ระบบเส้นทางแห่งสวรรค์ บทที่ 163 ถ้าคุณต้องการจะช่วยมนุษยชาติ (ฟรี)
วาเรี้ยนกำลังเดินอยู่ในตึกของคณบดีอย่างเงียบๆ
ตึกของคณบดีเป็นอาคารลอยน้ำอยู่ใจกลางสถาบันซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นพื้นที่ที่ห้ามนักเรียนเข้ามาโดยที่ไม่ได้รับอนุญาติ
โดยปกติแลล้วคนที่จะสามารถเข้าได้แม้จะเป็นเหตุฉุกเกฺนก็ต้องมีบัตรผ่านชั่วคราวเสมอ แต่จะมีแค่คนสำคัญและผู้ที่ทำงานออร่านเท่านั้นถึงจะมีบัตรผ่านถาวร
แต่หลังจากที่ซาร่าห์ได้รับการตอบกลับจากพ่อของเธอ วาเรี้ยนก็ได้รับใบอนุญาตชั่วคราวแค่คนเดียวเพราะซาร่าห์และแอนนาทั้งคู่มีบัตรผ่านถาวร
ดังนั้นวาเรี้ยนสามาถเข้ามาในตึกของคณบดีได้อย่างสบายๆ
ตึกของคณบดีเป็นสีขาวล้วน ตั้งแต่พื้น เพดาน ผนัง ทุกอย่างเป็นสีขาวทั้งหมด
วาเรี้ยนเริ่มที่จะสงสัยว่ามีเขาแค่คนเดียวหรือเปล่าที่แปลกใจที่ทุกสิ่งเป็นสีขาวและในขณะนั้นเเองซาร่าห์ก็พูดขึ้นมาว่าเธอมีบางอย่างที่ต้องให้กับพ่อของเธอเมื่อไปเจอเขา
วาเรี้ยนเดาว่ามันเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าตระกูลแอสเตอร์ทรยศต่อมนุษยชาติแต่วาเรี้ยนก็ไม่ได้ถามให้รู้แน่ชัดเพราะเธอไม่ยอมพูดด้วยตัวเอง
แอนนาบอกพวกเขาว่าจะรอในสวนสาธารณะด้านนอก ด้วยเหตุผลบางอย่างดูเหมือนว่าเธอจะหลีกเลี่ยงที่จะเจออีแวนเดอร์
ซาร่าห์คุ้นเคยกับสถานที่นี้และเพราะมีเธออยู่ทำให้เขาไปถึงห้องนั่งรอก่อนที่่จะเข้าพบอีแวนเดอร์ในทันที
แต่สายตาของผู้ปลุกพลังระดับสูงรอบๆตัวเขารบกวนสมาธิของเขาเป็นอย่างมาก มันทำให้วาเรี้ยนรู้สึกเหมือนเป็นของในพิพิธภัณฑ์ที่หายาก
และพวกเขาทั้งหมดก็รู้จักซาร่าห์กันเป็นอย่างดี
จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่คนนึงจำประกาศเมื่อเดือนที่แล้วได้จึงรีบเรียกใบประกาศตามหาเมื่อเดือนก่อนเพื่อมาเปรียบเทียบกับหน้าวาเรี้ยน
"เธอคือนักเรียนนายร้อยที่หายไปงั้นหรอ!" เจ้าหน้าที่ระดับ 7 อุทานออกมา
“เธอรอดมาได้ยังไง!?”
“แล้วความสัมพันธ์ของเธอกับซาร่าห์เป็นอะไรกัน?”
วาเรี้ยนไม่ได้สนใจข่าวมากนักเขาจึงมีโอกาสน้อยมากที่จะเห็น ส่วนบูก็หาแต่ข่าวที่วาเรี้ยนเจาะจงให้เขาหานอกเหนือจากนั้นเขาก็ไม่ได้สนใจอะไร
ดังนั้นพวกเขาทั้งสองจึงไม่มีใครเห็นข่าวการประกาศหายไปของเขาเลยสักคน
แต่ด้วยการค้นหาอย่างรวดเร็วบนเมต้าเน็ตของวาเรี้ยน:
{กองทัพได้ประกาศให้สหพันธ์ค้นหานักเรียนนายร้อยชื่อ 'วาเรี้ยน' รายละเอียดอยู่ด้านล่าง หากคุณพบว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว โปรดรายงานไปที่สถาบันฝึกทหารจักรพรรดิ รางวัลจะถูกมอบเป็นการส่วนตัวจาก นายพลอีแวนเดอร์ สตีลฮาร์ต}
'อะไรเนี้ย?' วาเรี้ยนเกือบตกเก้าอี้
เขาโชว์ใบประกาศให้ซาร่าห์ดูและเธอก็เลิกคิ้วขึ้น
“การประกาศแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกงั้นหรอ”
เธอพยายามทำหน้านิ่งและพยักหน้า “มันก็..มีประกาศแบบนี้ทุกเดือนนั้นแหละไม่ว่าจะเป็น คดีคนหาย ผู้ก่อการร้าย สมาชิกครอบครัวมหาอำนาจโดนลักพาตัวหรือลอบสังหาร”
วาเรี้ยนกัดฟัน “สำหรับนักเรียนนายร้อยโดยเฉพาะปีหนึ่ง มันเป็นเรื่องแปลกมากใช่ไหม”
ใบหน้าของซาร่าห์แข็งทื่อแต่เธอก็เปลี่ยนท่าทางของเธอให้เป็นสาวร่าเริงในทันที
"เมื่อพวกเขารู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ อาจจะทำให้ทุกคนเข้าหาเธอมากขึ้นก็้ได้นะ ที่เขาเรียกว่าค่าความนิยมเพิ่มขึ้นไง"
"...ผมก็จะกลายเป็นลิงที่มีแต่คนรุมล้อมทุกที่ที่ไปสินะ" วาเรี้ยนถอนหายใจด้วยความพ่ายแพ้
ซาร่าห์ไอและตบไหล่ของเขา “จงมองโลกในแง่ดีเหมือนฉันสิ”
วาเรี้ยนกลอกตาและหยุดพูด
นักเรียนนายร้อยจำนวนมากเสียชีวิตทุกปี แต่มีเพียงเขาเท่านั้นที่ได้รับช่วยเหลือและรักษาขนาดนี้ เขารู้ว่าซาร่าห์เป็นคนจัดการทุกอย่างให้กับเขา
แม้จะเกิดปัญหาในภายหลังหือจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามวาเรี้ยนสรุปได้ว่าเธอเป็นคนที่มีเจตนาดีกับเขามาก
'เธอคงเป็นห่วงฉันมากสินะ' วาเรี้ยนยิ้มเบาๆแล้วนึกถึงเพื่อนและคนอื่นๆที่สำคัญกับเขา
'บูเรามาจัดรายการสิ่งที่ต้องทำอย่างแรกๆกันใหม่ดีกว่า ฉันว่าฉันควรติดต่อพวกเขาให้เร็วที่สุดในตอนนี้'
'มาสเตอร์แล้วเป้าหมายที่จะเป็นคนรวยของพวกเราล่ะ'
'...บู ฉันละอายใจที่มี AI โลภเหมือนแก'
'แงงง! ผมไม่ได้โลภน้าา บูร้องไห้
วาเรี้ยนพยายามเพิกเฉยต่อเสียงคร่ำครวญของบูและพยายามเลียนแบบใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของซาร่าห์ แต่ตอนนี้เขากับถูกทุกคนมองด้วยสายตาแปลกๆ
แต่เขาก็ไม่ได้สนใจแต่ยิ่งเวลาผ่านไปทุกคนกลับมองเขาด้วยสายตาแปลกๆมากขึ้น
ทุกคนที่อยู่ในอาคารตอนนี้เป็นบุคลลที่จำเป็นต่อสถาบันหรือกองทัพ
มีคนจำนวนมากที่เป็นคนสำคัญอยู่ในห้องที่ใช้รออีแวนเดอร์เรียกเข้าไป
ซาร่าห์บอกกับเขาว่าจะไม่มีการนัดหมายที่แน่นอนคนที่มานั่งรอจะสามารถพบอีแวนเดอร์ได้ก็ต่อเมื่อเขาว่างเท่านั้น
ความสำคัญของงานหรือการประชุมต่างๆเขาก็จะเป็นคนจัดสรรเวลาเองทั้งหมด
แม้จะมีสายตาแปลกๆที่จ้องมาที่เขาจำนวนมาก แต่อย่างน้อยก็ไม่มีใครมาอวดเบ่งและพยายามไล่ให้เขาออกไป
และในขณะนั้นเองเขาก็อยากรู้ว่าซาร่าห์จะวางตัวยังไงกับสายตาที่กำลังจ้องมองพวกเขา
เขาเหลือบมองเธอ
ซาร่าห์นั่งอย่างสง่างามด้วยรอยยิ้มอย่างมั่นใจ
เขามองดูความงดงามอันน่าทึ่งที่อยู่ข้างๆเขาอย่างละเอียดถี่ถ้วน
ผมสีบลอนด์ทองของเธอยาวสลวยลงมาที่เอวของเธอและดวงตาสีฟ้าของเธอเปล่งประกายด้วยเสน่ห์ที่ชวนหลงไหล
ใบหน้าที่สวยงามและส่วนเว้าส่วนโค้งที่พอดิบพอดี เธอจึงเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่สวยที่สุดในสถาบันคนนึงเลย
แถมเธอยังเกือบที่จะอยู่บนจุดสูงสุดของสถาบันอีกต่างหาก เธออยู่ในอันดับที่สามในพลอยม่วงแม้จะเป็นแค่ปีที่สองก็ตาม
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเป็นผู้ปลุกพลังคู่แล้วทำให้เธอไม่มีใครถูกคาดหวังว่าเธอจะเป็นจักรพรรดิได้ บางทีเธออาจจะถูกมองว่าเป็นคนที่มีคุณสมบัติมากกว่าชาร์ลลีก็ได้
แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอไม่สามารถหนีความจริงที่ว่าเธอเป็นผู้ปลุกพลังคู่ได้
ซาร่าห์ อัลเบิร์ต เทพธิดาของสถาบันจักรพรรดิทหาร
โดยปกติแล้วผู้ชายธรรมดาๆทุกคนมักจะหลงใหลในความงามของเธอ
แต่เมื่อวาเรี้ยนได้นั่งพูดคุยกับเธอและแม้กระทั่งการกอดที่ไม่ได้ตั้งใจ วาเรี้ยนกลับไม่รู้สึกหนักใจหรือหลงไหลในตัวเธอมากนัก
มันเป็นความรู้สึกที่แปลก เหมือนกับว่าเขาชินกับความรู้สึกนี้ บางทีเขาอาจจะมีภูมิคุ้มกันผู้หญิงสวยก็ได้
'เพราะเซียงั้นหรอ?' เขาส่ายหัว
เซียที่อายุมากที่สุดที่เขาเห็นมีอายุเพียง 15 ปีเท่านั้น สำหรับวาเรี้ยนอายุเท่านั้นยังคงอยู่ในโหมด 'ความน่ารัก' มากกว่า 'ความสวย'
ถ้าให้เทียบเซียตอนอายุเท่ากับซาร่าห์เซียจะต้องสวยมากแน่ๆ
'พูดถึงเรื่องนั้น' วาเรี้ยนหันไปหาซาร่าห์ที่ยิ้มแย้มและมองไปรอบๆ
'พวกที่ตามจีบเธอล่ะ ไม่มีงั้นหรอ? คงจะไม่มีใครมาหึงที่ฉันอยู่กับซาร่าห์แค่สองคนแล้วมาหาเรื่องกันใช่ไหม?'
วาเรี้ยนจับหน้าผากของเขา 'ใช่ไหม?'
"วาเรี้ยน" ซาร่าห์สะกิดเขา
"ครับพี่?!" เขายืนขึ้นด้วยความตกใจ
"วาเรี้ยน คอนสแตนต์ เรียกครั้งที่สอง" เสียงประกาศดังทั่วทั้งห้อง
วาเรี้ยนสูดหายใจเข้าลึกๆและพยายามทำใจให้สงบ
“อย่ากังวลไปเลย พ่อของฉันเขาไม่กินเธอเข้าไปหรอก” ซาร่าห์พยายามปลอบใจ
วาเรี้ยนพยักหน้าและตอบเธอว่า "ขอบคุณพี่มากนักที่คอยช่วยเหลือผมทุกอย่าง พี่จะรู้จุดประสงค์ที่ผมอยากเข้าไปเจอเขาคืออะไรเมื่อผมออกมาแล้ว"
“โชคดี ฉันก็จะบอกเธอเหมือนกันว่าฉันมาเพื่อให้อะไรกับเขา” เธอยิ้มและดูเหมือนเธอจะจำอะไรบางอย่างได้
“ฉันจำได้ว่าการเจอกันครั้งแรกของเธอกับเขาไม่ได้ดีมากนัก แต่อย่างน้อยคราวนี้เธอก็ไม่ได้มาสายแล้ว” ซาร่าห์หัวเราะเบาๆ
มุมปากของวาเรี้ยนกระตุกและเขาจ้องไปที่ซาร่าห์ที่กำลังยิ้มอย่างมีความสุข
แต่เธอคิดผิดเขามีแผนที่จะไปต่อรองกับอีแวนเดอร์ในครั้งนี้
สิ่งต่างๆจะเป็นไปตามแผนที่วางไว้
ซึ่งแน่นอนว่าเขาเตรียมพร้อมสำหรับกรณีที่เลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้นแล้ว
'บู พร้อมหรือยัง'
'พร้อมเสมอมาสเตอร์ ผมจะพามาสเตอร์ออกไปในทันทีที่รู้สึกถึงอันตราย'
ตอนที่วาเรี้ยนเข้าไปโจมตีที่ซ่อนของพวกอะบิซอลจำนวนมาก ทำให้วาเรี้ยนได้รวบรวมอุโมงค์ข้ามมิตินับร้อยและคริสตัลออร่าจำนวนมากเอาไว้
ด้วยการที่มีทรัพยากรกับอุโมงค์ข้ามมิติบวกกับความสามารถของบู บูจะสามารถเปิดประตูมิติพาเขาหนีออกไปได้ทุกเมื่อที่เขาต้องการ
บูเตือนว่าระบบย่อยการเดินทางในอวกาศที่ซ่อมได้นิดหน่อยจะทนการเดินทางข้ามในอากาศได้แค่นิดหน่อยเท่านั้น
ในทางกลับกัน นั่นหมายความว่าวาเรี้ยนได้ใช้ทรัพยากรจำนวนมากเพื่อที่จะซ่อมมันให้มันใช้ได้แค่ครั้งสองครั้งเท่านั้น
แต่วาเรี้ยนก็ไม่รู้สึกเสียดายมันเพราะว่าเขามีเพียงแค่ชีวิตเดียวและถ้าหากเขาตายไปก็หมายความว่าทรัพยากรที่เขาหามาทั้งหมดเขาก็จะไม่ได้ใช้มัน
ซึ่งถ้าหากแผนผิดพลาด บูจะใช้รูปแบบนี้และเคลื่อนย้ายเขาออกไปในระยะที่ปลอดภัยทันที
จากนั้นเขาจะเข้าไปในยานอวกาศและใช้โหมดพรางตัวเพื่อหลบหนี
แน่นอนว่ามันเป็นสถานการณ์ที่แย่ที่สุดเท่านั้นถึงจะทำแบบนั้น
แต่วาเรี้ยนมั่นใจว่าเขาจะบรรลุเป้าหมายของเขา
เขาไปถึงห้องทำงานของคณบดีและยืนอย่างอดทนขณะที่แสงสแกนส่องมาที่เขา
ประตูสีขาวเรียบหรูเปิดออกและวาเรี้ยนก้าวเข้าไปด้วยความคาดหวัง
มันเป็นห้องขนาดใหญ่ที่มีของอยู่ไม่กี่อย่าง
อีแวนเดอร์นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่สูงมากและกำลังอ่านเอกสารโฮโลแกรมที่ฉายโดยการระบบบนโต๊ะ
โต๊ะข้างหน้าเต็มไปด้วยระบบจำนวนมากที่มีพิกัดแปลกๆกำกับอยู่
มีข้อความกะพริบอยู๋สองสามจุดก่อนที่พวกมันจะหายไป
วาเรี้ยนสังเกตเห็นว่าข้อความที่กะพริบด้วยสีที่เข้มถูกอีแวนเดอร์เพ่งเล็งเป็นพิเศษกว่าข้อความอื่น
อีแวนเดอร์ดูเหมือนจะกำลังหมกมุ่นอยู่กับงานของเขาอย่างมาก แต่เขาก็ยังพูดกับวาเรี้ยนได้ “คุณช่วยเธอเอาไว้และคงต้องหวังผลตอบแทน พูดสิ คุณต้องการอะไร”
วาเรี้ยนหรี่ตาลงและเดินเข้าไปใกล้ขึ้นสามก้าว
ตอนนี้เขาอยู่ห่างจากอีแวนเดอร์เพียงสิบเมตรและกำลังยืนอยู่ข้างหน้าของอีแวนเดอร์
วาเรี้ยนพูดออกไปด้วยความมั่นใจ “ให้ผมเป็นลูกศิษย์ของคุณด้วยเถอะครับ”
อีแวนเดอร์คิดว่าเขาฟังผิด ดังนั้นเขาจึงพูดซ้ำ “อย่าทำให้ฉันเสียเวลาเลย”
เสียงของวาเรี้ยนสูงขึ้นเล็กน้อยและเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความมั่นใจอย่างแท้จริง “ถ้าคุณต้องการให้มนุษยชาติอยู่รอด รับผมเป็นลูกศิษย์ด้วยเถอะครับ”