เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 127
ตอนที่ 127
เมืองหลวงของราชวงศ์อมตะนั้นกว้างใหญ่ศาล กำแพงเมืองสูงชันราวกับขุนเขา ด้านในเต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือนที่ก่อสร้างขึ้นมาจากหยกที่ลอยอยู่เหนือพื้นดิน เต็มไปด้วยกลิ่นอายโบราณและหรูหราฟุ่มเฟือย
ในเมืองหลวงแห่งนั้นมีผู้อยู่อาศัยนับไม่ถ้วน อักขระล้ำลึกมากมายถูกจารึกอยู่ทั่วทุกพื้นที่และมันสามารถดึงดูดพลังจากดวงดาวบนท้องฟ้ามาก่อร่างเป็นค่ายกลขนาดมหึมา เมื่ออักขระเหล่านั้นปรากฏขึ้น มันจะเปล่งประกายระยิบระยับพร้อมทั้งกลิ่นอายทรงพลังออกมา
วันนี้ ด้านในของเมืองหลวงราชวงศ์อมตะ ก้อนเมฆหลากสีกระจายอยู่เต็มท้องฟ้า ประตูเมืองขนาดเท่าภูเขาลูกย่อมๆ เปิดออก กลุ่มของทหารในชุดเกราะขนนกดำมากมายขี่กระบี่บินพุ่งสู่ท้องนภา
กองทหารเกราะขนนกดำพวกนั้นเต็มไปด้วยจิตสังหารและยุทธภัณฑ์ที่พรั่งพร้อม ต่อให้จะเป็นเพียงสมบัติระดับธรรมดา แต่ก็ยังนับว่ามิได้สามัญเช่นคนทั่วไป
หลังจากพวกมันเหาะขึ้นฟ้าทีละคนๆ ก็ราวกับกลายเป็นเมฆดำทะมึนปกคลุมไปทั่วพื้นที่ และความน่าหวาดหวั่นที่สุดก็คือจำนวนของพวกมันมีอยู่นับหมื่น
ต่อให้สังเกตจากระยะไกลหลายลี้ ก็ยังสัมผัสได้ถึงจิตสังหารและกลิ่นอายฆ่าฟันที่ส่งออกมาจากกองทัพนั้น
ด้านนอกของเมือง ตระกูลทั้งหลายที่ผ้ารอมาเนิ่นนานในที่สุดก็ได้เห็นฉากเช่นนี้ ขนหัวของพวกมันตั้งชัน และร่างกายสั่นเทา!
“ในที่สุดราชวงศ์อมตะก็จะทำการโจมตีตระกูลหลินแล้ว!”
ราชวงศ์อมตะที่ต้องการส่งกองทัพไปโจมตีตระกูลหลิน พวกมันส่งกองทหารเกราะขนนกดำนับหมื่น และรวมถึงทหารราบธรรมดาอีกนับล้านนายของอาณาจักรเซี่ยเต๋ามุ่งหน้าไปยังอาณาจักรฉีซาน
นาวาล่องอากาศโบราณมากมายลอยขึ้นกลางอากาศ ตามมาด้วยป้อมปราการลอยฟ้า อสูรดุร้ายนับไม่ถ้วนทำหน้านี้ลากจูงนาวาเหล่านั้นคำรามดังลั่น!
สามารถพบเห็นราชสีห์สองหัว อาชาสี่ปีก และมังกรวายุสามเล็บปลดปล่อยกลิ่นอายอันน่าหวาดผวาของพวกมันออกมา
ทั่วทั้งท้องนภาเต็มไปด้วยปราณวิญญาณข้นคลั่ก ไม่ว่าที่ใดก็ตามที่กองทัพนี้เคลื่อนผ่าน ก้อนสูญสลาย เหล่าปักษาและสรรพสัตว์ต่างล้มตาย!
กองนับจำนวนนับล้านเช่นนี้สามารถกล่าวได้ว่าพวกมันปกคลุมเบื้องบนอย่างมืดฟ้ามัวดิน!
“ดูเหมือนว่าราชวงศ์อมตะต้องการจะเชือดไก่ให้ลิงดู ไม่เพียงพวกเขาจะส่งกองกำลังทหารราบนับล้าน แต่ยังรวมถึงทหารเกราะขนนกดำอีกนับหมื่นนาย นี่มันน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว!”
เมื่อเหล่าตระกูลต่างๆ ของอาณาเขตเหนือครามได้เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ความสิ้นหวังปรากฏในหัวใจของพวกเขา
ไม่เพียงป้อมปราการลอยฟ้าและนาวาล่องอากาศมากมาย กระทั่งอสูรร้ายที่คอยลากจูงยังมีระดับบ่มเพาะถึงขั้นที่สิบของแดนสร้างรากฐาน!
แล้วพวกเขาจะต่อต้านได้อย่างไร? ต้องรู้ก่อนว่าทหารเกราะขนนกดำจำนวนเพียงพันคนสามารถกวาดล้างตระกูลเล็กๆ ให้หายสาบสูญไปได้ในครั้งเดียว เมื่อรวมกับยอดฝีมือชนชั้นแก่นทองคำอีกถึงสิบคนในชุดสีขาวทองประดับด้วยขนนกขาวแล้วนั้น พวกเขาย่อมสามารถทำลายล้างตระกูลใหญ่ของอาณาจักรทั้งเจ็ดได้อย่างย่อยยับ
บัดนี้ กองทหารเกราะขนนกดำนับหมื่นและยอดฝีมือแดนแก่นทองคำอีกนับร้อยคนกำลังเคลื่อนที่อยู่บนท้องฟ้า!
“พวกเขาพบหายนะเข้าเสียแล้ว ตระกูลหลินย่อมต้องถูกทำลายลงอย่างแน่นอนในครั้งนี้ ต่อให้บรรพชนของพวกเขาเป็นผู้บ่มเพาะแดนปราณก่อตั้งจิตแล้วอย่างไร? เผชิญหน้ากับกองกำลังหลักล้านเช่นนั้น พวกเขาไม่มีแม้กระทั่งโอกาสหนีรอด!”
หลังจากตระกูลทั้งหลายของอาณาเขตเหนือครามได้ค้นพบความจริงนี้ หัวเขาทำได้เพียงถอนหายใจออกมา ส่วนด้านตระกูลที่ถูกราชวงศ์อมตะรังแก พวกเขาก็ทำได้เพียงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันของตนอย่างลับๆ
“ท้ายที่สุด ดูเหมือนว่าราชวงศ์อมตะต้องการจะพิชิตทั้งอาณาเขตเหนือครามให้อยู่ในกำมือของตนใช่หรือไม่?”
นี่คือความคิดของเหล่าอัจฉริยะและตระกูลทั้งหลายแหล่ที่ถูกเซ่นสังเวย พวกเขาล้วนได้รับการ “เยี่ยมเยือน” จากคนของราชวงศ์ สมาชิกบางส่วนตกตาย และพวกเขาสูญเสียสมบัติล้ำค่านับไม่ถ้วน ทว่าทำได้เพียงเก็บงำโทสะไว้ภายใน พวกเขาไร้ซึ่งพละกำลังใดที่จะต่อต้านราชวงศ์อมตะได้
“ดูเหมือนว่าตระกูลหลินจะประสบกับหายนะเข้าเสียแล้ว!” ยอดฝีมือชราคนหนึ่งถอนหายใจออกมาพลางมองไปยังทิศของอาณาจักรฉีซานที่อยู่ไกลออกไป
ในวันที่พวกมันส่งกองทัพออกไป ราชวงศ์อมตะเป็นฝ่ายเริ่มการโจมตีก่อน สะพานสีทองอร่ามที่ราวกับมาจากสวรรค์เชื่อมต่อราชวังจักรพรรดิของราชวงศ์อมตะในอาณาจักรเซี่ยเต๋าเข้ากับตระกูลหลินในอาณาจักรฉีซาน
จากนั้น ม้วนคัมภีร์ทองคำก็ถูกส่งผ่านสะพานสีทองสายนั้นข้ามผ่านระยะทางนับอนันต์
ราวกับเป็นอีกาทองคำที่มาจุติยังผืนโลกและล่องลอยอยู่เหนือท้องฟ้าของตระกูลหลินแห่งอาณาจักรฉีซาน มันคือสารแจ้งให้ทราบว่าพวกเขาประกาศสงครามกับตระกูลหลินเป็นที่เรียบร้อย!
ร่างที่ปรากฏจากม้วนคัมภีร์นั้นคือนายเหนือแห่งราชวงศ์อมตะ ความสูงนับพันฉื่อราวกับเป็นภูเขาสูงชัน ใบหน้าของเขาพร่าเลือน ทว่าความสง่างามมิมีที่สิ้นสุด ทุกคำที่ออกมาจากปากของเขาดังสนั่นคล้ายกับสายฟ้าจากสรวงสวรรค์!
ใต้สวรรค์เหนือผืนแผ่นดิน เท่าทั้งหกทิศแปดทาง ทุกหนแห่งที่แสงอาทิตย์และจันทราสาดส่องถึงล้วนเป็นส่วนหนึ่งของอาณาเขตของราชวงศ์อมตะทั้งสิ้น!”
“พวกเจ้า ตระกูลหลิน ขโมยสมบัติของราชวงศ์และข้ามเส้นไป ข้า ในนามของกฎเกณฑ์ ขอประกาศว่าโทษทัณฑ์ของพวกเจ้าคือประหาร!”
“ข้าจะให้โอกาสทุกคนในตระกูลหลินหนึ่งวัน จงคุกเข่าและอ้อนวอนขอความเมตตา”
“มิเช่นนั้น พวกเราจะสกัดวิญญาณของเจ้าออกมา และสังหารให้สิ้นมิให้เหลือไว้แม้กระทั่งซากศพ!”
แม้ว่าที่จะเป็นเพียงภาพที่เกิดจากศิลาบันทึกเท่านั้น ทว่าความยิ่งใหญ่ของนายเหนือแห่งราชวงศ์อมตะเป็นเรื่องจริง ทุกคำที่ออกมาจากปากราวกับเสียงคำรามของมังกรสมุทรหรือสายฟ้าจากสรวงสวรรค์ สะท้อนก้องไปทั่วทั้งอาณาเขตเหนือคราม
ผู้คนนับไม่ถ้วนในอาณาจักรฉีซาน ไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดาหรือเหล่าผู้บ่มเพาะก็ตามที ต่างเงยหน้าของตนขึ้นเมื่อได้ยินประโยคเหล่านั้น
เมื่อผู้บ่มเพาะบางส่วนได้เห็นฉากเบื้องหน้าของตน สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปในทันที พวกมันทำได้เพียงถอยหลังกลับไปหลายก้าว ม่านตาหดเล็กเหลือเท่าปลายเข็มและเต็มไปด้วยความรู้สึกมิอยากเชื่อสายตา
ผู้คนบางส่วนที่ยังมิได้รับรู้สถานการณ์ต่างเต็มไปด้วยความสับสน อย่างเช่นผู้บ่มเพาะอิสระบางส่วนและสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นที่มิใช่มนุษย์ ต่างก็ไม่รู้ว่าราชวงศ์อมตะคือสิ่งใด
“ราชวงศ์อมตะ? เสียงนั้นมาจากราชวงศ์อมตะ?” ในอาณาจักรฉีซาน ผู้บ่มเพาะชราคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่นเทา กระทั่งร่างกายของเขาเองก็สั่นสะท้าน ประโยคที่เขาได้ยินสะท้อนก้องไปมาในห้วงคำนึง
“เกิดสิ่งใดขึ้นกับตระกูลหลิน? พวกเขากระทำอันใดกับราชวงศ์อมตะ?” บางตระกูลที่มิได้รับรู้ข่าวสารเพียงพอต่างเต็มไปด้วยความงุนงง
ส่วนบางตระกูลที่ล่วงรู้ความจริงทั้งหลายและเป็นส่วนหนึ่งในความขัดแย้ง สีหน้าของพวกเขาตื่นตระหนกยิ่งนัก เมื่อมองไปยังต้นกำเนิดของเสียงนั้น ใบหน้าก็พลันขาวซีดราวกับกระดาษและโลหิตในกายแทบจับตัวเป็นน้ำแข็ง!
ทว่า ก่อนที่ตระกูลเหล่านั้นจะได้ทันมีปฏิกิริยาใด เสียงที่ลุ่มลึกและกว้างใหญ่ราวกับเป็นกระบี่วิเศษก็ตอบกลับมาจากด้านอาณาจักรฉีซาน
“ล้ำเส้นของพวกเจ้า?”
“เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าอาณาเขตเหนือครามเป็นเพียงสนามหลังบ้านของราชวงศ์อมตะ?”
จากนั้น น้ำเสียงของเขาก็เปลี่ยนไป โทสะราวกับอสูรบ้าคลั่งพลันกระจายออกมา
“ราชวงศ์อมตะสังเวยอัจฉริยะวัยเยาว์ของอาณาเขตเหนือครามไปนับไม่ถ้วน พวกเจ้าใช้เลือดเนื้อและกระดูกของพวกเขาเพื่อปูเส้นทางสู่การเป็นอมตะของตน โดยหวังว่าจะสามารถชำระล้างและนำเอาหม้อสามขาทมิฬดับสวรรค์เก้าชั้นฟ้ากลับคืนมายังใต้หล้านี้อีกครั้ง!”
“บัดนี้ ไม่เพียงพวกเจ้าจะไม่กล่าวโทษตนเองแม้เพียงครึ่งคำ พวกเจ้ายังกล้าพอจะกลับผิดเป็นถูก และออกกวาดล้างตระกูลที่ถูกพรากอัจฉริยะของตนไปเป็นเครื่องสังเวยโลหิตให้พวกเจ้า ถึงขั้นฆ่าล้างยกตระกูล!”
“พวกเจ้าคิดจริงๆ หรือว่าจะไม่มีผู้ใดในอาณาเขตเหนือครามที่กว้างใหญ่แห่งนี้กล้าหาญพอที่จะตั้งตนเป็นศัตรูกับพวกเจ้าราชวงศ์อมตะ?”
จากนั้น ร่างเงาที่สูงใหญ่ราวกับขุนเขาก็ปรากฏขึ้น แขนเสื้อของเขาปลิวไสว สีขาวของชุดนั้นขาวเสียยิ่งกว่าหิมะใดๆ กระทั่งมีความสูงมากกว่านายเหนือของราชวงศ์เสียด้วยซ้ำไป ประกายแสงเจิดจ้าสาดส่องออกมาจากนัยน์ตาคู่นั้น!
เขาคือบรรพชนหลิน! ด้วยรูปร่างในตอนนี้ สรรพชีวิตทั่วทั้งอาณาจักรฉีซานสามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานอันยิ่งใหญ่ที่หลั่งไหลออกมา คล้ายกับสามารถปะทุขึ้นได้ตลอดเวลา