสิ” หยางฮงตอบกลับไปอย่างภาคภูมิใจ

“เมืองฉินชานน่ะ ถูกเรียกว่าเมืองแห่งเสียงเปียโน เท่าที่ฉันจำความได้ คุณแม่พยายามบังคับให้ฉันเล่นแต่เปียโน นั่นเลยเป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันสามารถสอบเปียโนผ่านระดับสิบได้ตั้งแต่สมัยมัธยมและได้เข้าร่วมการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ที่ถูกจัดในเมืองฉินชานด้วยนะคะ”

หลังจากได้ยินเรื่องเล่าของเธอ จ้าวหยู่รู้สึกแปลกประหลาดขึ้นมาเล็กน้อย

“ถ้าอย่างนั้น...” เขาพยายามที่จะส่งเสียงถามออกไป แต่น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความสั่นเครือ “คุณได้เข้าร่วมการแข่งขันนั้นในปีที่เท่าไหร่?”

“ปีที่สิบน่ะ ทำไมเหรอคะ?” หยางฮงตอบออกไปนิ่ง ๆ

จ้าวหยู่เกิดอาการช็อกจนมือสั่น จนเขาเผลอทำให้ไอโฟนหกตกพื้นอีกครั้ง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด