เกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 22
เกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 22
"พันธมิตรสิบแปดหัวเมือง ช่างน่าหัวร่อ ถ้าไม่ใช่เพราะอ้วนสุดตัดหญ้าเสบียงของพวกเรา พวกเรายังจะแพ้ที่ด่านกิสุยก๋วนรึ" เรื่องนี้นับเป็นแผลใจของซุนเกี๋ยนอย่างมาก "ข้าตั้งตัวเป็นศัตรูกับตั๋งโต๊ะ เพื่อรักษาต้าฮั่น แม้นต้องตายก็ไม่เสียใจ ไม่นึกว่าสุดท้ายจะอยู่ร่วมกับพวกหมูหมากาไก่ซะได้"
"นายท่านโปรดระวัง" เทียเภากระซิบเตือน
"ฮึ่ม เจ้าเมืองเหล่านั้นรู้จักแต่จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ ไม่มีผู้ใดคิดไล่ตามตั๋งโต๊ะ นอกจากแม่ทัพโจกับแม่ทัพลิเท่านั้น อดทอดถอนใจไม่ได้จริงๆ" ยิ่งกล่าว ซุนเกี๋ยนก็ยิ่งผิดหวัง
กลางดึก ซุนเกี๋ยนเพิ่งเข้านอนได้ไม่นาน
จู่ๆก็มีทหารมารายงานว่า สามารถกู้ร่างหญิงสาวขึ้นมาจากบ่อน้ำ ร่างกายยังไม่เน่าเปื่อย ชุดที่สวมใส่คล้ายเป็นชาววัง ทั้งที่คอยังมีถุงปักดิ้นใบหนึ่งห้อยไว้
ได้ยินดังนั้น ซุนเกี๋ยนก็รีบไปที่ด้านทิศใต้ของพระราชวัง เมื่อแกะถุงผ้านั้นออกดู ปรากฏว่าภายในนั้นมีกล่องเล็กสีแดงเข้มที่ถูกแม่กุญแจสีทองลั่นเอาไว้
หลังจากเปิดกล่องออกก็พบว่าเป็นตราหยกชิ้นหนึ่ง ตอนแรกก็ไม่ใส่ใจอะไรนัก แต่เมื่อพิจารณาดูอย่างละเอียด เขาก็พบว่า ตราหยกนี้มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมกว้างยาวด้านละสี่ชุ่น ด้านบนแกะสลักเป็นมังกรห้าตัว เหลี่ยมข้างหนึ่งบิ่นหายไป เลี่ยมปิดไว้ด้วยทองคำ ด้านบนมีอักษรจ้วนสลักไว้แปดตัวว่า "โซ่วมิ่งยหวีเทียน จี้โซ่วหย่งชาง"
ซุนเกี๋ยนพลิกดูก่อนจะเอ่ยถามขึ้นว่า "กงฟู่รู้จักตรานี้หรือไม่?"
เทียเภาที่พิจารณาดูอยู่สักพักก็อุทานขึ้นด้วยความประหลาดใจ "นี่เป็นตราหยกแผ่นดิน!"
"นี่เป็นหยกที่เปี้ยนเหอพบที่ภูเขาจิงซาน ครั้งนั้นเขาเห็นหงส์เกาะอยู่บนหินก้อนหนึ่ง จึงได้นำถวายหินก้อนนั้นต่อฉู่เหวินหวาง เมื่อกะเทาะหินก้อนนั้นออก ก็พบว่าเป็นหยก สมัยฉินปีที่ยี่สิบหก จึงให้ช่างแกะเป็นราชลัญจกรแผ่นดิน หลี่ซือได้คิดค้นอักษรแปดตัว 'โซ่วมิ่งยหวีเทียน จี้โซ่วหย่งชาง' แกะลงบนตรานี้ ได้ยินมาว่าเมื่อครั้งสิบขันทีก่อความวุ่นวาย ตราหยกนี้ได้สูญหายไป นายท่าน ในเมื่อสวรรค์มอบตราหยกนี้มาให้ ก็แสดงว่านายท่านเป็นผู้มีบุญญาธิการ ขอนายท่านรีบนำกลับไปที่กังตั๋งโดยเร็ว"
ซุนเกี๋ยนรีบเก็บตราหยก "เมื่อเจ้าเมืองพวกนั้นจิตใจโลเล ไม่อาจทำการใหญ่ เช่นนั้นข้ากลับกังตั๋งดีกว่า"
จากนั้นเขาก็สั่งอย่างเคร่งครัดไม่ให้ทุกคนเปิดเผยข่าวนี้ออกไป
น่าเสียดาย ในกองทัพของซุนเกี๋ยนมีสายของอ้วนเสี้ยวแฝงตัวอยู่ สายลับนั้นลอบออกจากค่ายกลางดึก รีบมุ่งหน้ากลับไปยังค่ายของอ้วนเสี้ยว
หลังจากได้ฟังรายงาน ดวงตาอ้วนเสี้ยวก็ฉายแววละโมบ นั่นไม่ใช่เพียงแค่หยกก้อนหนึ่ง หากแต่เป็นตราราชลัญจกรหยก ว่ากันว่าหากได้ครอบครองจะประสบพบโชควาสนาใหญ่ เขาสั่งให้ตบรางวัลแก่ทหารนายนั้นและเก็บไว้ในกองทัพ
วันรุ่งขึ้น ซุนเกี๋ยนก็ขอถอนตัวจากกลุ่มพันธมิตร โดยบอกต่ออ้วนเสี้ยวว่าที่กังตั๋งเกิดเรื่องขึ้น อีกทั้งช่วงนี้ยังรู้สึกไม่สบายจึงต้องขอตัวลา
อ้วนเสี้ยวแค่นเสียง "ข้ารู้ว่าเหวินไถป่วยด้วยเหตุอันใด"
"เป็นเหตุใด?" ซุนเกี๋ยนถาม
บรรดาเจ้าเมืองที่อยู่ภายในกระโจมต่างก็หันมองมาด้วยความใคร่รู้ ตั้งแต่เมื่อใดกันที่อ้วนเสี้ยวศึกษาศาสตร์การแพทย์?
"เพราะตราหยกแผ่นดิน" อ้วนเสี้ยวกล่าวอย่างเย็นชา
ซุนเกี๋ยนตกตะลึง สีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย กระนั้นปากยังกล่าวออกไปอย่างสงบ "อยู่ๆไฉนท่านผู้นำจึงกล่าวถึงของสิ่งนั้น?"
อ้วนเสี้ยวกล่าวเสียงเคร่ง "พวกเรามารวมตัวกันเพื่อปราบขุนนางโฉด กอบกู้บ้านเมือง ตราหยกแผ่นดินถือเป็นสมบัติของชาติบ้านเมือง ในเมื่อแม่ทัพซุนพบเจอ ก็สมควรส่งมอบให้ผู้นำพันธมิตรเช่นข้าเก็บรักษาเอาไว้ก่อน รอจนปราบตั๋งโต๊ะลงได้แล้ว ข้าก็จะได้ส่งคืนต่อราชสำนัก แต่แม่ทัพซุนเก็บซ่อนไว้กับตัวเช่นนี้ มีเจตนาใด?"
"ตราหยกแผ่นดินจะมาอยู่กับแม่ทัพผู้นี้ได้อย่างไร? ท่านผู้นำคงถูกคนชั่วยุยงแล้ว" ซุนเกี๋ยนปฏิเสธไม่ยอมรับ
อ้วนเสี้ยวสั่งให้ทหารนำตัวทหารที่เป็นพยานออกมายืนยัน กระนั้นซุนเกี๋ยนก็ยังยืนกรานไม่ยอมรับ
เมื่อออกจากกระโจมใหญ่ ซุนเกี๋ยนก็นำทหารทั้งหมดของเขาออกจากลั่วหยาง
อ้วนเสี้ยวโกรธมาก เขาเขียนจดหมายก่อนจะให้คนสนิทนำจดหมายฉบับนี้เร่งรีบไปยังเมืองเกงจิ๋ว ส่งต่อให้เล่าเปียว
สถานการณ์ของกองทัพพันธมิตรย่ำแย่ลงทุกวัน อ้วนเสี้ยวทราบว่ากลุ่มพันธมิตรมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ดังนั้นเขาจึงนำทหารออกจากค่าย เดินทางกลับเมืองตนเอง
..........
ทางด้านลิโป้ หลังจากจัดกำลังเรียบร้อยแล้ว เขาก็นำทหารม้าไล่ตามตั๋งโต๊ะต่อ ระหว่างทางพบเห็นซากศพชาวบ้านอยู่เกลื่อนกลาด น่าอนาถอย่างที่สุด ตั๋งโต๊ะกวาดต้อนผู้คนจากเมืองลั่วหยางหลายแสนคนไปกับเขาด้วย เพียงแต่เมื่อไปถึงฉางอันแล้ว จะหลงเหลือสักกี่คนกัน?
ชาวเมืองเหล่านี้ล้วนเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่สมควรที่จะต้องมารับผลกระทบจากสงครามเช่นนี้ ทันใดนั้นลิโป้ก็เกิดความคิดจะช่วยเหลือผู้คนจากตั๋งโต๊ะ ปิงโจวนั้นกว้างใหญ่ไพศาล แต่มีประชากรอยู่เบาบาง ย่อมสามารถรองรับผู้คนได้เป็นจำนวนมาก
ซีเอ๋งหนีกลับมาถึงทัพหลักด้วยหน้าตาตื่น ในใจยังอกสั่นขวัญแขวนกับอานุภาพทหารม้าปิงโจวไม่หาย เขานึกว่าทหารม้าเสเหลียงนั้นร้ายกาจที่สุดในแผ่นดินแล้ว คิดไม่ถึงจะพบเจอทหารม้าที่ร้ายกาจยิ่งกว่า
"ท่านซี เป็นอย่างไรบ้าง?" ลิซกเมื่อได้รับรายงานจากทหาร เขาก็รีบออกมาต้อนรับ แต่คาดไม่ถึงว่าทหารที่กลับมาจะอยู่ในสภาพที่พ่ายแพ้ยับเยิน
"ท่านลิ รีบส่งคนไปขอความช่วยเหลือจากท่านอุปราชเร็ว ทหารปิงโจวไล่ตามมาแล้ว เป็นทหารม้า ทหารม้าจำนวนมาก" ซีเอ๋งกล่าวอย่างลนลาน
ลิซกลอบหัวเราะอยู่ในใจ ปากกล่าวว่า "ท่านซี ท่านอุปราชอยู่ไกลจากที่นี่มาก อีกทั้งยังมีขบวนชาวเมืองกั้นขวางอยู่ ย่อมไม่อาจส่งกำลังมาช่วยเหลือได้ในเวลาอันสั้น"
"เช่นนั้นพวกเราควรทำอย่างไรดี?" ซีเอ๋งไม่ทันสังเกตน้ำเสียงของลิซก ในเวลาปกติเขาไม่เห็นลิซกอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ ทัพปิงโจวกำลังใกล้เข้ามาทุกขณะ เขาไม่คิดว่ากำลังทหารสองพันในมือลิซกจะต้านทานศัตรูได้
"ควรยอมจำนน โจรชั่วตั๋งโต๊ะกระทำการต่อต้านฟ้าดิน ทำให้สวรรค์พิโรธ ติดตามต่อไปต้องไม่มีจุดจบที่ดี" ลิซกจ้องมองซีเอ๋งก่อนจะกล่าวออกมาช้าๆ
"จะ...เจ้าคนทรยศ" ซีเอ๋งชี้หน้าลิซกอย่างโกรธแค้น จากนั้นจึงชักกระบี่ออกมา "ทหาร จับตัวลิซกไว้"
ลิซกแค่นเสียงเย็น "ท่านซี คิดหรือว่าทหารของข้าจะฟังคำสั่งของท่าน? เวลานี้พวกเขาละทิ้งความมืด มุ่งสู่แสงสว่างกันหมดแล้ว"
"เจ้า....พวกเจ้า" ซีเอ๋งนึกไม่ถึงเลยว่า ลิซกที่มักจะยิ้มแย้มอยู่ตลอดจะมากเล่ห์เพทุบายเช่นนี้ ถึงกลับสามารถเกลี้ยกล่อมให้ทหารเสเหลียงยอมสวามิภักดิ์ต่อลิโป้
"มัดพวกเขาไว้" ลิซกสั่งการ ทหารที่อยู่ด้านหลังก็พุ่งเข้ามาดุจหมาป่าพยัคฆ์ จับกุมซีเอ๋งและผู้ติดตามของเขามัดไว้อย่างแน่นหนา
"ทัพของนายท่านใกล้จะมาถึงแล้ว แม่ทัพเตียวนำไพร่พลเข้าสวามิภักดิ์ ถือว่ามีความดีความชอบใหญ่หลวง" ลิซกกล่าว
"ขอท่านกุนซือ ช่วยพูดเรื่องดีของข้าต่อหน้าท่านแม่ทัพลิด้วย" เตียวเอ๊กกุมหมัดคารวะ ตัวเขาเป็นแม่ทัพในทัพเสเหลียง เขาถือเป็นผู้ที่เข้าร่วมกับตั๋งโต๊ะตั้งแรกๆ แต่ไม่เคยถูกตั๋งโต๊ะเรียกใช้งาน ขณะฮัวหยงที่เข้าร่วมกับตั๋งโต๊ะในเวลาไล่เลี่ยกันกับเขา ตอนนี้มีตำแหน่งสูงส่งไปแล้ว ส่วนตัวเขายังคงติดอยู่ที่ตำแหน่งนายพัน ควบคุมไพร่พลพันนาย
เพราะมีประสบการณ์คล้ายคลึงกัน เขาและเตียวเอ๊กจึงพูดคุยกันถูกคอ ระบายสุขทุกข์แก่กัน หลังจากลิโป้และเขาร่วมกันวางแผนที่ลั่วหยางคืนนั้น เขาก็ไปพบกับเตียวเอ๊กเป็นการส่วนตัว หลังจากพูดคุยกันแล้ว เตียวเอ๊กก็ตัดสินใจสวามิภักดิ์ต่อลิโป้ ถอนตัวออกจากกองทัพเสเหลียง
............
เมื่อฮัวหยงและคนอื่นๆกลับมาสมทบกับตั๋งโต๊ะ เขาก็บรรยายรายละเอียดการซุ่มโจมตีทัพของโจโฉคืนนั้นต่อตั๋งโต๊ะ ทำให้ตั๋งโต๊ะหัวเราะอย่างเบิกบานใจ "แผนการของเหวินโยวเลิศล้ำเหนือใคร กองทัพพันธมิตรอะไรนั่นก็แค่พวกหมูหมากาไก่"
"ขอบคุณท่านอุปราชที่ชื่นชม" ลิยูยิ้มกล่าว
"ถ่ายทอดคำสั่งลงไป เร่งฝีเท้ากลับฉางอันโดยเร็วที่สุด" ตั๋งโต๊ะสั่งการ
ด้วยความร่วมมือของลิซก ลิโป้จึงนำกำลังมาถึงขบวนคุ้มกันสัมภาระของตั๋งโต๊ะ
"หยูดด!" เมื่อเห็นลิซกนำกำลังมาจากไกลๆ ผู้คุมขบวนสัมภาระก็ตะโกนขึ้นด้วยความตื่นตัว
"ข้าลิซก มีเรื่องสำคัญคิดรายงานต่อท่านอุปราช" ลิซกกล่าว
"ข้างหลังท่านนั่นใคร?" ทหารม้าจำนวนสองพันไม่ใช่ทหารจำนวนน้อยๆ เขาย่อมไม่กล้าปล่อยผ่านไปโดยง่าย
"อ้อ นั่นเป็นทหารของท่านซีเอ๋งที่เอาชนะทัพพันธมิตรอย่างยิ่งใหญ่เมื่อคืน" ลิซกอธิบาย
"โปรดรอเดี๋ยว ขอข้าน้อยไปรายงานท่านแม่ทัพก่อน" ผู้คุมขบวนนั้นคิดว่าควรจะรายงานต่องิวฮูก่อนจะดีกว่า