ตอนที่ 390 : คุณเก่งมาก!
ตอนที่ 390 : คุณเก่งมาก!
ในเวลานี้เองเจียงเฉินก็ได้ออเดอร์ทำธุระใหม่
แต่รอบนี้มันแปลกมาก
เนื้อหาออเดอร์ : [ฉันก็เป็นคนดีนะแต่ไม่มีแฟนเลย ฉันหวังว่าพี่ชายทำธุระจะสามารถช่วยฉันหาคนที่ช่วยให้ฉันไปนัดบอดได้]
นัดบอด?
อันนี้โอเค!
เจียงเฉินรู้จักคนไม่น้อยที่สามารถช่วยจัดการนัดบอดให้ด้วยได้
งานนี้หมูๆ!
กดโทรไปตามหมายเลขโทรศัพท์ที่แนบไว้
“สวัสดีครับผมเป็นคนทำธุระที่รับออเดอร์ของคุณ คุณต้องการนัดบอดใช่ไหมครับ?”
“ค่ะ!” หญิงสาวปลายสายตอบออกมา
ความคิดแรกของเจียงเฉินคือหญิงสาวปลายสายนั้นจะต้องเป็นเทพธิดาแน่ๆ
“แล้วก็ฉันต้องการข้อมูลเกี่ยวกับผู้ชายที่จะมานัดบอดกับฉันด้วยนะ”
“เอาล่ะงั้นนัดเจอกันที่ร้านกาแฟบนสวนลอยฟ้าชั้น 3 ที่คาเฟ่ลอยฟ้านะ วิวที่นั่นน่ะสวยดีแถมอากาศยังดีแล้วอาหารก็รสชาติดีไม่แพ้กัน”
วิวสวย?
อาหารรสชาติดี?
ภาพลักษณ์ของหญิงสาวเริ่มดูชัดเจนขึ้นในจินตนาการของเจียงเฉิน
เธอคงจะเป็นสาวสวยหน้าตาดีมีผิวขาว ขายาวสวยแถมยังมีการศึกษาสูง....
“โอเคครับคาเฟ่ลอยฟ้านะครับ ผมจะไปที่นั่นอีกครึ่งชั่วโมง”
“ได้”
วางสายโทรศัพท์
เจียงเฉินรีบขี่จักรยานของเขาไปที่ปลายทางทันที
ยี่สิบนาทีต่อมา....
เมื่อเจียงเฉินมาถึงจุดหมายแล้วเขาก็รีบขึ้นไปที่คาเฟ่สวนลอยฟ้าชั้น 3 ทันที
“สวัสดีครับผมมาแล้ว”
“ฉันใกล้ถึงแล้วอีกประมาณ 10 นาที”
“ได้ครับ”
เจียงเฉินเดินไปหาที่นั่งและสั่งกาแฟมานั่งดื่มรอเธอ
ในเวลานี้เองสาวเสิร์ฟหลายคนก็วิ่งเข้ามาขอวีแชทจากเจียงเฉินอย่างอายๆแต่เจียงเฉินก็ปฏิเสธพวกเธอไปทั้งหมด
อย่างไรก็ตามด้วยท่าทางที่ดูเย็นชาของเจียงเฉินก็ยังคงไม่มากพอที่จะหยุดความกระตือรือร้นของบรรดาหญิงสาวเหล่านั้น พวกเธอคอยแอบเผ้ามองอยู่ห่างๆและกระซิบพูดคุยกัน
ไม่นานโทรศัพท์ของเจียงเฉินก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล ฉันมาถึงแล้ว”
“ผมรออยู่ที่โต๊ะ 12 ครับ”
ในไม่ช้าเจียงเฉินก็พบกับหญิงสาวที่ดูธรรมดามากหน้าตาของเธอดูแล้วคงได้ค่ 6 คะแนนเท่านั้นแถมชุดที่เธอสวมมาก็ดูประหลาดด้วย
จะให้อธิบายยังไงดีล่ะ?
เธอแต่งตัวเหมือนคนชนบทหรือสไตล์ประมาณ 10 ปีก่อน
แถมรองเท้าส้นสูงของเธอก็ยาวมาก.....ยาวเกินไปจนดูไม่สวยเลยแม้แต่น้อย
เจียงเฉินมองเธอก่อนที่จะละความสนใจ
เพราะคิดว่าเธอก็คงเป็นแค่คนที่เดินผ่านมา
แต่ผลลัพธ์กลับไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด.....
หลังจากที่หญิงคนนั้นพูดคุยกับพนักงานเสิร์ฟของร้านเธอก็เดินตรงมาที่โต๊ะของเจียงเฉินทันที
เจียงเฉิน “???”
สับสน!
ผู้หญิงคนนี้จะทำอะไรกัน?
หญิงสาวถามออกมา “นายเป็นคนทำธุระใช่ไหม?”
เจียงเฉินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มตอบสนอง
“คุณคือลูกค้าที่ต้องการนัดบอดใช่ไหมครับ?”
“ใช่”
เจียงเฉิน “……”
จะบ้าตาย!
แล้วไหนสาวผิวขาว?
ไหนล่ะเทพธิดาที่แสนจะเย็นชา?
แล้วนี่มันอะไรกัน?!
หน้าตาขี้เหร่แบบนี้ทำไมน้ำเสียงถึงได้หยิ่งยโสแบบนั้นกัน?
“แค่กๆ.....” ใบหน้าของเจียงเฉินค่อยๆกลับเป็นปกติเขาเริ่มทำใจยอมรับความจริง “สวัสดีครับ ผมชื่อว่าเจียงเฉินเป็นคนทำธุระของคุณครับ”
“สวัสดี.....”
“ไม่ทราบว่าจะให้ผมเรียกคุณว่าอะไรดีครับ?”
“ฉันชื่อเฉินซินหยาน”
เธอเหลือบมองเจียงเฉินก่อนจะพูดออกมา “นายก็หล่อไม่น้อยเลยนะ แต่น่าเสียดายที่นายเป็นแค่คนทำธุระและมีเงินน้อยเกินไปดังนั้นนายไม่คู่ควรกับฉัน”
เจียงเฉิน “เอ่อ?”
เจียงเฉินแสดงใบหน้าตกตะลึง
เขาไม่ดีพอสำหรับเธอ?
สาวน้อยจากชนบท?
อยากจะรู้จริงๆว่าเธอมีดีอะไรบ้างถึงได้มีมาตรฐานสูงขนาดนี้?
เจียงเฉินยิ้ม “สวัสดีครับคุณเฉิน งั้นผมคงต้องขอข้อมูลส่วนตัวของคุณเช่นระดับการศึกษาการเงินของครอบครัวแล้วก็เรื่องอื่นๆด้วยนะครับ”
เฉินซินหยาน “ฉันจบปริญญาตรีมาจากสถาบันเทคโนโลยีเกาเฉิง ภูมิหลังของครอบครัวฉันก็ดีไม่น้อยเลยพ่อของฉันเป็นลูกจ้างในบริษัทรัฐวิสาหกิจแม่ของฉันก็เป็นป้าผู้ดูแลหอพักในมหาลัย”
เจียงเฉินรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที
นั่นเรียกว่าภูมิหลังทางทางครอบครัวที่ดีได้ด้วยหรอ?
นี่เธอไม่ได้เป็นบ้าใช่ไหม?
เจียงเฉินรู้ดีว่าเขานั้นไม่ได้มีสิทธิจะไปบ่นเธอดังนั้นเขาจึงพูดต่อ “แล้วผู้ชายที่จะมานัดบอดกับคุณจะต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้างครับ?”
เฉินซินหยานพูดออกมา “ฉันต้องการฮีโร่หนุ่ม!”
เจียงเฉิน “…..”
ขี้เหร่ไม่พอแถมยังมั่นใจอย่างสุดขีดอีก!
เจียงเฉินพยายามคิดกับตัวเองว่าบางทีผู้หญิงคนนี้อาจจะมีความสามารถที่ซ่อนอยู่ก็ได้มั้ง?
ลืมมันไปเถอะหมดคำถามแล้วทีนี้ก็ได้เวลาหาผู้ชายมาให้เธอ
เจียงเฉินพยายามคิดถึงผู้ชายที่เป็นฮีโร่ที่อยู่รอบตัวของเขาซึ่งมันก็มีค่อนข้างน้อยเลยทีเดียว
“เอาแบบนี้ก็แล้วกัน”
เจียงเฉินโทรหาหวางกวนจากบริษัทกฏหมายเทียนกวน “มีผู้ชายในบริษัทกฏหมายคนไหนที่โสดบ้างไหม? ถ้ามีก็ให้มาหาฉันเดี๋ยวนี้เลย”
หวางกวน “มีไม่กี่คนที่โสดครับ เดี๋ยวผมจะรีบจัดการให้ครับ”
เจียงเฉิน “โอเค ที่อยู่คือร้านคาเฟ่ร้านกาแฟสวนลอยฟ้าชั้น 3 นะพยายามมาให้ถึงใน 30 นาทีล่ะ”
เจียงเฉินพูดออกมาไม่นานทั่วทั้งสำนักงานกฏหมายก็เต็มไปด้วยความวุ่นวายทันที
ในไม่เหล่าหนุ่มโสดจากบริษัทกฏหมายก็ถูกส่งตัวออกไป
เจียงเฉินวางสายและพูดกับเฉินซินหยาน “ผมเตรียมคนมาให้แล้วนะครับ”
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งเจียงเฉินก็ได้ขอให้พนักงานเสิร์ฟจัดโต๊ะเพื่อเตรียมการสำหรับการนัดบอดพร้อมกับสั่งผลม้และเครื่องดื่มมารอ
แล้วผลลัพธ์ก็คือ........
ในเวลานี้เฉินซินหยานก็เริ่มใช้ส้อมของเธอจิ้มผลไม้ขึ้นมากินเธอยัดมันเข้าไปในปากของเธอทั้งชิ้นและเคี้ยวมันอย่างเสียงดัง
เจียงเฉิน “หือ?”
เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและพูดออกมา
“คุณเฉิน ช่วยรักษามารยาทหน่อยนะครับ ทานอาหารก็อย่าส่งเสียงออกมา”
เฉินซินหยานพยักหน้าอย่างสุภาพ “เข้าใจแล้ว ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะ....แต่ฉันขอกินอีกชิ้นก็แล้วกัน”
แล้วเธอก็.....ยัดผลไม้เข้าปากของเธอไปอีกหนึ้งชิ้น!
เจียงเฉินถึงกับตกตะลึงและอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “คู่นัดบอดของคุณยังมาไม่ถึงเลยนะครับ คุณไม่คิดว่ามันจะเป็นการหยาบคายเกินไปหน่อยหรอที่คุณกินมันเข้าไปเยอะขนาดนี้?”
เฉินซินหยานแสดงท่าทางประหลาดใจก่อนจะพูดว่า “แต่พนักงานเสิร์ฟบอกว่าเชิญกินได้เลยไม่ใช่หรอ?”
เจียงเฉิน “…..”
……..
ภายใต้การจัดการของเจียงเฉินสาวนัดบอดเฉินซินหยานและชายหนุ่มรูปหล่อรายได้สูงก็ได้มาพบกันในที่สุด
สำหรับทนายความโสดผู้หล่อเหลาจากอีกสองบริษัทกฏหมายเทียนกวน เสี่ยวหลิวและเสี่ยวเหอพวกเขาก็มายืนอยู่ข้างหลังเจียงเฉินและเฝ้ามองการนัดบอดเบื้องหน้า
เสี่ยวหลิว “บอสเจียง ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกันญาติของคุณหรอครับ?”
เจียงเฉินแทบอ้วกออกมา~~ เขารีบพูดออกมา “ถ้าฉันมีญาติแบบนี้ฉันคงจะตบเธอให้ตายไปนานแล้ว! ถ้าไม่ใช่เพราะฉันเป็นคนทำธุระของเธอฉันคงจะจากไปนานแล้ว”
เสี่ยวเหอรู้สึกมึนงงทันที “ผู้หญิงคนนี้ธรรมดามาก เธอรวยรึเปล่าไม่อย่างนั้นเธอจะไปนำความมั่นใจมาจากไหน?”
เจียงเฉิน “ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกัน”
และในตอนนี้เอง.....
ความประทับใจแรกของเสี่ยวโจวที่มีต่อเฉินซินหยานคือ : เธอดูธรรมดาแถมยังดูเหมือนจะทำความเข้าใจกันและกันได้ดังนั้นเขาจึงแสดงความกระตือรือร้นออกมา
แต่อย่างไรก็ตามเฉินซินหยานนั้นไม่ได้ชื่นชมความกระตือรือร้นของเสี่ยวโจวมากนัก
หลังจากนั้นก็เข้าสู่ช่วงการแนะนำตัว
10 วินาทีต่อมาเฉินซินหยานก็เริ่มไม่ชอบอีกฝ่าย “ระดับการศึกษาของคุณต่ำเกินไป”
เสี่ยวโจวรู้สึกประหลาดใจ “ผมจบมาจากมหาวิทยาลัยหัวซิง สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทภาควิชารัฐศาสตร์และกฎหมายนี่ยังถือว่าต่ำอยู่อีกหรอ?”
เฉินซินหยาน “ก็ไม่เชิงแค่แย่กว่าที่ต้องการยึดหน่อย คะแนนของนายตอนนี้อยู่ที่ 582 คะแนนเท่านั้นซึ่งตามชนบทฉันก็หาได้อย่างมากแค่ 211 คะแนน แต่ที่ฉันมาเมืองหลวงก็พอฉันต้องการตามหาเกาฟู่ส้วย ฉันต้องการลูกชายที่สามารถเข้าไปเรียนที่โรงเรียนเตรียมทหารเวสต์พอยท์และลูกสาวจะต้องสามารถเข้าไปเรียนที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียในประเทศสหรัฐอเมริกา ดังนั้นฉันจึงคิดว่าเรื่องระหว่างเราคงเป็นไปไม่ได้ เพราะการส่งลูกชายไปเรียนที่โรงเรียนเตรียมทหารเวสต์พอยท์นั้นไม่ใช่เพียงแค่ต้องการคนที่ฉลาดเท่านั้นแต่ยังต้องรวยด้วยและเห็นได้ชัดว่านายนั้นยังไม่มีเงินมากขนาดนั้น”
เจียงเฉิน “…..”
เสี่ยวเหอ เสี่ยวหลิว “……”
หยิ่งยโสอะไรขนาดนี้?
นี่มันบ้าอะไรกัน?
คนสวยเสี่ยวโจวนั้นจบปริญญาโทจากคณะและมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศจีนแต่คุณกลับมองว่ามันต่ำเนี่ยนะ?
“ผมไม่มีเงินหรอก?” เสี่ยวโจวหัวเราะออกมา ดูเหมือนว่าเขานั้นจะไม่คิดเก็บตัวอีกต่อไปเขาเริ่มคิดที่จะเปิดเผยรายได้ของตัวเอง “แม้ว่าผมจะไม่ใช่คนรวยรุ่นที่สองแต่ผมก็มีครอบครัวที่ดีถือว่าเป็นชนชั้นกลางเลยด้วยซ้ำและด้วยอาชีพทนายความของผมดังนั้นเงินเดือนดอกปีจึงไม่ต่ำกว่า 8 แสนหยวนอย่างแน่นอน!”
“แค่นั้นเองเหรอ?” เฉินซินหยานดูถูกเหยียดหยามออกมา “ฉันคิดว่านายไม่สามารถช่วยฉันได้ใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการเลยแม้แต่น้อย!”
ใบหน้าของเสี่ยวโจวแข็งค้าง “แล้วเงินเดือนของคุณล่ะมันเท่าไหร่กัน?”
เฉินซินหยาน “ฉันยังอยู่ระหว่างการเรียนอยู่ชั้นเลยยังไม่มีรายได้”
เสี่ยวโจว “แต่สำหรับผู้ชายที่รักครอบครัวของตัวเองจริงๆ ต่อให้เขาต้องเหนื่อยแค่ไหนเขาก็สามารถออกไปทำงานเสริมเพื่อหาเงินได้โดยไม่ต้องสนสายตาของคนอื่นเพราะถึงยังไงมันก็เป็นการสนับสนุนครอบครัว.....และ”
เฉินซินหยานขัดจังหวะ “แค่ความคิดของเรามันก็ต่างกันแล้ว เพราะฉันต้องการปลูกฝังให้ครอบครัวของฉันยกระดับตัวเองจนสามารถปกครองประเทศได้และทำให้โลกสงบสุข!”
เจียงเฉิน “???”
เสี่ยวเหือและเสี่ยวหลิว “???”
ใบหน้าของทั้งสามเต็มไปด้วยความตกตะลึง!
ตอนแรกก็เรื่องเงินสักพักก็มาการงานแล้วทำไมจู่ๆตอนนี้ถึงไปถึงขั้นปกครองประเทศแล้วล่ะ? แล้วการนำสันติมาสู่โลกมันคืออะไร?
ไม่เข้าใจเลย~
นี่มันตรรกะบ้าบออะไรกัน?
ในเวลานี้เองเฉินซินหยานก็ยังคงประเมินเสี่ยวโจวต่อ “ฉันมองไม่เห็นศักยภาพอะไรในตัวของนายเลย ถึงนายจะพอมีเงินอยู่บ้างแต่นายไม่มีหัวทางธุรกิจเลยด้วยซ้ำ”
ทุกคน “…..”
เจียงเฉินอดไม่ได้ที่จะช่วยพูด “ตอนนี้เสี่ยวโจวก็พูดถึงเรื่องการเลี้ยงดูครอบครัวแล้วน่ะมันก็คงเป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรอที่ผู้ชายจะเป็นผู้เลี้ยงดูครอบครัว”
เฉินซินหยานส่ายหัวอย่างเย่อหยิ่ง “มันไม่ได้เกี่ยวกับการเลี้ยงดูครอบครัว ถ้าจะให้เปรียบเทียบให้เห็นก็เหมือนกับว่าเขานั้นไม่ได้แตกต่างจากพวกสัตว์เดรัจฉาน พี่เกิดมาเพื่อทำงานอย่างเดียว ไม่ว่าเขาจะมีครอบครัวหรือไม่มีเขาก็ต้องทำงานอย่างหนักไปจนตาย”
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน~~
เตียงฉันและอีกหลายคนรวมไปถึงพนักงานเสิร์ฟในร้านกาแฟพวกเขาพากันตกตะลึงกับคำพูดของเธอ
ทำไมพวกเราถึงไม่เข้าใจคำพูดของเธอเลย!
ฟังแล้วเวียนหัว!
เสี่ยวโจวที่รู้สึกเวียนหัวก็เริ่มเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว “แล้วคุณมีแผนสำหรับครอบครัวในอนาคตหรือเปล่าล่ะ?”
เฉินซีหยานพูดออกมาอย่างเย่อหยิ่ง “ก่อนอื่น ฉันจะต้องจบปริญญาตรีให้ได้หลังจากที่ฉันจบปริญญาตรีแล้วฉันก็จะพัฒนาตัวเองให้กลายเป็นดาราด้วยใบหน้าสวยๆของฉัน แล้วก็นะฉันจะให้นายดูอะไร(หยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาก่อนจะเปิดเว็บไซต์ที่ไม่รู้จักและเว็บไซต์ก็เผยให้เห็นภาพของดาราหลายคน) ลองดูรูปของดาราพวกนี้สิฉันไม่อยากจะคิดเลยว่าหน้าตาจริงๆพวกเธอตอนที่ยังไม่แต่งหน้าจะเป็นยังไง”
เจียงเฉินกับคนอื่น “???”
เฉินซินหยานทำท่าแล้วก็ว่าตัวเองนั้นสวยมาก “ในเรื่องของรูปลักษณ์และความสามารถฉันไม่ด้อยกว่าพวกเธอเลยแม้แต่น้อย!”
เจียงเฉินกับคนอื่น “………………………….”
อาเจียน~~
รูปลักษณ์ของเธอเนี่ยนะ?
อาเจียนอีกรอบ~~~~
ขอนับถือความด้าน!
เฉินซินหยานยังคงโพสต์ท่าต่อไป “แล้วมันก็คงไม่ดีแน่ที่ฉันจะปล่อยให้ความสวยและสติปัญญาของฉันถูกฝังเอาไว้โดยที่ไม่ได้นำออกมาใช้ ดังนั้นหลังจากที่ฉันจบปริญญาตรีแล้วฉันก็จะพัฒนาตัวเองให้เป็นดาราในวงการบันเทิงให้ได้!”
เสี่ยวโจวยิ้มออกมา “ผมรู้จักคนใหญ่คนโตในวงการบันเทิงนะบางทีผมอาจจะสามารถ…..”
ก่อนที่เขาจะพูดจบเฉินซินหยานก็พูดจังหวะออกมา “ฉันว่านายก็แค่แกล้งรู้จักพวกเขาไปเท่านั้นแหละ รู้อะไรมั้ยว่าฉันน่ะสะอิดสะเอียนกับพวกคนแบบนายมากที่สุด!”
หลังจากที่พูดจบเธอก็มองไปที่เสี่ยวโจวด้วยความรังเกียจ
เจียงเฉินเสี่ยวลี่เสี่ยวเหอและคนอื่นๆปิดปากและหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
ผู้หญิงคนนี้หัวสมองไม่ปกติจริงๆด้วย!
ในเวลานี้เสี่ยวโจวก็อดทนมาถึงขีดจำกัดแล้ว
“ลืมมันไปเถอะ ดูแล้วเราคงไม่เหมาะสมกันจริงๆลาก่อน….”
ขอถอนตัว
เขาลุกขึ้นหันหลังแล้วจากไปด้วยความรวดเร็ว
เฉินซินหยานเยาะเย้ย “ฉันก็เหมือนกัน ฉันไม่ชอบนายแม้แต่น้อย”
จากนั้นเธอก็มองไปที่เจียงเฉิน “คนเมื่อกี้ไม่ผ่าน แนะนำคนใหม่มาให้ฉันได้แล้ว”
เจียงเฉินมองไปที่เสี่ยวหลิวและเสี่ยวเหอที่อยู่ข้างๆเขา
เสี่ยวหลิวและเสี่ยวเหอโบกมือด้วยความตื้นสำหรับทันที “ผมไม่เหมาะผมไม่เหมาะเลย!”
ใครมันอยากจะไปเข้าหาผู้หญิงแบบนี้ล่ะ?
หลังจากนั้นทั้งสองก็วิ่งออกไปทันที
เจียงเฉินยักไหล่ “ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่สนใจคุณนะ....”
เฉินซีหยานนั่งอย่างเย่อหยิ่ง “นั่นก็เพราะว่าพวกเขาต่ำต้อยจนเกินไป”
เจียงเฉินทำอะไรไม่ถูก “โอเค แล้วตอนนี้คุณมีข้อกำหนดเพิ่มเติมอะไรอีกมั้ยผมจะได้หาคนมาใหม่ให้ตรงกับความต้องการของคุณมากที่สุด”
“ก็ได้ ข้อกำหนดใหม่ของฉันก็คือ” เฉินซินหยานเริ่มพูดออกมา “ฉันต้องการแต่งงานกับคนรวยรุ่นที่สองที่มีทรัพย์สินรวมกันไม่น้อยกว่า 50 ล้านหยวนหรือมากกว่านั้น!”
พรูด~~~~
พรูด~~~~
เจียงเฉินพนักงานเสิร์ฟและลูกค้าในร้านพากันพ่นน้ำออกมา
“เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะพูดใหม่สิ?”
เจียงเฉินถามออกมาด้วยความตกตะลึง
ทรัพย์สินรวมกันไม่น้อยกว่า 50 ล้านหยวนเนี่ยนะ?!
ผู้หญิงที่มีรูปลักษณ์และคุณเนี่ยนะ?!
แม้ว่าเจียงเฉินนั้นจะได้ประเมินความหยิ่งยโสของหญิงสาวคนนี้ไว้สูงแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเขานั้นยังคงประเมินต่ำเกินไป!
เฉินซินหยานพูดออกมาอย่างมั่นใจ “ไม่เพียงแต่ต้องเป็นคนรวยที่สองเท่านั้น แต่ยังต้องเป็นผู้ชายที่หล่อสูงด้วย!”
ผู้คน “………”
อยากจะหัวเราะออกมา!
มันจะมีคนแบบนั้นได้ยังไง?
มุมปากของเจียงเฉินกระตุก “คุณต้องการแต่งงานกับคนรวยรุ่นที่สองเท่านั้นสินะ?”
“ใช่แล้ว เหตุผลที่ฉันมาเมืองหลวงก็เพราะว่าฉันต้องการหาคนรวยรุ่นที่สอง!”
“จริงๆแล้วแบบนี้มันก็มีหลายวิธีเพื่อที่จะได้บรรลุเป้าหมายอยู่นะอย่างเช่นเริ่มทำธุรกิจของตัวเอง! ตอนนี้คุณกำลังเรียนเองบริหารธุรกิจไม่ใช่หรอ แล้วคุณไม่มีแผนในการสร้างธุรกิจของตัวเองเลยหรือยังไง?”
“ก็มีอยู่นะแต่ว่าตอนนี้ฉันยังเป็นนักศึกษาอยู่ชั้นเลยยังทำธุรกิจของตัวเองไม่ได้”
เจียงเฉินถึงกับยกนิ้วให้
เจียงเฉิน “เอาล่ะงั้นมาพูดถึงเรื่องทรัพย์สิน 50 ล้านหยวนเมื่อกี้กัน ทำไมถึงต้องเป็นตัวเลขนี้ด้วย?”
เฉินซินหยาน “ฉันเคยไปเจอกับหมอดูและถามเรื่องนี้เมื่อก่อน เขาบอกว่าฉันสามารถแต่งงานกับคนรวยรุ่นที่สองที่มีทรัพย์สินรวมกันกว่า 20 ล้านได้ แต่ว่าฉันต้องการที่จะแต่งงานกับคนที่มีทรัพย์สิน 50 ล้านขึ้นไป”
“…….”
เสียงดังไปทั่วร้าน~~~
โอ้ย~~~~~
ผู้คนในร้านพากันล้มลงไปกับพื้น~~~
เจียงเฉินลุกขึ้นมาจากพื้นด้วยความอับอายก่อนจะจัดเสื้อผ้าเข้าใหม่
“งั้นผมขอถามหน่อยได้ไหมว่า หมอดูคนนั้นของคุณเขาวิเคราะห์ได้ยังไงว่าคุณจะแต่งงานกับคนรวยที่สองที่มีทรัพย์สินมากกว่า 20 ล้านหยวน?”
เฉินซินหยาน “20 ล้านมาจากการคำนวณด้วย ส่วนสูงน้ำหนักของฉันรวมถึงสถานภาพครอบครัวในปัจจุบันของฉันด้วย พ่อของฉันเป็นลูกจ้างรัฐวิสาหกิจส่วนแม่ของฉันเป็นป่าในหอพักมหาวิทยาลัย”
ป้าหอพัก…..
ทุกครั้งที่เจียงเฉินได้ยินคุณสมบัติของเธอเขานั้นก็แทบอยากจะอ้วกออกมาทันที
เจียงเฉิน “เอาล่ะแล้วอย่าอีกข้อจำกัดหนึ่งของคุณคืออะไรนะ?”
“ต้องเป็นคนหล่อและเท่!”
“ทำไมคุณต้องแต่งงานกับคนรวยเรื่องที่สองในเมืองด้วยล่ะ? มันไม่ดีกว่าเหรอที่คุณจะไปหาคนรวยที่สองใกล้บ้านเกิดคุณ?”
“นั่นก็เพราะทัศนคติในการใช้เงินที่แตกต่างกันเกินไป”
“คุณจะหมายถึง คนรวยที่สองในเมืองนั้นจะใช้เงินกลับของแบรนด์เนมใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว”
“แล้วก็เป่าที่คุณกำลังใช้อยู่เป็นของแบรนด์อะไรล่ะ?”
เจียงเฉินหยิบกระเป๋าของเฉินซินหยานขึ้นมา
“อ้อ ฉันยังไม่มีแบรนด์เนมเลย เพราะว่าตอนนี้ฉันยังเป็นนักเรียนอยู่”
เจียงเฉิน “…..”
อ๊าก~~~~
เจียงเฉินรู้สึกอยากจะเอาหัวไปโขกกำแพง
ตรรกะของผู้หญิงคนนี้โดนใจฉันจริงๆ!
เจียงเฉินเปลี่ยนเรื่อง “สิ่งที่ทำคัญกับคนเรามันคือความสุขไม่ใช่หรอ? การหาคนที่เหมาะกับเราจริงๆบางทีมันอาจจะดีกว่าคนรวยรุ่นที่สองก็ได้นะ”
เฉินซินหยานส่ายหัวซ้ำๆ “คนแบบนั้นมีแต่พ่อแม่ที่ไร้หัวสมองคิดแยกแยะไม่เป็น แบบนั้นฉันไม่ต้องการหรอก….”
เจียงเฉินมองดูด้วยความตกตะลึงจนกรามของเขาอ้าค้าง
นี่มันตรรกะบ้าบออะไรอีก?
ไม่เห็นจะเข้าใจเลย!
“คุณคิดว่าถ้าไม่ใช่คนรวยรุ่นที่สอง พ่อแม่ของพวกเขาก็จะเป็นพวกไร้สมองหมดเลยหรอ?”
“ใช่......”
“…..”
ในตอนนี้เจียงเฉินรู้สึกอยากจะฆ่าตัวตายจริงๆ!
ถ้าฉันจะยกเลิกออเดอร์ตอนนี้มันยังจะทันอยู่ไหม?
เฉินซินหยานพูดต่อ “ถ้าฉันจับคนรวยรุ่นที่สองไม่ได้ฉันก็จะไปเข้าหาพ่อแม่ของพวกเขาและญาติพี่น้องของเขาทุกคน”
เจียงเฉินประหลาดใจ “ไม่สิ ต่อให้คุณแต่งงานกับคนรวยรุ่นที่สองไปแล้วคุณก็ยังจะเข้าหาญาติและเพื่อนของเขาด้วยหรอ?”
“ขอแค่รวยฉันก็พร้อมเข้าหา!”
“ถ้าไม่ใช่คนรวยรุ่นที่สองคุณก็จะไม่สนใจเลยหรอ?”
“ก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว!”
“……”
เจียงเฉินตกตะลึง
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?!
เฉินซินหยานพูดต่อ “แล้วก็ฉันขอเพิ่มคุณสมบัติไปอีกข้อหนึ่งตรกูลของคนรวยรุ่นที่สองคนนั้นต้องเป็นตระกูลที่มีหัวการค้า ไม่อย่างนั้นพวกเขาไม่ต่างจากอันธพาล.....”
เจียงเฉินล้มลงไปนอนกองกับพื้นอีกครั้ง
หัวของเธอมันมีอะไรอยู่กันแน่?!
ฉันจะบ้าตายอยู่แล้ว!