เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 130
ตอนที่ 130
ในยามที่หลินซวนนำเอาสมบัติชิ้นนี้ออกมา สีหน้าของเขาจริงจังและการเคลื่อนไหวของเขาระมัดระวังยิ่ง เขารู้สึกว่าตนเองทะนุถนอมและประคองมันอย่างเบามือยิ่งกว่าตอนที่นำเอาหม้อสามขาทมิฬดับสวรรค์เก้าชั้นฟ้าออกมานับพันเท่า
“นั่นมันอะไรกัน?” บรรพชนหลินหรี่ตาลง แต่เมื่อสายตาของเขาจับจ้องไปที่วัตถุชิ้นนั้นอย่างชัดเจน เขาก็นิ่งค้างไปทันที
รูปแบบอักขระจิ๋วนับไม่ถ้วนราวกับเป็นเม็ดทรายเต็มท้องทะเลถูกจารึกลงในโลหะชิ้นนั้น ทุกส่วนช่างเล็กจ้อยและเชื่อมต่อกัน มันให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่และล้ำลึกแก่ผู้คนที่พบให้ ราวกับว่ามันซ่อนห้วงจักรวาลและความจริงทั้งหมดของโลกเอาไว้!
โลหะชิ้นนี้มิได้ดูเหมือนกับสมบัติที่ตกทอดมาแต่สมัยปฐมกาลแต่อย่างใด ทว่าเป็นห้วงจักรวาลแท้จริงด้วยตัวของมันเอง ผู้คนสามารถมองเห็นภาพของเทพเจ้าและปิศาจนับไม่ถ้วน รวมทั้งเหล่ามังกรและกิเลนกำลังคำรามแข่งกันอย่างบ้าคลั่ง!
บรรพชนแซ่หลินหลับตาลงในทันที เพราะว่าแค่เพียงชั่วพริบตาที่เขาได้จ้องมองวัตถุนั้นก็ราวกับว่าเขาได้ท่องผ่านกาลเวลานับอนันต์ และไปปรากฏตัวในยุคปฐมกาล นั่นทำให้ดวงตาของเขาเจ็บปวดเล็กน้อย จึงทำได้เพียงถอนสายตาออกมาเท่านั้น
นี่ทำให้บรรพบุรุษสกุลหลินประหลาดใจยิ่งนัก โลหะชิ้นเล็กจิ๋วนั้นคือสิ่งใด? มันเป็นเพียงชิ้นส่วนขนาดย่อม เหตุใดจึงทรงพลังมากมายถึงเพียงนี้?
“มันควรจะเป็นชิ้นส่วนหนึ่งของม้วนคัมภีร์ขอรับ” หลินซวนอธิบายแก่บรรพบุรุษของตน
“ม้วนคัมภีร์?” บรรพชนหลินรู้สึกไร้คำพูดอยู่บ้าง ไม่ว่าเขาจะเพ่งมองมันอย่างไร มันก็ดูเป็นเพียงแผ่นโลหะแผ่นหนึ่งเท่านั้น มันไม่ควรจะเป็นอะไรก็ตามที่สามารถเรียกว่าม้วนคัมภีร์ได้แม้แต่น้อย มิใช่หรือ?
“สิ่งนี้เรียกว่า ภาพเขียนห้าเมล็ดพันธุ์ดาราจักร ทว่าสิ่งสำคัญมิใช่ชิ้นส่วนนี้เรียกว่าอะไร บรรพบุรุษ ท่านยังมิได้ค้นพบความล้ำลึกบางประการที่เก็บซ่อนอยู่ชิ้นส่วนนี้หรอกหรือ?” หลินซวนเอ่ยถามด้วยเสียงต่ำ
เมื่อบรรพชนสกุลหลินได้ยินหลินซวนถามเช่นนั้น เขาก็ขมวดคิ้วและเริ่มสังเกตชิ้นส่วนโลหะนี้อย่างช้าๆ ด้วยต้องการจะมองเห็นความลึกล้ำที่ว่า
ทว่า ไม่ว่าเขาจะพยายามเพียงใดก็มิสามารถมองเห็นสิ่งใดที่เป็นประโยชน์ได้แม้จะใช้เวลาอยู่นานพอตัว ท้ายที่สุด หลินซวนจึงได้เอ่ยออกมาอย่างช่วยมิได้
“บรรพบุรุษ ท่านมิได้มองเห็นหรือว่ามีค่ายกลที่มหัศจรรย์เพียงใดซ่อนอยู่ภายในชิ้นส่วนนี้?”
“ค่ายกลเช่นนั้นหรือ?” บรรพชนตระกูลหลินครุ่นคิด เขาเองก็เป็นยอดฝีมือผู้หนึ่งซึ่งมีพรสวรรค์ในด้านการศึกษาค่ายกลมิใช่น้อย อย่างไรก็ตาม บัดนี้ ไม่ว่าเขาจะพยายามเพ่งมองเพียงใด เขาก็ไม่สามารถบอกได้ว่ามีค่ายกลรูปแบบไหนซ่อนอยู่ในชิ้นส่วนนั้น
หลินซวนพยักหน้าและกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“นี่คือสมบัติล้ำค่ายิ่งที่เกิดขึ้นในสมัยปฐมกาล แค่เพียงนามเรียกขานของมันก็มากพอที่จะบ่งบอกถึงปาฏิหาริย์ที่มันสามารถสร้างขึ้นมาได้แล้วขอรับ”
“ถึงแม้ว่าข้าจะได้รับมาเพียงชิ้นส่วนเดียวเท่านั้นในตอนนี้ ทว่าความทรงพลังของมันก็ย่อมมิได้สามัญ ข้าคิดว่าค่ายกลที่แฝงอยู่ในสมบัติชิ้นนี้ก็มีอำนาจมากเพียงที่จะจัดการกับราชวงศ์อมตะ!”
หลังจากได้ยินประโยคนั้น บรรพบุรุษแซ่หลินลังเลอยู่ชั่วขณะ ก่อนท้ายที่สุดจะส่งเสียงออกไปเรียกให้เหล่าอาวุโสของตระกูลเข้ามาพบตน
เพียงชั่วครู่ต่อมา หลินเปาและตาแก่สกุลหลินจำนวนหนึ่งก็ทะยานร่างมาอย่างรวดเร็ว เมื่อพวกเขาไปเห็นหลินซวนที่สบายดี พวกเขาก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขใจ
“ฮ่าๆๆๆ ซวนเอ๋อร์ เจ้าปลอดภัย!”
ตาเฒ่าเปาหัวเราะลั่นและพุ่งเข้ามาอุ้มหลินซวนตัวน้อยทันที
“ตกลงแล้วมันเกิดอันใดขึ้น? ซวนเอ๋อร์ เจ้าต้องบอกกล่าวแก่พวกเราให้ครบถ้วนในคราวนี้!”
หลินซวนเองก็รู้สึกช่วยไม่ได้อยู่บ้าง เขาทำได้เพียงผลักศีรษะของหลินเปาออกไปด้วยกำลังทั้งหมดที่มี และหันกลับไปพูดคุยกับบรรพชนหลินอีกครั้ง
หลังจากผ่านไปพักใหญ่
“ย่อมได้ เป็นค่ายกลแบบใดที่เจ้าต้องการจะใช้งาน แล้วมันต้องการทรัพยากรแบบใดบ้าง?” ตาแก่เปาตบหน้าอกตัวเองราวกับบ่งบอกว่า ข้านี่แหละจะช่วยเจ้าจัดการเอง
หลินซวนมิได้ขบคิดนานนัก เขาเอ่ยรายชื่อสิ่งของที่เขาต้องการออกมา
ในครึ่งปีที่ผ่านมานี้ หลินซวนไม่เพียงจะใช้เวลาของตนเพื่อบ่มเพาะเท่านั้น เขาเองก็อ่านตำรามากมายและรับรู้ถึงสรรพคุณและชื่อเรียกของสมบัตินับไม่ถ้วน
“ศิลาเปลวเพลิงเทา ไผ่ตาข่ายขนหยก ทรายดาราไข่สีรุ้ง หญ้าหยกสารท วิญญาณทะเลคลั่ง....”
ในตอนแรก เหล่าอาวุโสทั้งหลายยังคงสงบนิ่งได้อยู่ ทว่ายิ่งฟังไปนานเข้า พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง
มิใช่ว่า ทรัพยากรที่ทารกน้อยต้องการนั้นดูจะมากเกินไปหน่อยหรือ?
หลังจากที่หลินซวนกล่าวชื่อของทรัพยากรทั้งหมดที่เขาต้องการออกมา หลินเปาและตาแก่คนอื่นก็เบิ่งตากว้างและไร้คำจะเอ่ย
นั่นมันคือสมบัติจำนวนมหาศาล เป็นค่ายกลชนิดใดกันที่กำลังจะสร้างขึ้น? เหตุใดต้องการสิ่งของมากมายเพียงนี้?
“อืม... นี่เป็นเพราะว่าข้าเกรงว่าผลลัพธ์ของมันจะไม่มากพอ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม พวกเราควรสร้างค่ายกลนี้ด้วยความระมัดระวังและใส่ใจ ยังมีอีกฝ่ายสิ่งที่ข้าเองไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน และไม่แน่ใจว่าต้องใช้สิ่งใดทดแทน” หลินซวนอธิบายให้ตาแก่ทั้งหลายได้รับฟัง
ตาเฒ่าทั้งหลายมิรู้เลยว่าต้องพูดอย่างไร พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะมีทรัพยากรบางส่วนที่พวกเขาไม่เคยรู้จักและไม่แน่ใจว่าสามารถหาสิ่งของมาทดแทนได้หรือไม่
นี่มันจะมีประโยชน์จริงๆ เช่นนั้นหรือ? ยิ่งกว่านั้น หลินซวนเองยังบอกว่าต้องการสมบัติจำนวนมาก ต่อให้พวกเขาขูดคลังสมบัติตระกูลหลินจนแห้งเหือดก็ยังไม่สามารถเติมเต็มรายการสิ่งที่ต้องใช้ได้ทั้งหมด!
ในระหว่างที่ทุกคนกำลังสงสัย มีเพียงบรรพชนหลินที่เอ่ยถาม
“ค่ายกลนี่จะใช้งานได้หรือ?”
“มันย่อมต้องเป็นประโยชน์อย่างแน่นอน!” ในหน้าเล็กๆ ของหลินซวนเคร่งขรึม สีหน้าจริงจังยิ่งนัก
“เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องรอ กระจายคำสั่งของข้าออกไป เปิดคลังตระกูลหลินให้หลินซวนเข้าไปค้นหาสิ่งของจำเป็นได้เต็มที่”
“ค่ายกลที่เรากำลังจะสร้างนี้มีขนาดใหญ่ยิ่งนัก ยังมีรายละเอียดเล็กน้อยมากมายที่ต้องใส่ใจ พวกเราสามารถเลือกศิษย์รุ่นเยาว์หนึ่งพันคนไปช่วยซวนเอ๋อร์ก่อสร้างค่ายกลนี้”
“ถ้าหากว่ามีสมบัติบางส่วนไม่เพียงหรือไม่สามารถหาได้...”
รอยยิ้มปรากฏอยู่ในดวงตาของบรรพชนหลิน
“เช่นนั้นก็ไปถามตระกูลอื่นๆ ในฉีซานและขอหยิบยืมจากพวกเขา อย่าลืมว่าต้องเอ่ยถามอย่างสุภาพ พวกเขาจะได้เต็มใจช่วยเหลือเรา”
คลังสมบัติตระกูลหลินที่เก็บสะสมมานับหมื่นปี! บัดนี้พวกเขาจะยกทุกอย่างให้หลินซวนใช้มันในการสร้างค่ายกลขนาดมหึมาเพื่อต่อต้านราชวงศ์อมตะ!
เมื่อเหล่าศิษย์สกุลหลินทั้งหลายได้ยินดังนั้น พวกเขาก็เต็มไปด้วยความกังวลยิ่งนัก พวกเขามิอาจรู้ได้เลยว่าสิ่งนั้นสามารถจะเป็นประโยชน์ได้จริงหรือไม่ แต่พวกเขาก็ยังเลือกที่จะเชื่อมั่นในตระกูลหลินและหลินซวน พวกเขาจึงออกไปปฏิบัติการโดยเร็ว
ในตอนแรก หลินซวนใช้เพียงศิษย์สกุลหลินพันคนในการสลักค่ายกลรอบเมืองต้าหยานและฝังสมบัติสมบัติต่างๆ ไว้ในตำแหน่งที่ต้องการ
ทว่า หลินซวนกลับค้นพบในภายหลังว่าหากดำเนินการด้วยความเร็วเพียงเท่านี้ พวกเขาจะเหลือเวลาไม่มากพอ เมื่อเป็นเช่นนั้น หลินซวนจึงนำกำลังของศิษย์จำนวนห้าพันคนออกมาเพื่อสลักค่ายกลเอาไว้ทุกพื้นที่!
ค่ายกลซึ่งซับซ้อนและล้ำลึกสามารถพบเห็นได้แทบจะทุกมุมในเมืองต้าหยานแห่งนี้!
บ้านทุกหลัง อิฐทุกก้อน และทุกพื้นที่ของกำแพงเมือง ถูกสลักไว้ด้วยรูปแบบของค่ายกลทั้งสิ้น ที่แตกต่างกันก็เพียงจำนวนอักขระที่ถูกขีดเขียนลงไปเท่านั้น!
ค่ายกลนี้ซับซ้อนยิ่ง แม้ตระกูลหลินจะมีผู้เชี่ยวชาญด้านค่ายกลอยู่ไม่น้อย ทว่าพวกเขากลับสามารถทำความเข้าใจรูปแบบอักขระเหล่านั้นได้เล็กน้อยเท่านั้น เมื่ออักขระถูกจารึกลงไปทั่วทุกพื้นที่ของต้าหยาน พวกเขาก็นิ่งชะงัก จากนั้น เมื่อต้องฝังทรัพยากรลงไปตามจุดต่างๆ นี่ยิ่งทำให้ผู้คนทั้งหลายมึนงงและสับสน
ส่วนทางด้านศิษย์คนอื่นๆ ที่ยังมิได้มีหน้าที่ชัดเจน พวกเขาถูกส่งออกไปตามกองกำลังและตระกูลต่างๆ ในฉีซานเพื่อ “ขอยืม” สมบัติของตระกูลเหล่านั้นมา
ครั้งนี้ เหล่ากองกำลังและตระกูลเหล่านั้นได้เรียนรู้บางอย่าง เมื่อพวกเขาได้ยินว่าตระกูลหลินต้องการหยิบยืมบางสิ่ง พวกเขาก็ตอบรับอย่างกระตือรือร้นทันที...เมื่อพบกันคนสกุลหลินที่ถูกส่งมา พวกเขาต่างก็เปิดคลังสมบัติของตนอย่างง่ายดายและอนุญาตให้นำทุกสิ่งที่ต้องการใช้ออกไป