629 - ตอบโต้ด้วยความโหดเหี้ยม
629 - ตอบโต้ด้วยความโหดเหี้ยม
การเปลี่ยนแปลงครั้งที่แปดของอาณาจักรแปลงมังกรเป็นบุคคลที่น่าสะพรึงกลัวมากเกินไป เพียงกลิ่นอายที่ฝ่ายตรงข้ามปล่อยออกมาก็อยู่ในระดับเดียวกับผู้สูงสุดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว
“สัตว์ร้ายตัวน้อย ถ้าวันนี้ข้าฆ่าเจ้าไม่ได้บิดาจะใช้แซ่ตามเจ้าเลย!”
ชายชราอีกคนหนึ่งที่อยู่ในขั้นการเปลี่ยนแปลงครั้งที่เจ็ดของอาณาจักรแปลงมังกรส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธในขณะที่ไล่ตามเย่ฟ่านอย่างไม่หยุดยั้ง
พวกเขาให้ความสนใจต่อร่างเซียนโบราณเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแต่สตรีศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นถูกส่งตัวมา แม้แต่บุคคลระดับผู้อาวุโสหลายคนก็ยังเข้าร่วมการไล่ล่าด้วย
ผู้บ่มเพาะจำนวนมากถูกรบกวนระหว่างทาง ทันทีที่พวกเขามองเห็นว่าคนที่กำลังไล่ล่ากันอยู่นั้นเป็นใครพวกเขาก็รีบกระจายข่าวออกไปอย่างรวดเร็ว
“ปีศาจเฒ่าระวังความชั่วร้ายของพวกเจ้าจะถูกเปิดเผย” เย่ฟ่านส่งเสียงตะโกนไปตลอดเส้นทาง
การไล่ล่าครั้งนี้กินเวลาไปหลายวัน พลังศักดิ์สิทธิ์ของเย่ฟ่านดูเหมือนจะไม่มีวันหมดในขณะที่ยอดฝีมือจากนิกายหยินหยางต่างก็เริ่มสิ้นหวังมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่คนกลุ่มนี้ได้สร้างความขัดแย้งกับเย่ฟ่านขึ้นมาแล้ว ต่อให้พวกเขาเหนื่อยยากมากแค่ไหนพวกเขาก็ยังคงไล่ตามต่อไป เพราะถ้าเย่ฟ่านรอดชีวิตไปได้ มันก็มีโอกาสสูงที่เขาจะรายงานเรื่องนี้ต่อราชาสวรรค์ผู้เฒ่า
ในช่วงเวลานี้มีผู้คนมากมายติดตามการไล่ล่าครั้งนี้ แน่นอนว่าคนที่สามารถตามความเร็วของพวกเขาได้ย่อมเป็นบุคคลระดับผู้สูงสุดจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น
เย่ฟ่านบินเข้าไปในถิ่นทุรกันดารอย่างต่อเนื่องด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีวันหมดในร่างกายของเขามันทำให้ยอดฝีมือของนิกายหยินหยางต่างก็เหนื่อยล้าทั้งกายใจ
คนของนิกายหยินหยางได้เปลี่ยนเครื่องรางสายฟ้าไปแล้วเจ็ดหรือแปดครั้ง แต่กระนั้นเย่ฟ่านก็ดูเหมือนจะยังไม่มีความเหน็ดเหนื่อยแม้แต่น้อย
“เย่ฟ่านหากเจ้าไม่หยุดอาการบาดเจ็บของเจ้าอาจจะกำเริบและตายลงทันที” สตรีศักดิ์สิทธิ์หยินหยางกล่าวด้วยความสิ้นหวัง "แม้ว่าเราตั้งใจที่จะกักขังเจ้าไว้ แต่เราจะไม่ทำร้ายชีวิตของเจ้าอย่างแน่นอน”
เย่ฟ่านเพิกเฉยต่อคำพูดพวกนี้ ในวันที่สามในที่สุดเขาก็ได้ยินข่าวลือบางอย่าง
นิกายหยินหยางจากภาคกลางได้ขโมยเด็กหญิงที่มีพรสวรรค์มากมายจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์และนิกายต่างๆเพื่อให้กลายเป็นสาวกของตัวเอง
แน่นอนว่าข่าวเรื่องนี้ต้องมาจากผังป๋อและคนอื่นๆที่หนีรอดไปได้ เย่ฟ่านเร่งจึงเร่งความเร็วขึ้นอีกครั้ง
ระหว่างทาง เขาก็ได้ยินข่าวเพิ่มเติม หลายนิกายสูญเสียทายาทที่มีพรสวรรค์ ไม่ว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับนิกายหยินหยางหรือไม่ หม้อดำ(มลทิน)ใบนี้นิกายหยินหยางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องแบกรับไว้
เย่ฟ่านอดหัวเราะไม่ได้ เมื่อข่าวลือเริ่มหนาหูขึ้นยอดฝีมือของดินแดนศักดิ์สิทธิ์มากมายต่างก็ออกไล่ล่าสาวกของนิกายหยินหยางเช่นกัน
วันที่ห้า เย่ฟ่านบินกลับเมืองอย่างสง่าผ่าเผยโดยที่กลุ่มผู้ไล่ล่าของเขาต่างไม่กล้าปรากฏตัวออกมาอย่างเปิดเผยเหมือนไม่กี่วันก่อนแล้ว
“ระวังให้ดีอย่าให้ข้าจับตัวเจ้าได้!” ชายชราที่อยู่ในขั้นการเปลี่ยนแปลงครั้งที่แปดของอาณาจักรแปลงมังกรส่งเสียงจากเงามืด
“พวกเจ้าขโมยลูกหลานของตงหวงไปเป็นสาวกของตัวเองอย่างหน้าด้าน ครั้งนี้พวกเจ้ายังไล่ตามข้าโดยปราศจากความละอาย หรือพวกเจ้าคิดว่าพวกเราชาวตงหวงสามารถรังแกได้ง่ายๆ!?” เย่ฟ่านได้ตอบกลับ
“เจ้าสัตว์ร้ายน้อย เจ้าพูดอะไรไปก็ไร้ประโยชน์ มาดูกันว่ากระดูกเซียนของเจ้าจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน ข้าจะทุบมันให้แหลกละเอียด!” ชายชราคนนั้นยังคงวนเวียนอยู่รอบๆโดยไม่แยกตัวไปไหน
"ผู้เฒ่าเจ้าโกรธอีกแล้ว ระวังเส้นเลือดในสมองของเจ้าจะแตกจนกลายเป็นคนปัญญาอ่อนนะ” เย่ฟ่านยังคงยั่วยุต่อไป
แต่ทันใดนั้นเย่ฟ่านก็หยุดการเคลื่อนไหวในทันทีเพราะเขาได้ยินเสียงของจักรพรรดิดำแล้ว
“ในที่สุดก็ถึงสักที” เย่ฟ่านหันกลับมาด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าหมายถึงอะไร?” สตรีศักดิ์สิทธิ์หยินอุทานด้วยความตกใจ
อย่างไรก็ตามทุกอย่างสายไปแล้วเพราะหมอกสีดำเข้มปกคลุมทั่วทั้งพื้นที่อย่างรวดเร็ว
พื้นที่ที่กลุ่มของผู้คนจากนิกายหยินหยางซ่อนตัวอยู่ถูกบีบเข้าหากันก่อนจะกลายเป็นกรงขังเล็กๆที่พวกเขาไม่สามารถดิ้นรนหลบหนีได้
“ฮ่าฮ่า...” ผังป๋อหัวเราะและเดินออกมา
สุนัขดำตัวใหญ่ก็ยิ้มเยาะจนปากฉีกถึงโคนหู นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาตกลงกันไว้ก่อนที่จะแยกจากกันในโรงเตี๊ยม และในที่สุดแผนการก็เป็นไปด้วยดี
“บูม!”
ผู้คนจากนิกายหยินหยางเริ่มทำลายกรงขังด้วยความโกรธ แต่ในเวลาอันสั้นมันไม่มีทางที่พวกเขาจะทำลายค่ายกลของจักรพรรดิดำซึ่งสามารถขังได้แม้แต่ผู้สูงสุด!
"คนพวกนี้มีพลังมากเกินไปพวกเราควรจะฆ่าพวกมันทันที" จักรพรรดิสีดำส่ายหัว
“ข้ามีแผนการบางอย่าง!”
เย่ฟ่านเปิดค่ายกลและดึงตัวของสตรีศักดิ์สิทธิ์หยินออกมา จากนั้นเขาก็ขังนางไว้ในน้ำเต้าก่อนจะเดินทางออกจากสถานที่แห่งนี้ไปไกลกว่าหมื่นลี้
ผ่านไปหลายชั่วยามในที่สุดเย่ฟ่านก็กลับมาพร้อมกับเปลวไฟระดับแปดที่เขาลงทุนลงแรงไปเอามาจากเขตเปลวไฟด้วยตนเอง
“ปีศาจเฒ่าทั้งหลาย พวกเจ้าชอบเนื้อย่างหรือไม่!”
เย่ฟ่านตะโกนเสียงดัง จากนั้นเปลวไฟระดับแปดก็ถูกโยนเข้าไปในค่ายคนซึ่งกักขังผู้อาวุโสของนิกายหยินหยางไว้
“บูม!”
เปลวเพลิงพุ่งขึ้นไปในอากาศ และเสียงกรีดร้องอันน่าสะพรึงกลัวก็ดังก้องไปทั่วขุนเขา
เปลวไฟชนิดนี้แม้กระทั่งระดับห้าเย่ฟ่านก็ยังเคยใช้มันเผาผู้สูงสุดของตระกูลจี้จนตายมาแล้วนับประสาอะไรกับยอดที่มืออาณาจักรแปลงมังกร
ในระยะไกลทุกคนที่เฝ้าดูเหตุการณ์ต่างๆตกตะลึง เย่ฟ่านต้องการเผายอดฝีมือระดับผู้อาวุโสกลุ่มใหญ่ให้ตายง่ายๆแบบนี้จริงๆ!
“อา...”
ชายชราจากนิกายหยินหยางกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนที่เสียงร้องของพวกเขาจะเบาลงเรื่อยๆจนกระทั่งหายไป
หลังจากนั้นเย่ฟ่านก็โยนสตรีศักดิ์สิทธิ์หยินออกมาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ส่วนเจ้าข้าต้องฆ่าด้วยมือของตัวเองไม่อย่างนั้นความแค้นของข้ายากที่จะสงบลงได้!” เย่ฟ่านเดินไปข้างหน้าด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม
ผังป๋อและจักรพรรดิดำก็ปิดกั้นสถานที่เพื่อป้องกันไม่ให้นางหลบนี้
“พวกเจ้าจะทำเรื่องโหดร้ายแบบนี้จริงๆ”
สตรีศักดิ์สิทธิ์หยินหน้าซีด ผู้อาวุโสของนิกายทั้งหมดได้ตายไปแล้ว แม้ว่านางจะไม่เห็นด้วยตาของตัวเอง แต่ร่องรอยของเปลวไฟที่เหลืออยู่ก็ทำให้นางหวาดกลัวถึงขีดสุด
“แม่นางเจ้ารังแกข้ามาหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้ถึงตาข้าบ้าง!”
เย่ฟ่านกระแทกฝามือออกไปตรงๆโดยไม่คิดจะใช้เล่ห์เหลี่ยมใดๆ หญิงสาวคนนี้เป็นเพียงยอดฝีมืออาณาจักรแปลงมังกรระดับเริ่มต้น ต่อให้นางแข็งแกร่งกว่านี้สองเท่าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอย่างแน่นอน
“ปัง”
สตรีศักดิ์สิทธิ์หยินหยางถูกกระแทกจนกระเด็นออกไปไกลกว่าสิบลี้ ใบหน้าของนางซีดขาวไร้สีเลือด และตอนนี้นางกระอักเลือดออกมาไม่หยุด
“พวกเจ้าแน่มาก...” สตรีศักดิ์สิทธิ์หยินเหน็บแนมด้วยความโกรธ
“บูม!”
เย่ฟ่านเหวี่ยงแส้ศักดิ์สิทธิ์ทุบความว่างเปล่าเพื่อทำการเฆี่ยนตีวิญญาณของนางอย่างรุนแรง
“โกรธแค้นแล้ว? ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าจะจับตัวข้าไปสกัดเลือดไม่ใช่หรือ ความกล้าหาญของเจ้าไปไหนหมด?” เย่ฟ่านเฆี่ยนวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของหญิงสาวอีกครั้ง
ปัง!
ในขณะนั้นมือของสตรีศักดิ์สิทธิ์หยินก็เหวี่ยงทรายหลากสีเข้าหาเย่ฟ่านโดยไม่ทันตั้งตัว
“อย่าแตะต้องทรายเหล่านั้น!” สุนัขดำตัวใหญ่ร้องด้วยความตกใจ
เย่ฟ่านถอยออกมายืนในระยะไกล แม้เขาจะไม่รู้ว่าของสิ่งนั้นคืออะไร แต่น้ำหนักมันมากมายมหาศาลของเม็ดทรายก็ฉีกความว่างเปล่าให้พังทลายลงอย่างรุนแรง
“นี่คือทรายดาวที่เป็นผลงานของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ พวกมันแต่ละเม็ดล้วนถูกสร้างขึ้นมาจากดวงดาวทั้งสิ้น!” จักรพรรดิดำอธิบายด้วยท่าทางสง่างาม