เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 128
ตอนที่ 128
เหล่าผู้บ่มเพาะที่เคยอยู่ในยุคสมัยอันรุ่งเรืองของบรรพชนหลินมาก่อน เมื่อเห็นฉากนี้พวกเขาอดมิได้ที่จะกลืนน้ำลายลงคอ แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ไกลแสนไกลก็ตามที ทว่าพวกเขาก็ยังมิกล้าจะเอ่ยแม้เพียงครึ่งคำ ทำได้เพียงเฝ้ารอประโยคสนทนากันของสองผู้ยิ่งใหญ่ ใต้หล้าเต็มไปด้วยความเงียบงัน
“ซวนเอ๋อร์ของพวกเราอยู่ที่ใด?”
บรรพชนตระกูลหลินเอ่ยถาม นายเหนือแห่งราชวงศ์อมตะสงบนิ่งลงก่อนจะปรากฏแววเย็นชาในสายตาของเขา
“ข้าเองก็สงสัยเช่นกันว่าเขาอยู่ที่ใด ส่งหม้อสามขาทมิฬดับสวรรค์เก้าชั้นฟ้าคืนมาได้แล้ว”
“ในฐานะจักรพรรดิ ข้าคิดว่าเจ้าควรเป็นผู้ที่รู้ดีที่สุดว่าราชวงศ์อมตะกระทำสิ่งใดลงไป เจ้ามิได้รู้สึกผิดใดๆ เลยหรือที่ได้กระทำอาชญากรรมเยาะเย้ยฟ้าดินเช่นนี้?” บรรพบุรุษตระกูลหลินเอ่ยออกมาอย่างช้าๆ ประโยคของพวกเขาราวกับเป็นศาสตราวุธที่ฟาดฟันกันไปมา พลังที่แฝงอยู่ในคำพูดเหล่านั้นทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหลายตื่นกลัว
“เหตุใดราชวงศ์อมตะของข้าต้องอธิบายสิ่งใดแก่เจ้า? ต่อให้เจ้าบรรลุแดนปราณเป็นตัวตนชนชั้นก่อตั้งจิตแล้วอย่างไร? เจ้าเป็นเพียงมดปลวกที่สามารถถูกบดขยี้ได้อย่างง่ายดาย” แม้บรรพชนแซ่หลินจะเปิดเผยความจริงออกมา ทว่านายเหนือแห่งราชวงศ์ก็ยังดูมิได้แยแสอันใด
“เจ้าคิดว่าตนเองไร้เทียมทาน?” บรรพชนหลินถามด้วยรอยยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตา
บัดนี้ สีหน้าของจักรพรรดิราชวงศ์อมตะเรียบเฉยยิ่ง จนถึงจุดที่ดูช่างแปลกประหลาด
“หลินฉิงเทียน เจ้าต้องการสิ่งใด? คุกเข่าและยอมรับผิดเสียแต่โดยดี ข้าจะไว้ชีวิตรุ่นเยาว์ของเจ้าสักเล็กน้อยพอให้เหลือเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ช่วยรักษาสายเลือดของเจ้าเอาไว้”
“ข้าคิดว่าเจ้ามองตัวเองไว้สูงส่งมากกระมัง? ได้ยินว่าเจ้าใช้เวลาถึงสามหมื่นปีในการก้าวเข้าสู่แดนปราณก่อตั้งจิต ในระหว่างนั้น เจ้าใช้สมบัติไปนับไม่ถ้วน ทว่ายังไปถึงได้แค่ระดับชั้นที่ห้าของแดนก่อตั้งจิตเท่านั้น” บรรพบุรุษหลินตอบกลับพร้อมแฝงร่องรอยเยาะเย้ยเอาไว้ในนั้น
เขาเองก็มิได้เกรงใจที่จะเปิดเผยความลับของจักรพรรดิแห่งราชวงศ์แต่อย่างใด
นายเหนือแห่งราชวงศ์อมตะผู้นี้มีอายุมากกว่าบรรพชนหลินถึงหนึ่งหมื่นปีและเป็นอัจฉริยะผู้หนึ่ง อย่างไรก็ตาม เมื่อครั้งที่มันเข้าไปสำรวจยังแดนลึกลับในวัยหนุ่ม มันประสบกับสถานการณ์เป็นตายและแทบจะสิ้นชีพลงที่นั่น พร้อมทั้งได้รับโรคร้ายที่มิมีวันรักษาหายติดตัวมาด้วย นี่เป็นความเสียใจช่วยชีวิตของมัน
หากเป็นผู้อื่นที่ล้อเลียนมันเรื่องนี้ จักรพรรดิราชวงศ์อมตะคงมิได้ใส่ใจเท่าใดนัก ทว่า หลินฉิงเทียนบัดนี้ก็เป็นชนชั้นปราณก่อตั้งจิตเช่นกัน นี่ทำให้มันหงุดหงิดไม่น้อย
“ดูเหมือนว่าเจ้าต้องการจะขุดหลุมฝังศพให้ตระกูลหลินด้วยตนเอง!” จักรพรรดิผู้นั้นเอ่ยอย่างหนาวเหน็บ
“แล้วเจ้าไม่คิดหรือไรว่าการกระทำของเจ้าเองก็เป็นการขุดสุสานให้ราชวงศ์อมตะเช่นกัน?” บรรพชนแซ่หลินหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย
“รนหาที่ตาย!” สีหน้าของนายเหนือแห่งราชวงศ์อมตะบัดนี้น่าเกลียดยิ่ง ดวงตาของมันเต็มไปด้วยจิตสังหาร
“เรื่องเกี่ยวกับสกุลหลินของข้า? ไม่จำเป็นต้องอาศัยการตัดสินจากเจ้า!” สีหน้าของบรรพชนสกุลหลินเปลี่ยนไปเป็นเย็นชา ดวงตาเต็มไปด้วยความต้องการเข่นฆ่าและแหลมคมประดุจกระบี่
“ความสูงส่งของราชวงศ์อมตะที่เจ้าพร่ำพูดถึงกำลังจะหมดลง และกองทัพนับล้านของเจ้าจะถูกข้าทำลายจนย่อยยับด้วยคมกระบี่!”
“ในตอนนั้น ข้าจะทำลายหม้อสามขาทมิฬดับสวรรค์เก้าชั้นฟ้าต่อหน้าเจ้าเอง!”
ประโยคนั้นช่างดูหยิ่งผยองยิ่งนักในสายตาของจักรพรรดิ สีหน้าของมันบัดนี้ไม่น่ามองอย่างยิ่ง
“บังอาจ!” นายเหนือแห่งราชวงศ์ตะโกนอย่างโกรธแค้น
“แล้วทำไมข้าจะไม่กล้าเล่า? อย่าได้กล่าวถึงเพียงหม้อสามขา หากเจ้ากล้ายื่นมือมาแตะต้องตระกูลหลินของข้า ข้าจะสังหารทุกคนที่ดาหน้าเข้ามา!” บรรพบุรุษสกุลหลินมิได้มีความเกรงกลัวแต่อย่างใด
“ในเมื่อเจ้ามิได้โผล่มาเพื่อยอมแพ้หรือร้องขอความเมตตา และเจ้าจะมาปรากฏตัวที่นี่เพื่อเหตุอันใด?” จักรพรรดิผู้นั้นเอ่ยถาม
“ข้า หลินฉิงเทียน บรรพบุรุษของตระกูลหลินแห่งอาณาจักรฉีซาน ถูกราชวงศ์อมตะใช้ข้ออ้างว่าต้องการยืมตัวเซียนน้อยของตระกูลข้าไปเพื่อเปิดเส้นทางสู่แดนลึกลับล้านปี ทว่าความเป็นจริงแล้วพวกมันกลับต้องการใช้โลหิตของรุ่นเยาว์ตระกูลข้าเป็นเครื่องเซ่นสังเวย ทั้งยังทำร้ายสมาชิกคนสำคัญของตระกูลข้าจนบาดเจ็บสาหัส ไม่เพียงเท่านั้น พวกมันยังใช้กำลังเข้าปราบปรามเหล่าตระกูลอื่นๆ ในอาณาเขตเหนือครามที่ถูกหลอกให้สังเวยอัจฉริยะรุ่นเยาว์ของตัวเองเช่นกัน พวกมันกำลังหลอกลวงคนทั่วทั้งใต้หล้า!”
“อย่างไรเสีย บาปกรรมย่อยมีจริง และสรวงสวรรค์แห่งเต๋ายุติธรรมเสมอ!”
“วันนี้ ตระกูลหลินของข้าจะใช้ดวงดาราบนฟากฟ้าเป็นพยาน ใช้ขุนเขาต่างบันทึก และให้สรวงสวรรค์แห่งเต๋าเป็นผู้ตัดสิน พวกเราขอสาบานว่าจะหยุดยั้งเส้นทางสู่ความเป็นอมตะของราชวงศ์อมตะลงเสีย และจะต่อสู้กับพวกมันจนตาย!”
เสียงของบรรพชนหลินดังสะท้อนก้องไปทั่วโลกทั้งใบ และคนทั่วทั้งอาณาจักรฉีซานได้ยินถ้อยคำนั้นอย่างชัดเจน ราวกับมีสายฟ้าสวรรค์คำรามและมังกรสมุทรกำลังร่ำร้อง!
เขามิได้คิดจะหลบซ่อนแต่อย่างด้วย ด้วยคำพูดที่เรียบง่ายเหล่านั้น กลับเปิดเผยเจตนาอันแท้จริงของราชวงศ์อมตะจนหมดเปลือก เปิดเปลือยความน่ารังเกียจของพวกมันต่อสายตาของทุกสรรพชีวิต!
เหตุการณ์นี่ช่างน่าตกตะลึงนัก!
เมื่อเหล่าตระกูลทั้งหลายได้ยินคำประกาศศึกของบรรพชนตระกูลหลิน พวกเขาก็กลับกลายเป็นเดือดพล่านทันที
“เป็นเช่นนั้นจริงหรือ?”
“ตระกูลหลินกล้าประกาศสงครามกับราชวงศ์อมตะ?”
“หรือว่าตระกูลหลินมิได้รับรู้ผลที่เกิดตามมาจากการต่อต้านราชวงศ์ของตระกูลเหล่านั้น? การต่อต้านราชวงศ์มิเคยจบลงอย่างสวยงาม!”
“พวกเราต้องระวังตัวให้ดีในคราวนี้ ไม่ว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้น พวกเราต้องนิ่งเฉยเสีย!”
“ไม่เห็นมีสิ่งใดให้ต้องระมัดระวัง เตรียมตัวเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการที่ราชวงศ์อมตะบุกไปล้างแค้นตระกูลหลินก็เพียงพอ!”
“ฮ่าๆๆๆ ยอดเยี่ยม! ตระกูลหลินที่เคยยั่วยุจ้าวแห่งห้วงเหว ทว่ากลับโชคดีหลุดรอดจากหายนะมาได้ บัดนี้ราชวงศ์อมตะเป็นผู้ออกหน้าด้วยตนเอง มาดูกันเถิดว่าตระกูลหลินจะยังรอดพ้นไปได้เช่นไร?”
ในอาณาจักรฉีซาน ตระกูลนับไม่ถ้วนต่างก็เต็มไปด้วยความโกลาหล
คำสาบานของบรรพบุรุษสกุลหลินราวกับประกายสายฟ้าที่ผ่าลงมา ทำให้ผู้คนตื่นตะลึง
ขณะนี้ เหนือก้อนเมฆทั้งหลาย สายตาของจักรพรรดิแห่งราชวงศ์อมตะเย็นยะเยือกเต็มที
เขามิได้โต้ตอบอันใดอีก เพราะคิดว่ามันคือการดูหมิ่นสถานะของตนเอง ดังนั้นเขาจึงหันหลังกลับไปและร่างของเขาก็จางหายไปในที่สุด
ทานด้านบรรพบุรุษตระกูลหลินเพียงแค่นเสียงออกมาคราหนึ่ง และก้าวไปด้านหน้าก่อนจะโบกแขนเสื้อของตน ภูเขาและสายน้ำสั่นไหว กระทั่งดวงดารายังร่ำร้องออกมา!
เขาโจมตีและบดขยี้หนังสือประกาศศึกของจักรพรรดิราชวงศ์อมตะทันที!
“ข้าไปเรียกคืนหม้อสามขาทมิฬดับสวรรค์เก้าชั้นฟ้าจากเจ้า” ก่อนที่ร่างของนายเหนือแห่งราชวงศ์จะสลายไปจนหมด มันก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“มาสังหารข้าด้วยตนเองสิ!” บรรพชนหลินแค่นเสียงใส่
ในขณะเดียวกัน ส่วนลึกที่สุดของแดนรกร้าง หลินซวนใช้พลังจากเซียนต้นหลิวเพื่อกลับไปยังเมืองต้าหยาน
มองเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นบนท้องฟ้า กระทั่งหลินซวนเองก็อดมิได้ที่จะรู้สึกภาคภูมิใจ
“อย่างที่คาดเอาไว้ บรรพชนของข้าช่างองอาจเสียจริง!”
การประกาศสงครามที่แสนเย่อหยิ่งของบรรพชนหลินและการที่เขาลงมือทำลายหนังสือประกาศศึกจากจักรพรรดิลงด้วยตนเองนั้นก่อให้เกิดความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ขึ้นทั่วทั้งอาณาเขตเหนือครามและรอบข้าง!
ทว่า ไม่มีกองกำลังหรือใดตระกูลใดที่คิดว่าสกุลหลินจะชนะในครั้งนี้ กระทั่งเหล่าตระกูลที่สูญเสียอัจฉริยะของตนให้กับราชวงศ์อมตะไปก็ยังยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว ไม่กล้าออกหน้ามาช่วยเหลือแต่อย่างใด พวกเขาล้วนมองว่าตระกูลหลินไม่มีทางเหนือไปกว่าราชวงศ์อมตะได้เลยแม้แต่น้อย
ในตอนนั้นเอง สกุลหลินเองก็พบกับความประหลาดใจ!
นี่เป็นเพราะหลินซวนกลับมาบ้านได้สำเร็จ ทารกน้อยที่สูงเพียงแค่หนึ่งในสี่จั้ง และน่ารักน่าชังราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบได้ก้าวเท้าผ่านประตูจวนตระกูลหลินเข้ามา
หลินซวนกล่าวทักทายศิษย์ทั้งหลายที่กำลังนิ่งค้างในระหว่างที่กำลังเดินกลับจวนของตนไปตามทาง
ทุกคนต่างก็ชะงักงัน... พวกเขาไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าจะต้องมีปฏิกิริยาเช่นไร