ตอนที่ 735+736 การแสดงความรักอันเจิดจ้า
ตอนที่ 735 การแสดงความรักอันเจิดจ้า
คนทั้งสองคนที่อยู่ในห้องตื่นขึ้นเพราะเสียงจากการเคาะประตู
“ใช้เวลาของคุณไปเถอะ ผมจะไปเปิดประตูเอง อาจจะเป็นเหล่าอู่*” ลู่ชิงสีกระซิบกับเจียงเหยา ที่ตื่นขึ้นมาอย่างสบาย ๆ จากนั้นเขาก็ยกผ้าห่มขึ้นและห่มให้กับเธออย่างไม่เร่งรีบ เขาหันกลับมาจูบคนที่ฝังตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม แล้วปิดประตูห้องนอน ก่อนจะออกเปิดประตูให้กับเฉินซวีเหยา
“เฮ้!ยังไม่ได้กลับกันใช่ไหม!” ประตูเปิดออกโดยไม่มีการเตือนใด ๆ มือของเฉินซวีเหยาหยุดค้างกลางอากาศขณะที่เขากำลังจะเคาะประตู เมื่อเขาได้พบกับสีหน้าเย็นชาของลู่ชิงสี เขาก็หัวเราะออกมา “นายไม่ได้บอกเหรอว่าจะกลับหนานเจียงตอน 10 โมงน่ะ?”
“ฉันนอนเลยเวลาน่ะ” ลู่ชิงสีตอบอย่างใจเย็น จากนั้นเขาก็ปล่อยให้เหล่าอู่เข้ามาในห้อง “รอที่ห้องนั่งเล่นก่อน เดียวไปกินข้าวกัน หลังจากนั้นไปส่งฉันกับเจียงเหยาที่สนามบินที”
เฉินซวีเหยาพยักหน้า จากนั้นเขาก็มองไปที่คอของลู่ชิงสีและยิ้มอย่างมีความหมาย “นอนตื่นสาย? จะว่าไปแล้ว พี่สะใภ้สามก็ค่อนข้างร้าย ทั้งสองคนก็ระวังด้วยล่ะ อย่าตื่นเต้นจนมีเด็กล่ะ พี่สะใภ้สามยังเรียนอยู่นะ”
เมื่อเขาพูดจบ รองเท้าแตะคู่หนึ่งก็เข้ามากระแทกหน้าผากของเขา เฉินซวีเหยาตกตะลึง เขาปรับผมของตนเองและเผชิญหน้ากับลู่ชิงสี ซึ่งยืนอยู่ที่ประตูและมองเขาอย่างเย็นชา เขาโกรธแต่ไม่กล้าพูดอะไร ราวกับว่าเขาสามารถเห็นคำที่เขียนบนใบหน้าของลู่ชิงสีว่า ‘ถ้าไม่หุบปาก นายตายแน่’
ระหว่างสองตัวเลือกระหว่าง หุบปาก และ ตาย เฉินซวีเหยาเลือกที่จะหุบปากอย่างมีเหตุผล
หลังจากรอในห้องนั่งเล่นประมาณยี่สิบนาที คนสองคนในห้องนอนก็ค่อย ๆ ออกมา หลังจากออกจากเมืองจิน ทั้งสามคนที่ร้านอาหารด้วยกัน เมื่อพวกเขามาถึง น้องสี่และเหลียงเยวื่อจื่อก็มาถึงเช่นกัน
“พี่สาม พี่สะใภ้ ทำให้เรารออยู่ตั้งนานสองนาน” โจวเหวยฉีมองไปที่ลู่ชิงสีที่จับมือเจียงเหยาและเดินเข้ามาด้วยท่าทางหดหู่
เมื่อเห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างพี่สามและพี่สะใภ้นั้นดีพอ ๆ กับน้ำผึ้ง เขาก็แอบกังวล เขาเฝ้าดูคู่รักทั้งสองคนรักกันตลอดทั้งวัน แต่เขาไม่สามารถบรรยายถึงความขมขื่นในใจได้
จนถึงตอนนี้ เขายังไม่ได้แต่งภรรยา เขายังอยากจะเฝ้าดูพี่สามและพี่สะใภ้รักกันตลอดทั้งวัน โจวเหวยฉีรู้สึกว่าสักวันหนึ่งเขาจะต้องถูกพี่สามยั่วยุจนกลายเป็นบ้าแน่
“พี่สาม พี่แต่งงานกับพี่สะใภ้ตั้งแต่แรกได้ยังไง?” โจวเหวยฉีผลักเฉินซวีเหยาออกไปด้วยกันของเขาและนั่งลงข้าง ๆ ลู่ชิงสีด้วยรอยยิ้ม “สอนฉันหน่อยสิ ฉันเพิ่งตามจีบจ้ายชิวเหอ แต่ไม่คืบหน้าเลย”
เห็นได้ชัดว่าลู่ชิงสีไม่ต้องการตอบคำถามของโจวเหวยฉี แต่เจียงเหยาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะระงับเสียงหัวเราะของเธอ “เขาตอบคำถามนี้ไม่ได้หรอก พี่สามของคุณไอคิวสูงก็จริง แต่อีคิวต่ำมาก เรื่องนี้แม้แต่พี่สาวของเขายังเห็นด้วยเลย”
“ถ้าอย่างนั้น พี่สะใภ้สาม ยังจะแต่งงานกับพี่สาวอยู่เหรอ?” โจวเหวยฉีเม้มริมฝีปากของเขา
“ในตอนนั้น ตราบใดที่ฉันมีสติอยู่บ้าง ฉันไม่มีทางยอมแต่งงานกับเขาหรอก ตอนนั้นเพิ่งจะอายุสิบเจ็ดสิบแปดเอง เป็นช่วงที่ฉันดื้อสุด ๆ เลยล่ะ” เจียงเหยาตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา “ถ้าพูดกันตามตรง เขาเป็นแมวที่ตาบอดแล้วเจอทางตัน แต่ก็ได้แต่งงานกับฉัน สำหรับฉันแล้ว ฉันเป็นเหมือนแมวที่ตาบอดแล้วเจอกับหนูที่ตายแล้ว และได้แต่งงานกับสามีที่ดีแบบนี้”
“การแสดงความรักของพี่สะใภ้นั้นยอดเยี่ยมมาก จนเราไม่ทันตั้งตัว” เฉินซวีเหยายิ้ม “พี่สะใภ้สามยกย่องพี่สามในฐานะสามีต่อหน้าพี่น้อง ฉันเดาว่าพี่สามคงจะอารมณ์ดีทีเดียว”
__
ตอนที่ 736 การทะเลาะวิวาท
“กินข้าวได้แล้ว” ลู่ชิงสีสามีที่ดี ตอนนี้อารมณ์ดีจริง ๆ คิ้วที่หล่อเหลาและดวงตาสีเข้มของเขาแต่งแต้มไปด้วยความอ่อนโยน
เมื่อเห็นว่ารอยยิ้มของเจียงเหยาค่อนข้างอาย ลู่ชิงสีคีบหมู่ตุ๋นขึ้นมาชิ้นหนึ่งก่อนจะยัดเข้าไปในปากของเฉินซวีเหยา เพื่อปิดปากที่มีเสียงดังของอีกฝ่าย
ในทางกลับกัน โจวเหวยฉีนั่งอยู่ข้าง ๆ อยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาไหลออกมา เพราะแบบนี้ เขาเลยไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย
“ใช่ ใช่ พี่ฮ่าวอวี้อยู่ที่เมืองหนานเจียงเหรอ?” หลัวเหลาหรุนที่กำลังดื่มน้ำซุปถามขึ้น สีหน้าเสียใจ “แต่ฉันไม่มีเวลาไปเล่นกับพี่ฮ่าวอวี้ที่เมืองหนานเจียงน่ะสิ ฉันล่ะสงสัยว่าเขาจะอยู่ที่นั่นอีกนานไหม แล้วจะแวะมาเยี่ยมฉันที่เมืองหลวงหรือเปล่า?”
“พี่รองน่าจะอยู่ที่เมืองหนานเจียงอีกสักสองสามวัน แต่ดูแล้ว เขาไม่ได้รีบร้อนกลับนะคะ” เจียงเหยาตอบ
“อืม พี่ฮ่าวอวี้น่ะ เป็นคนบ้างาน” หลัวเหลาหรุนยักไหล่และมองไปที่เหลียงเยวื่อจื่อ จากนั้นก็มองไปที่เจียงเหยา เธอเอื้อมมือออกไปและชี้ไปที่เหลียงเยวื่อจื่ออย่างเงียบ ๆ และกระซิบกับเจียงเหยา “เขาไม่ต่างจากคนนี้เลย”
“เมื่อวานฉันกลับบ้านตอน 2 ทุ่มเขายังอยู่ข้างนอกกับลูกค้าอยู่เลย แล้ววันก่อน ฉันกลับบ้านตอนหกโมงครึ่ง เขายังทำโอทีอยู่ที่บริษัทอยู่เลย” เหลียงเยวื่อจื่อมองไปที่หลัวเหลาหรุนอย่างเฉยเมย “คุณก็ยุ่งมากจนหาเวลากลับบ้านไม่ได้ในแต่ละวันอยู่แล้ว นี่ยังคิดจะหาเวลาไปเมืองหนานเจียง ฮ่า จริง ๆ เลย”
คำพูดของเหลียงเยวื่อจื่อจบลงด้วยการเยาะเย้ย ถึงแม้ว่ายังมีพี่สะใภ้กั้นระหว่างเธอกับเหลียงเยวื่อจื่อ เจียงเหยายังรู้สึกได้ถึงแรงกดดันรอบตัวของเหลียงเยวื่อจื่อที่ลดลงอย่างรวดเร็ว
“ก็เพราะว่าฉันเหนื่อยกับการทำงานในทุก ๆ วันยังไงล่ะ ถึงอยากแวะไปหาพี่ฮ่าวอวี้แบบสบาย ๆ เสียหน่อย” หลัวเหลาหรุนไม่รู้อะไรเลย เธอถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้และหันไปหาเหลียงเยวื่อจื่อ “เมื่อไหร่คุณจะว่าง? ทำไมไม่หาเวลาพาฉันไปเที่ยวบ้างล่ะคะ?”
“ไปหนานเจียง?” เหลียงเยวื่อจื่อปฏิเสธโดยไม่หยุดคิด “ไม่”
หลัวเหลาหรุนสำลัก “ฉันคิดว่าคุณก็แค่รำคาญที่จะพาฉันออกไปเที่ยว” หลังจากพูดแบบนั้น หลัวเหลาหรุนก็ฝังหน้าไว้กับอาหารตรงหน้าและไม่พูดอะไรอีก
เจียงเหยามองไปที่เธอโดยก้มศีรษะลง ดวงตาของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงทีละน้อย แต่เธอก็ระงับมันไว้อย่างรวดเร็ว หลังจากผ่านไปกว่าสิบวินาที เธอก็เงยหน้าขึ้นอีกครั้งและกลับมาเป็นเหมือนเดิม หลัวเหลาหรุนกลับมาเป็นผู้หญิงแกร่งที่น่าภาคภูมิใจอีกครั้ง ราวกับว่าฉากที่เจียงเหยาเห็นอยู่ในตอนนี้เป็นเพียงภาพลวงตา
หากเจียงเหยาไม่ได้นั่งอยู่ข้าง ๆ เธอ ใกล้ ๆ เธอและมองเธออยู่ตลอดเวลา เจียงเหยาคงไม่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในอารมณ์ของเธอในไม่กี่วินาทีนั้น
เจียงเหยาตกใจเล็กน้อย แต่เธอไม่ได้แสดงมันออกมา เธอมีความรู้สึกว่าครั้งนี้ มันเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เธอมาเมืองหลวง มีบางอย่างผิดปกติระหว่างพี่ใหญ่และพี่สะใภ้
คนอื่น ๆ ที่โต๊ะไม่ได้สังเกตเห็นความโกลาหลที่เกิดขึ้นของหลัวเหลาหรุน พวกเขากำลังพูดถึงวิธีที่เจียงเหยาซื้อเหมืองสองเหมืองใน YN
เจียงเหยากำลังคิดว่าจะพูดอะไรกับหลัวเหลาหรุนดี เมื่อเกิดความวุ่นวาย เพราะเธอนั่งอยู่ข้าง ๆ กัน
“ฉันถามว่า เกิดอะไรขึ้นกับคุณ เป็นใบ้หรือไง! ฉันแค่ถามคำถามคุณไปอย่างนั้น ทำไมถึงต้องสาดไวน์แดงใส่ฉัน คนอย่างคุณ ก็สมควรแล้วที่จะเป็นใบ้ จนพูดอะไรไม่ได้!”
ความโกลาหลที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาดังมาก แม้แต่ที่นั่งใกล้เคียงก็ได้ยิน ไม่ต้องพูดถึงโต๊ะตรงข้ามอย่างโต๊ะของเจียงเหยา
…………….
*老吴 [lǎo Wú] คำว่าเหล่าใช้เพื่อแสดงความใกล้ชิดสนิทสนม ส่วนคำว่าอู่ แปลว่า 5 ในที่นี้นำมาเรียกเฉินซวีเหยาที่เป็นพี่น้องลำดับที่ 5 จึงเรียกเขาว่า เหล่าอู่