ตอนที่แล้วCD บทที่ 23 จุดเชื่อมโยงที่หายไป
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปCD บทที่ 25 คุณอยู่ที่ไหน?

CD บทที่ 24 เปียโน


“เหลือเวลาอีกแค่ 53 วัน ผมรู้ดีว่าผู้ปกครองทุก ๆ ท่าน คงรู้กันอยู่แล้วว่าเลข 53 นี้ มีความสำคัญต่อเด็ก ๆ ของพวกเราอย่างไร”

บนเวทีมีชายวันกลางคน ผมสีขาวอยู่คนหนึ่ง กำลังใช้นิ้วชี้ของตัวเองเคาะลงไปที่โต๊ะระหว่างกล่าวเริ่มการประชุม

“วัตถุประสงค์ของการจัดงานประชุมผู้ปกครองในวันนี้ก็เพื่อที่เราจะได้มีการหารือกับบรรดาผู้ปกครองให้ช่วยกันสอดส่องดูแลบุตรหลานของท่านกันอย่างถูกวิธี ช่วยกันทำให้พวกเขาไม่รู้สึกเคร่งเครียดจากการอ่านหนังสือจนเกินไป โดยส่วนตัว

ผมคิดว่า…”

คนที่ที่กำลังพูดอยู่นี้ คือคุณครูประจำชั้นของเสี่ยวเฉิน เขากำลังจดจ่อกับการอธิบายให้พ่อแม่ทุก ๆ คนทราบถึงสิ่งสำคัญที่ควรรู้ก่อนจะเริ่มการสอบกลางภาคเร็ว ๆ นี้

ในขณะที่เขากำลังพูดอยู่อย่างขะมักเขม้น ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาจากที่ไหนสักแห่งในกลุ่มผู้ฟังด้านล่าง

อา~ คุณผู้เป็นที่รัก โปรดมากับฉันในความฝัน

 

ทำให้บรรดาผู้ปกครองที่กำลังฟังคำอธิบายกันอย่างตั้งใจต้องหยุดชะงักลงเพราะเสียงโทรศัพท์ที่ดังมาก แม้แต่คุณครูบนเวทีเองก็ต้องหยุดพูดลงโดยอัตโนมัติ

สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์นั้นยิ่งไม่น่าเชื่อสายตาไปกันใหญ่ นอกจากเจ้าของเสียงโทรศัพท์คนนั้นจะไม่รู้ร้อนรู้หนาวใด ๆ แล้ว เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพูดคุยราวกับไม่มีใครอยู่รอบ ๆ ตัวอีกด้วย

“ว่าไง?” เขาเงยหน้าและตอบรับสาย สายตาแทบทุกคู่จ้องมองไปที่เขาคนนั้น

ขณะที่เขากำลังตั้งใจฟังคู่สายสนทนาอย่างตั้งใจจู่ ๆ ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างโดยไม่สนสายตาใด ๆ ที่กำลังมองมา

บรรดาผู้ปกครองคนอื่น ๆ ต่างมองมาด้วยความสับสน ตัวคุณครูเองก็มองมาอย่างอึดอัดใจเช่นกัน เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอธิบายต่อไปดีหรือไม่ และคนที่กำลังคุยตอบโทรศัพท์อยู่ตรงนี้ ดูท่าจะเป็นคนที่ทุกข์ร้อนน้อยที่สุดด้วย

ขณะที่เขากำลังฟังคู่สายสนทนาอยู่ ทันใดนั้นเขาก็ตะโกนออกมาอย่างประหลาดใจว่า

“อะไรนะ!? เธอแน่ใจจริง ๆ ใช่ไหม! มันเป็นไปได้ยังไงกัน?”

ในช่วงเวลานั้น ผู้ปกครองทุกคนที่อยู่ภายในล็อบบี้นี้เหมือนโดนสะกดให้กลายเป็นหิน แม้แต่ฝุ่นในอากาศเองก็ดูเหมือนจะหยุดเคลื่อนไหวไปด้วย

“เดี๋ยวนะ เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ!” เขายังคงส่งเสียงไร้ความยางอายออกมาและลุกจากที่นั่งตัวเองออกไปอย่างไม่สนใจใคร

ขณะที่เขาเดินออกไป เขายังคงตะโกนคุยกับคนในโทรศัพท์ของเขาว่า

“รอก่อน อย่าเพิ่ง! ขอฉันจดรายละเอียดพวกนั้นก่อน”

หลังจากที่คน ๆ นั้นเดินออกไป บรรดาผู้ปกครองก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง เสียงอึกทึกโกลาหลก็ตามมา

“เขาเป็นพ่อของใครกันนะ” ใครบางคนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเบา ๆ

“เขาเห็นที่นี่เป็นตลาดสดหรืออย่างไร”

“เหอะ แค่เห็นพ่อเป็นแบบนี้ก็รู้ได้ทันทีเลยว่าลูกของเขาคงจะเป็นเด็กท้ายแถวแน่ ๆ”

คนอื่น ๆ เริ่มพูดจากันอย่างดูถูกด้วยใบหน้าที่แสดงความรังเกียจ

“ฉันคิดว่าลูกของฉันจะอยู่อันดับท้าย ๆ แล้วนะ อ้าว แม่น้องเสี่ยวยูเป็นอะไรไปคะ ทำไมหน้าซีดเซียวแบบนี้”

ผู้หญิงที่นั่งข้าง ๆ กันตัวสั่นค้านคำสบประมาณเมื่อสักครู่ เธอพูดว่า

“ไม่นะ เป็นไปได้ยังไงกัน? ฉันเห็นว่าคนที่โทรศัพท์เมื่อกี้นี้มาพร้อมกับเสี่ยวเฉินหรือว่าเขาจะเป็น...”

“เสี่ยวเฉิน? ใช่ นักเรียนเรียนดีติดอันดับคนนั้นน่ะหรือคะ?” เธอเอ่ยถามด้วยความตกใจ

“เป็นไปไม่ได้หรอก คุณคงจำผิดคนแล้วแหละค่ะ เด็กอย่างเสี่ยวเฉินจะมีพ่อแม่แบบนี้ได้ยังไงกัน”

“ทุก ๆ ท่าน โปรดอยู่ในความสงบ!”

เมื่อคุณครูเห็นว่าบรรยากาศเริ่มมีความตึงเครียดสูงขึ้น เขาเคาะโพเดียมเพื่อเรียกความสนใจกลับมาอีกครั้ง

“ให้ผม เอ่อ ผมขอพูดต่อจากเมื่อกี้นะครับ”

คนที่ถูกกลุ่มผู้ปกครองคนนั้นนินทาคงจะเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจากจ้าวหยู่!

นอกเหนือจากเขาแล้วจะมีใครอีกกันที่ไม่สนใจโลกได้ขนาดนี้

เมื่อออกมาจากตัวล็อบบี้ จ้าวหยู่ก็พบโต๊ะตัวหนึ่ง เขาหยิบสมุดโน้ตเล็ก ๆ ออกมาและจดบันทึกข้อมูลที่หลี่เบ่ยหนีได้ไปรวบรวมหามาให้ ในขณะที่กำลังจดบันทึกอยู่นั้น ความรู้สึกของจ้าวหยู่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขารู้สึกได้ว่าเลือดลมในตัวเขากำลังสูบเลือดอยู่ภายใน

‘หึหึ ไอ้คนร้าย ในที่สุดฉันก็จะจับตัวแกได้แล้ว!’ เขาคิดกับตัวเขาเอง

“หลิวชางฮู คูปิง แหกตารอดูได้เลย ฉันคนนี้แหละที่จะเป็นคนจับคนร้ายของคดีมือที่หายไปเอง!”

หลังจากพูดเสร็จ เขาก็ตีไปที่หัวตัวเองอย่างแรงแต่เต็มไปด้วยความจริงใจ

“ไอ้ระบบปาฏิหาริย์ แกนี่มันสุดยอดจริง ๆ จะไม่ให้ฉันรักแกได้ยังไงกัน!”

เหตุผลที่จ้าวหยู่รู้สึกตื่นเต้นมากขนาดนี้และทำท่าราวกับคนที่เสียสติ นั่นเป็นเพราะเขาได้พบเงื่อนงำที่เกี่ยวข้องกับคดีและเป็นเบาะแสที่ทุกคนมองข้ามไปอย่างสิ้นเชิง!

ตามความเป็นจริงแล้ว ตอนที่เขาเห็นคุณแม่ของชานชานกำลังเล่นเปียโนอยู่บนเวที

จ้าวหยู่ได้มีความคิดบางอย่างที่ค่อนข้างจะเป็นความคิดที่นอกกรอบไปสักหน่อย

คนร้ายที่ตัดมือเหยื่อในคดีนี้ นอกจากจะเลือกเหยื่อที่มีเงินเหลือกินเหลือใช้แล้วยังมีเหตุผลอื่นมาส่งเสริมอีกหรือไม่? เช่นการเล่นเปียโน?

เมื่อคนร้ายเห็นว่ามีคนที่เล่นเปียโนได้ดีกว่าตัวเอง เลยตัดมือเหยื่อ เหล่านั้นออกด้วยความอิจฉา?

ในขณะที่เขากำลังคิดถึงความเป็นไปได้ สิ่งแรกที่เขานึกถึงคือเหยื่อ

รายที่สองในคดีนี้อย่าง หยวนหลีลี่ เธอเป็นครูสอนวิชาดนตรีในวิทยาลัย แน่นอนว่าเธอจะต้องมีทักษะการเล่นที่ค่อนข้างสูงมาก

ทีเดียวและเมื่อเขาคิดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหยื่อรายอื่น ๆ เช่นเหยื่อรายแรก เกาเทียน ในวันที่เกิดเหตุ เกาเทียนได้ไปร่วมงานแสดงคอนเสิร์ตที่สนามกีฬา เขาจำได้ว่าไม่ใช่การแสดงคอนเสิร์ตแบบนักร้องปกติทั่วไป แต่เป็นคอนเสิร์ตที่แสดงเกี่ยวกับดนตรี ดูเหมือนว่ามันเกี่ยวข้องกับเปียโนด้วย!

และด้วยความคิดนี้ จ้าวหยู่จึงรีบโทรหาหลี่เบ่ยหนีทันที

วันนี้หลี่เบ่ยหนีมาทำงานแล้วเรียบร้อย เธอรีบตรวจสอบข้อมูลตามที่จ้าวหยู่ขอความช่วยเหลือมาและเธอรีบโทรกลับอย่างไวเพื่อจะบอกว่า คอนเสิร์ตที่เกาเทียนไปดูวันนั้นเป็นคอนเสิร์ตจากการทัวร์พิเศษของเจ้าชายวงการเปียโนประเทศเยอรมัน เคลเดอร์แมน!

“เจ้าชายวงการเปียโน?”

เกาเทียนมาจากพื้นที่อื่นเพื่อมาร่วมดูคอนเสิร์ตในครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าเธอมีความชอบเกี่ยวกับเปียโนอย่างมาก

“เปียโนอีกแล้ว! แล้วคนที่สามล่ะ หลัวเหม่ยนามีความเกี่ยวข้องกับเปียโนบ้างไหม?”

จ้าวหยู่รีบถามหลี่เบ่ยหนีเพื่อให้เธอไปตรวจสอบข้อเท็จจริงนี้โดยทันที ระหว่างที่กำลังรอการตรวจสอบ เขากำลังคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวคนร้าย เหยื่อและเปียโนเข้าด้วยกัน

การจะตัดมือคน ๆ หนึ่งเพียงเพราะเรื่องเปียโนมันคงจะดูไร้สาระเกินไปแต่จ้าวหยู่มั่นใจในลางสังหรณ์ตัวเขาเองว่าเปียโนเนี่ยแหละคือกุญแจสำคัญที่จะช่วยเขาไขคดีนี้ได้!

เมื่อถึงเวลาที่ผู้ปกครองต้องพบครูประจำชั้น จ้าวหยู่ทำได้แค่เพียงแกล้ง ๆ ฟังไปอย่างนั้น ภายในใจเขากำลังรอการตอบกลับมาของหลี่เบ่ยหนีจนไม่สามารถควบคุมอาการตื่นเต้นออกมาได้

หลี่เบ่ยหนีไม่สามารถรู้ได้ว่าตอนนี้จ้าวหยู่อยู่ที่ไหนแต่เมื่อเธอสามารถรวบรวมหลักฐานตามที่จ้าวหยู่ขอมาได้แล้ว เธอรีบโทรหาเขาในทันที เธอบอกถึงข้อมูลต่าง ๆ อย่างละเอียดและน่าเชื่อถือได้

ผลออกมาว่าเหยื่อในคดีมือที่ไปหายทั้งสามคนนั้น เมื่อสมัยที่พวกเธอยังเป็นเด็ก ๆ พวกเธอต่างได้รับการรับรองมาตรฐานการเล่นเปียโนถึงระดับสิบ!

เมื่อได้ฟังข่าวที่น่าตกใจ จ้าวหยู่ยังคงนั่งนิ่งอยู่กับที่ไม่ไปไหน เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน

ที่ด้านนอกล็อบบี้ขณะที่เขากำลังจดบันทึกอยู่นั้น จ้าวหยู่สัมผัสได้ว่ามือของตัวเองกำลังสั่นเทา

นับตั้งแต่ตอนที่เขาได้มีส่วนร่วมกับคดีมือที่หายไป จ้าวหยู่รู้สึกได้ว่าคนร้ายกำลังทำการแก้แค้นพวกเธอทั้งสามคน

หลังจากออกตามหาเบาะแสที่ยาวนานและพบแต่ความไร้ประโยชน์ แต่คราวนี้เรื่องของเปียโนมันต่างออกไป!

นับตั้งแต่ที่เบาะแสเรื่องเปียโนปรากฏออกมา เหยื่อทั้งสามคนต่างถูกเปียโนเชื่อมโยงกันไว้ทั้งหมด

จ้าวหยู่รู้สึกได้ว่านี่ไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน

“บางทีคำตอบอาจจะอยู่ที่นี่ก็เป็นได้!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด