CD บทที่ 30 จะมีใครบ้าบอเท่าฉัน
*ปัง! ปัง! ปัง!*
ในช่วงเวลาเช้าตรู่ มีใครบางคนกำลังเคาะประตูห้องจ้าวหยู่อย่างเกรี้ยวกราด
จ้าวหยู่ยังคงไล่ตามใครบางคนในความฝันของเขา เสียงเคาะประตูที่กำลังรบกวนก็ส่งเสียงดังขึ้นต่อเนื่องเรื่อย ๆ เขาเลียริมฝีปากก่อนที่จะกลิ้งตัวไปมาเพราะความรำคาญและบ่นขึ้นมาว่า
“นั่นใคร หนวกหู...” เขายังไม่ได้ตื่นขึ้นมาอย่างเต็มที่เท่าไหร่นัก
“จ้าวหยู่! ไอ้คนเฮงซวย! หนูรู้นะว่าคุณยังอยู่ข้างในห้องน่ะ! เปิดประตูเดี๋ยวนี้!!” เสียงเคาะประตูห้องอย่างหนักพร้อมกับเสียงตะโกนยังดังขึ้นไม่หยุดอยู่ภายนอก
‘เจียงเสี่ยวเฉิน! เดี๋ยว!! ทำไมเธอถึงมาที่นี่กัน?’ จ้าวหยู่คิด เขาหันไปมองนาฬิกาตัวเอง “นี่เพิ่งจะตีห้าครึ่ง! ทำไมถึงมาเช้าขนาดนี้ ยัยเด็กนั่นต้องการอะไร…โอ้ ไม่นะ!”
จ้าวหยู่นึกเรื่องราวของการประชุมผู้ปกครองเมื่อวานขึ้นมาได้ ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถหาเบาะแสเพิ่มเติมในคดีมาได้พร้อม ๆ กันโดยบังเอิญ แต่เขาก็สร้างปัญหาทิ้งไว้ให้เสี่ยวเฉินด้วยเหมือนกัน!
เขาทำลายการประชุมผู้ปกครองที่ทางโรงเรียนอุตส่าห์เตรียมขึ้นมาอย่างอุตสาหะและเกือบต้องเรียกรถพยาบาลมารับคุณแม่ของชานชานอีกด้วย!
เขาตั้งใจจะอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดกับเสี่ยวเฉินอยู่แล้วแต่เขาก็หมกมุ่นไปกับการสืบคดีจนเผลอลืมมันไป
หลังจากเรื่องราวที่เกิดขึ้น เสี่ยวเฉินพยายามโทรหาเขาอยู่หลายครั้งแต่เขาไม่กล้าพอที่จะรับสายเธอ เด็กหญิงคนนั้นส่งข้อความมาบ่นเขามากมาย ในข้อความที่ส่งมาเธอบอกว่าจะเปิดเผยความลับของพวกเขาทั้งสองคนและเขาต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย!
จ้าวหยู่วางแผนที่จะแก้ปัญหาในวันนี้เอาไว้แล้วแต่เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าเด็กสาวจะมาเคาะห้องประตูเขาแต่เช้าแบบนี้ เขาสัมผัสได้ถึงความโกรธผ่านเสียงเคาะประตูและคำก่นด่ามากมายนากภายนอก
เขาอยากจะลุกไปเปิดประตูให้ซะเดี๋ยวนี้ แต่อีกด้านในใจของเขาก็บอกว่าอย่าเปิดดีกว่า เนื่องจากพ่อแม่ของเธออยู่ชั้นล่างนี่เอง
“เราเป็นผู้ชายที่มีแค่บ็อกเซอร์ตัวเดียว ถ้าปล่อยให้เด็กผู้หญิงเข้ามาในห้องและเกิดมีใครบางคนเห็นเข้าละก็ ฉันจะไม่สามารถอธิบายความเข้าใจผิดนั้นได้เลย! ไม่มีทาง! ประตูบานนี้จะไม่มีทางเปิดอย่างแน่นอน!!” เขาตัดสินใจที่จะไม่เปิดประตูอย่างเด็ดขาด
“จ้าวหยู่! หนูรู้นะว่าคุณอยู่ข้างใน เลิกแกล้งทำเป็นไม่อยู่แล้วมาเปิดประตูเดี๋ยวนี้!!” เสี่ยวเฉินยังคงอาละวาดไม่หยุดอยู่ด้านนอก
จ้าวหยู่ทำได้แค่เพียงกอดหมอนและพยายามคุมเสียงลมหายใจให้เบาที่สุด เขาไม่เคยหวาดกลัวที่จะต้องต่อสู้กับใครก็ตามแต่ตอนนี้เขากำลังกลัวเสี่ยวเฉินเข้าจริง ๆ!
ความจำเป็นที่เขาต้องไปแกล้งเป็นพ่อให้กับเธอทำเขาปั่นป่วนไปหมด
“ได้! จ้าวหยู่ คุณจะเอาแบบนี้ใช่ไหม!” เสียงตะโกนของเธอยังดังอยู่ข้างนอกพร้อม ๆ กับเสียงโลหะอะไรสักอย่างกระทบกัน “อย่าลืมนะว่าบ้านหลังนี้เป็นของใคร ห้องทุกห้องมีกุญแจสำรองหมดนั่นแหละ! เดี๋ยวหนูไขประตูเข้าไปเองก็ได้!” เสี่ยวเฉินไม่ได้แค่จะพยายามขู่จ้าวหยู่เท่านั้นแต่เธอกำลังเสียบกุญแจเพื่อเปิดประตูห้องเขา
“ให้ตายสิ!” เมื่อเห็นว่าประตูกำลังจะถูกเปิด จ้าวหยู่รับรู้ได้ถึงสถานการณ์เลวร้ายที่กำลังมาเยือน
เขากลิ้งตัวไปมาจนเผลอตกเตียง มองซ้ายขวาเพื่อพยายามจะหาที่ซ่อนแต่ก็ไม่มีที่ไหนเลยที่พอจะซ่อนตัวได้
เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เขาตัดสินใจเปิดประตูไปที่ระเบียงห้องก่อนจะกระโดดข้ามไประเบียงอื่น
ช่วงวินาทีที่จ้าวหยู่กระโดดหนีไปเป็นช่วงเดียวกันพอดีกับที่เสี่ยวเฉินเปิดประตูเข้ามาพอดี
“คิดว่าจะหลบหน้าหนูได้ง่าย ๆ อย่างงั้นเหรอ!?” เด็กหญิงโผล่หน้าเข้ามาที่ห้องเป็นอันดับแรก “เอาล่ะ เลิกเล่นซ่อนแอบกันได้แล้ว ออกมาซะดี ๆ เรามีเรื่องสำคัญที่ต้องคุยกัน!”
เมื่อเด็กหญิงมองไม่เห็นใครสักคนภายในห้อง เธอจึงเริ่มค้นหาเขาในทันที ขณะที่เธอกำลังหาตัวจ้าวหยู่ภายในห้องอยู่นั้น ประตูที่ระเบียงก็เปิดออกเพราะใครบางคนไม่ได้ปิดสนิท
“เขาหนีไปไหนได้งั้นเหรอ?” เด็กหญิงรีบไปสำรวจที่ระเบียงด้านนอกอย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่พบใคร “แปลกมาก” เสี่ยวเฉินมองซ้ายแลขวาสำรวจไปรอบ ๆ ก่อนจะพูดพึมพำกับตัวเอง “หรือว่าเขาจะไม่อยู่ที่ห้องจริง ๆ เป็นไปไม่ได้ ก็เมื่อคืนเรายังได้ยินเสียงคนไอดังจากบนห้องอยู่เลย ทำไมเขาถึงหายตัวไปแล้ว? หรือว่าเขาจะไปทำคดีใหญ่อยู่จริง ๆ?”
เธอกลับเข้ามาภายในบ้านและตรวจสอบดูให้แน่ใจอีกครั้ง หลังจากนั้นเสียงประตูปิดได้ดังขึ้นมา
จ้าวหยู่โผล่หน้าเข้ามาสังเกตการณ์ในห้องผ่านตัวระเบียง เขายังไม่แน่ใจว่าเสี่ยวเฉินได้ออกไปจากห้องหรือยัง เขาเลยยังไม่กล้าขยับและส่งเสียงอะไรมาก เขาเฝ้ารออยู่บนระเบียงของสี่เพื่อนบ้านสาวแสนสวย เขาก้มหัวลงต่ำเพื่อไม่ให้ใครสังเกตเห็นเขาได้
จ้าวหยู่นึกได้ว่าในช่วงเวลาแบบนี้ ตัวต้าเฟิงและภรรยาอาจจะออกไปตลาดข้างนอกเพื่อไปหาผลไม้มาวางขายที่หน้าร้าน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเสี่ยวเฉินถึงกล้าขึ้นมาหาเขาที่ห้องแบบนี้ได้!
ถ้าเขาคิดถึงเรื่องนี้ได้ก่อนหน้านี้แล้วล่ะก็ เขาคงไปเปิดประตูและนั่งพูดคุยกับเธอดี ๆ และคงจะไม่มาอยู่ในสภาพที่น่าอับอายแบบนี้!
เขาต้องการที่ล้างพวกฝุ่นผงต่าง ๆ บนตัวของเขาออกไปและเขาเพิ่งคิดได้ว่าสภาพตัวเองตอนนี้ช่างน่าอับอายมากแค่ไหน เขาสวมแค่เพียงบ็อกเซอร์เท่านั้น แม้แต่รองเท้าแตะก็ยังไม่ได้ใส่เลย
“ให้ฉันได้ไปอาบน้ำก่อนเถอะนะ!” จ้าวหยู่ค่อย ๆ คิดไปพร้อม ๆ กับปีนระเบียงกลับมาฝั่งห้องตัวเอง แล้วก็ต้องตกใจกับบางอย่างที่เสี่ยวเฉินทำเอาไว้ ในที่สุดการผจญภัยในวันนี้ของเขาก็เริ่มต้นขึ้นอย่างแท้จริง เพราะเสี่ยวเฉินได้ทำการล็อคประตูเข้าห้องเขาจากด้านในไปแล้วเรียบร้อย
“อ๊าก!”
*ตึง! ตึง!*
จ้าวหยู่พยายามดึงเข้าดึงออกประตูอยู่หลายครั้งแต่ประตูก็ไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด เขาพยายามหาทางเข้าอื่น ๆ จากหน้าต่างแทนแต่หน้าต่างเป็นแบบป้องกันขโมยทำให้ไม่สามารถทำอะไรได้เช่นกัน
“โธ่เว้ย! ให้ตายเถอะ! อะไรกันวะเนี่ย!!” จ้าวหยู่เกาศีรษะไปมาอย่างช่วยไม่ได้ เขาเริ่มส่งเสียงสาปแช่งเสี่ยวเฉินภายในใจ
เด็กผู้หญิงคนนั้นเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมมากมาย เธอต้องรู้อยู่แล้วแน่ ๆ ว่าจ้าวหยู่อยู่ที่ระเบียงอีกฝั่งหนึ่ง เธอเลยทำการล็อคประตูเพื่อไม่ให้เขากลับเข้าห้องได้!
“โธ่เว้ย!”
ตอนนี้เขาอยู่ที่ระเบียงชั้นสาม ตัวระเบียงยื่นออกมาจากส่วนภายในห้อง มีตาข่ายสำหรับป้องกันการโจรกรรมอยู่ด้วย ถ้าเขาปีนตาข่ายพวกนี้กระโดดลงไปข้างล่าง มันอาจจะเป็นเหตุการฆ่าตัวตายที่ไม่ค่อยน่าดูสักเท่าไหร่
ภายในใจจ้าวหยู่รู้สึกกระวนกระวายไม่หยุด วันนี้เขามีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องไปทำสำหรับการสืบคดีแต่ตอนนี้แค่จะกลับเข้าไปในห้องตัวเองเขายังไม่สามารถทำได้เลย!
อย่างน้อยถ้าเขาพกโทรศัพท์มือถือติดตัวมาด้วย เขาก็อาจจะโทรไปขอความช่วยเหลือได้บ้างแต่โทรศัพท์เครื่องนั้นก็ดันอยู่ในห้องที่ถูกล็อคเอาไว้ แล้วแบบนี้เขาจะขอความช่วยเหลือจากใครได้?
เขาเดินไปรอบ ๆ ระเบียงเพื่อหาทางกลับเข้าไปข้างใน ในที่สุดเขาก็จ้องมองไปที่ประตูของระเบียงข้าง ๆ และตัดสินใจที่จะลองเสี่ยงโชคในครั้งนี้ดู
“ฉันจะต้องกลับเข้าไปในห้องให้ได้!”
จ้าวหยู่ตัดสินใจที่จะใช้วิธีเข้าบ้านจากประตูระเบียงถัดไปของตึกแถวหลังนี้ ประตูของทั้งสองบ้านจะอยู่ติดกัน ถ้าเขาสามารถออกไปทางประตูหลักของฝั่งเพื่อนบ้านได้ เขาก็จะสามารถเข้าประตูหลักของฝั่งบ้านตัวเขาได้
ถึงแม้ว่าฝั่งตรงข้ามบ้านจะเป็นสี่สาวแสนสวยก็ตาม จ้าวหยู่รู้ดีว่าพวกเธอเป็นผีเสื้อกลางคืนที่ไม่ได้ใช้เวลาช่วงกลางคืนอยู่ที่บ้านสักเท่าไหร่ ดังนั้นถ้าเป็นในเวลาแบบนี้จะต้องไม่มีใครอยู่ที่บ้านหลังนั้นแน่นอน
จ้าวหยู่ภาวนาอยู่ภายในใจขอให้ประตูของฝั่งเพื่อนบ้านไม่ได้ถูกล็อคเอาไว้ เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ และข้ามไปยังอีกฝั่งของระเบียงบ้านด้วยวิธีเดียวกันกับก่อนหน้านี้
เขาพยายามเปิดประตูนั้นอย่างเบา ๆ แล้วก็สำเร็จ ประตูไม่ได้ถูกล็อคเอาไว้แต่อย่างใด!
ภายในห้องถูกตกแต่งแบบเดียวกันกับห้องของจ้าวหยู่ ตัวระเบียงจะถูกยื่นออกมาจากส่วนของห้องนอน ในช่วงเวลานั้น ภายในห้องมีกลิ่นที่ค่อนข้างรุนแรงอย่างมาก
มันเป็นกลิ่นที่ชวนเย้ายวนและหลงใหลในแบบของผู้หญิง จ้าวหยู่รู้สึกคุ้นเคยกับกลิ่นนี้มาก่อน เป็นไปได้ว่ามันอาจจะเป็นกลิ่นเดียวกันกับกลิ่นที่ฮัวฮัวที่เขาเคยเจอก่อนหน้านี้
ผ้าม่านในห้องถูกดึงลงมาจนหมด จ้าวหยู่เกรงว่าจะมีใครบ้างคนอยู่ที่นี่ เขาเลยแอบมองไปบนเตียงที่ดูยุ่งเหยิง กว่าครึ่งของผ้าห่มถูกทำให้ตกลงมาจากเตียงนอน เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครกำลังนอนอยู่บนเตียงนั้น
จ้าวหยู่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขารีบพาตัวเองออกจากห้องนอนนั้นและมุ่งหน้าไปที่ห้องนั่งเล่นทันที
ที่ห้องนั่งเล่นบนผนังกำแพงมีโทรทัศน์เปิดเอาไว้อยู่ ถัดไปเป็นประตูกระจกซึ่งก็คือทางเข้าห้องน้ำ
ทันใดนั้นเอง ขณะที่จ้าวหยู่กำลังรีบก้าวออกจากห้องนั่งเล่นนั้นไป ก็มีเสียงเปิดน้ำดังขึ้นและก่อนที่จ้าวหยู่จะได้ทำอะไร ประตูห้องน้ำบานนั้นก็เปิดออก ห้องนั่งเล่นถูกทำให้สว่างขึ้นมาจากแสงไฟภายในห้องน้ำ
หญิงสาวรูปร่างอรชอนกำลังเดินเช็ดผมออกมาและพบกับจ้าวหยู่ที่หน้าห้องน้ำพอดี
“กรี๊ดดด!!” เสียงกรี๊ดดังลั่นสนั่นไปทั่งห้องนั่งเล่น