บทที่ 653 ฉันไม่ได้สั่งสอนนายโดยเปล่าประโยชน์(ตอนฟรี)
บทที่ 653 ฉันไม่ได้สั่งสอนนายโดยเปล่าประโยชน์
จี้เฟิงส่ายหัวและกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“อาสาม นี่เป็นทีมของอาสาม ผมไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับพวกเขา ผมให้อาสามช่วยผมเลือกน่าจะดีกว่า”
“ไม่มีปัญหา” จี้เจิ้นผิงพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้น ก็เลือกจากทีมย่อยมาทีมล่ะหนึ่งคนก็แล้วกัน ปฏิบัติ!”
“ครับหัวหน้า!” ครูฝึกสอนหลายคนยืนตัวตรงและตอบเสียงดัง
จี้เฟิงยืนมองอยู่ข้างๆอย่างเงียบๆด้วยรอยยิ้มจางๆ ระหว่างทางมาที่นี่ จี้เฟิงได้คิดเอาไว้แล้วว่าการปล่อยหน้าที่คัดเลือกคนให้เป็นของอาสามนั้นเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะอาสามไม่เพียงแต่รู้จักคนเหล่านี้ของกองพลเรดแอร์โรว์เป็นอย่างดีเท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันอาสามก็น่าจะรู้ว่าเนื้อหาของการปฏิบัติการที่เขากำลังจะเข้าร่วมในครั้งนี้คืออะไร
ดังนั้น คนที่อาสามช่วยเหลือจะต้องเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับปฏิบัติการครั้งนี้ ซึ่งดีกว่าการที่เขาต้องเลือกเองอย่างไม่มีจุดหมายเหมือนกับแมลงวันหัวขาด
“รายงานหัวหน้า ได้ทำการคัดเลือกบุคลากรตามคำสั่งเรียบร้อยแล้วครับ โปรดสั่งการ!”
เมื่อครูฝึกคนหนึ่งรายงานจี้เจิ้นผิงจบ เขาและครูฝึกคนอื่นๆได้ก้าวออกมาและหลบไปด้านข้าง ที่ด้านหลังของพวกเขาเป็นนายทหารสิบคนที่มีร่างกายแข็งแรงและมีใบหน้าที่ดุดัน
จี้เจิ้นผิงตะโกนว่า “พวกนายสิบคนตามฉันมา คนอื่นๆ ฝึกต่อไป!”
“ครับ!” ทั้งทหารสิบคน ครูฝึก และทหารคนอื่นๆต่างตะโกนเสียงดังอย่างพร้อมเพรียงกัน
“เสี่ยวเฟิง ไปกันเถอะ!” จี้เจิ้นผิงโบกมือ
ทหารสิบคนที่ถูกเลือกมาเดินตามจี้เจิ้นผิงไปโดยอัตโนมัติอย่างเป็นระเบียบ
จี้เฟิงและจี้เจิ้นผิงขึ้นรถจี๊ปด้วยกัน จี้เฟิงหันไปมองสมาชิกทั้งหมดในทีมที่วิ่งตามมาอยู่ทางด้านหลัง เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย “อาสาม ปล่อยให้พวกเขาวิ่งตามรถมาแบบนี้จะดีเหรอ? ระยะทางจากที่นี่ไปสำนักงานไม่ใช่ใกล้ๆเลยนะครับ!”
จี้เจิ้นผิงแค่นเสียง “ฉันก็เคยวิ่งแบบนี้มาก่อน มันจะไม่ดีตรงไหน แบบนี้แหละดีแล้ว!”
จี้เฟิงได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่น แต่เขาไม่อยากไปก้าวก่ายเกี่ยวกับวิธีการที่อาของเขาทหารเหล่านี้ ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนหัวข้อและถามว่า “อาสาม ผลของการฝึกชุดยิมนาสติกของกองพลเรดแอร์โรว์เป็นยังไงบ้างครับ?”
“เดี๋ยวนายก็รู้!” จี้เจิ้นผิงยิ้มเล็กน้อย
“หืม?” จี้เฟิงรู้สึกสงสัยขึ้นมาทันที
“คอยดูให้ดีๆ แล้วนายจะพบคำตอบ” จี้เจิ้นผิงโบกมือ แสดงท่าทางให้รู้ว่าเขาขี้เกียจพูดมากกว่านี้แล้ว
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพำกับตัวเอง ‘อาสามจะเล่นทายปริศนาอะไรกับฉันอีกรึเปล่าเนี่ย?’
อย่างไรก็ตาม ในเมื่ออาสามไม่อยากจะพูด จี้เฟิงจึงไม่ได้ถามคำถามใดๆเพิ่มเติมอีก
หลังจากนั้นประมาณยี่สิบนาที จี้เฟิงก็ตระหนักได้ว่าสิ่งที่อาสามจี้เจิ้นผิงพูดนั้นหมายถึงอะไร
สมาชิกทั้งสิบคนของกองพลเรดแอร์โรว์ที่วิ่งอยู่ด้านหลังรถจี๊ปได้วิ่งอย่างต่อเนื่องเป็นเวลายี่สิบนาที และพวกเขาก็ไม่ได้ทิ้งระยะห่างจากรถจี๊ปเลยตลอดการวิ่ง ดังนั้นความเร็วของพวกเขาเร็วกว่านักกีฬาที่วิ่งมาราธอนอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ไม่มีทหารคนใดถูกทิ้งไว้ด้านหลังเลยแม้แต่คนเดียว
ไม่เพียงแค่นั้น หลังจากที่วิ่งด้วยความเร็วไม่ต่างจากรถจี๊ปต่อเนื่องยาวนานเป็นเวลากว่ายี่สิบนาที ทหารทั้งสิบคนไม่ได้แสดงร่องรอยของความเหนื่อยล้า พวกเขาทั้งหมดยังคงเต็มไปด้วยพลังงาน จะมีก็แต่เหงื่อและสีแดงเลือดฝาดที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเล็กน้อย หรือต่อให้เหนื่อย อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้แสดงมันออกมา
ถ้าเปรียบเทียบกับคนธรรมดา แม้ว่าการวิ่งติดต่อกันนานยี่สิบนาทีจะไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าต้องรักษาความเร็วสูงไว้เช่นนี้ตลอดระยะทางคงจะยากเกินไป แม้แต่ทหารธรรมดาก็ไม่สามารถทำความเร็วอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ทหารทั้งสิบคนนี้สามารถวิ่งได้เร็วขึ้นและนานขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ชุดยิมนาสติกที่นายสอน แม้ว่าตอนแรกๆมันจะฝึกยากและท่าทางก็ดูประหลาดๆ แต่ฉันต้องขอบอกตามตรงว่าผลลัพธ์ที่ได้นั้นดีมากจริงๆ มันเพิ่มสมรรถภาพทางกายของพวกเขาได้เกือบสองเท่าภายในระยะเวลาแค่ครึ่งปี แล้วถ้าพวกเขายังคงพัฒนาการไว้ในระดับนี้จนกว่าจะฝึกท่าสุดท้ายได้จนชำนาญแล้วล่ะก็ ฉันไม่อยากนึกเลยจริงๆว่ามันจะยอดเยี่ยมขนาดไหน!” จี้เจิ้นผิงพูดอย่างตื่นเต้น
จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อาสาม ตอนนี้พวกเขาเชี่ยวชาญการเคลื่อนไหวของชุดยิมนาสติกชุดนี้ได้กี่ท่าแล้วครับ?”
“ยังไม่ถึงครึ่ง!” จี้เจิ้นผิงกล่าว “มันเป็นเพราะฉันอยากให้พวกเขาทำมันจนเชี่ยวชาญไปทีละท่า ฉันตั้งหน้าตั้งตารอความสำเร็จของพวกเขาอย่างใจจดใจจ่อเลยล่ะ! และถ้าพวกเขาเรียนรู้ยิมนาสติกของนายครบทุกท่าจนชำนาญ ฉันจะได้เลิกกังวลซักที แม้ว่าฉันจะลากเจ้าพวกนี้เข้าร่วมการแข่งขันกองกำลังพิเศษระหว่างประเทศก็คงไม่มีปัญหา!”
“ผมว่าอาสามลืมคิดอะไรบางอย่างไป!” เมื่อเห็นอาสามของเขาดีใจจนออกนอกหน้า จี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะเบรกเขาไว้บ้าง เขาจำเป็นต้องอธิบายให้อาสามเข้าใจ “ตอนแรกที่ผมฝึกยิมนาสติกพวกนี้ การเปลี่ยนแปลงในร่างกายของผมดีขึ้นอย่างชัดเจน และผลที่ได้มันก็ดีแบบสุดยอดจริงๆ อย่างไรก็ตาม ยิ่งฝึกปฏิบัติที่ลึกซึ้งมากขึ้นเท่าไหร่ การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงคุณภาพของร่างกายมนุษย์ก็จะยิ่งช้าลงและช้าลงไปเรื่อยๆ และในที่สุด แม้ว่าผู้ที่ฝึกชุดยิมนาสติกนี้ได้อย่างชำนาญทุกท่าแล้ว และฝึกมันต่อไปอีกเป็นเวลาหลายปี ผลลัพธ์ของมันก็ไม่มีทางที่จะเพิ่มศักยภาพทางร่างกายเท่ากับช่วงแรกๆได้อีก เพราะการฝึกชุดยิมนาสติกเหล่านี้มันไม่เพียงพออีกต่อไป!”
“อย่างนั้นเองหรอกหรือ...” จี้เจิ้นผิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียดาย “ฉันก็คิดอยู่ว่ามันดีเกินไป ตามที่นายบอก การเคลื่อนไหวด้วยยิมนาสติกชุดนี้ควรจะสามารถยกระดับสมรรถภาพทางร่างกายของมนุษย์ได้ถึงขีดจำกัด แต่เมื่อถึงจุดนั้นแล้วถ้ายังอยากจะเพิ่มสมรรถภาพให้ทะลุขีดจำกัดมากขึ้นไปอีก มันเป็นไปไม่ได้ใช่มั้ย?”
จี้เฟิงส่ายหัวเล็กน้อย “ผมไม่เห็นด้วยกับคำว่าขีดจำกัด สำหรับความคิดของผม ผมว่ามันน่าควรจะเรียกว่าช่วงคอขวด เมื่อร่างกายมนุษย์ถูกยกขึ้นมาจนถึงได้ระดับหนึ่งและถ้าต้องการพัฒนาให้มากขึ้นไปอีก การใช้วิธีการเดิมๆมันจะทำให้เราไม่เห็นผลที่ชัดเจนมากเหมือนอย่างในตอนแรก ดังนั้นก็เท่ากับว่าเราต้องหาวิธีการใหม่!”
หืม!
ดวงตาของจี้เจิ้นผิงพลันสว่างขึ้นมาทันที “เสี่ยวเฟิง แล้วนายมีวิธีใหม่นอกจากยิมนาสติกชุดนี้หรือเปล่า?!”
จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อย “ที่จริงแล้วนี่เป็นเพียงวิธีการขั้นพื้นฐาน แต่มันก็ยังถูกแบ่งออกเป็นหลายชุดของการเคลื่อนไหวท่วงท่ายิมนาสติกเหล่านี้ และสิ่งที่ทหารของอาสามได้เรียนรู้ในตอนนี้เป็นชุดแรกของการเคลื่อนไหวยิมนาสติก มันยังมีชุดที่สองและชุดที่สามอีก ถ้าผมกลับมาจากการปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ ผมจะทำวิดีโอชุดที่สองให้!”
“จริงเหรอ?!” จี้เจิ้นผิงดีใจมากและพูดด้วยความซาบซึ้งใจ “เสี่ยวเฟิง นายช่วยอาสามของนายได้มากเลย หากวิธีของนายสามารถเผยแพร่ให้กับกองทหารทั้งหมดได้ฝึกฝนล่ะก็ ประสิทธิภาพในการต่อสู้ของกองทหารของประเทศเราก็จะแข็งแกร่งขึ้นมาก”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ จี้เจิ้นผิงก็แสดงสีหน้าที่มีความลังเลเล็กน้อยออกมา เขาตบต้นขาด้วยความโมโห ใบหน้ามืดมนลง
“น่าเสียดายที่มีคนบางคนคิดต่างไปจากฉัน พวกเขาถือว่ากองทัพเป็นกองทัพส่วนตัวของพวกเขาได้เปลี่ยนค่ายทหารเรียบง่ายดั้งเดิมให้กลายเป็นอะไรที่เลอะเทอะและยุ่งวุ่นวาย และถ้าหากวิธีการฝึกฝนนี้ตกไปถึงมือพวกเขา.... ฮึ่ม!” จี้เจิ้นผิงพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา เห็นได้ชัดว่าเขามีความขุ่นเคืองในใจอย่างมาก
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะเงียบ สิ่งที่อาสามพูดถึงน่าจะเป็นเรื่องของบุคคลระดับสูง แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจเรื่องนี้อย่างแจ่มชัด แต่เขาก็เข้าใจคำว่าอำนาจนำมาซึ่งความทุจริตโดยแท้จริง!
เมื่อบุคคลใดก็ตาม มีอำนาจมากพอแต่ไม่มีใครสามารถควบคุมเขาได้และไม่มีการตรวจสอบความสมดุล ดังนั้นแล้ว ความโลภและความเห็นแก่ตัวของบุคคลนั้นจะสูงเกินจริงอย่างมาก
‘ความเห็นแก่ตัว’ มันคือธรรมชาติที่มนุษย์เป็นมาโดยตลอด
แม้ว่าบางคนจะมีกำลังและความสามารถที่จะขจัดปัญหาเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นได้ แต่ด้วยปัจจัยต่างๆพวกเขาเลือกที่จะเมินเฉย ตราบใดที่อันตรายและปัญหาเหล่านั้นไม่มาถึงตนเอง เหตุใดพวกเขาถึงต้องเข้าไปยุ่งเรื่องของผู้อื่นด้วย?
วิธีการคิดและกลั่นกรองด้านคุณธรรมแบบดั้งเดิมที่ดีในประเทศจีนมีมาหลายพันปี แต่ในหลายกรณี จิตใจที่เต็มไปด้วยคุณธรรมนี้จะกลายเป็นภาระเช่นกัน
“อาสามครับ ความจริงแล้วไม่ใช่แค่ในประเทศจีนของเราหรอกที่มีเหตุการณ์แบบนี้ เพราะแม้แต่ในประเทศที่อ้างตนว่าเป็นประเทศเสรีอย่างสหรัฐอเมริกา เรื่องพวกนี้ก็เกิดขึ้นอยู่บ่อยๆไม่ใช่เหรอครับ?” จี้เฟิงยิ้ม “และผมว่ามันก็ไม่น่าจะเป็นอะไร ถ้าเราไม่ปล่อยให้คนที่เห็นแก่ตัวพวกนั้นได้รับวิธีการฝึกฝนนี้!”
“พูดน่ะมันง่าย!”
จี้เจิ้นผิงถอนหายใจและกล่าวว่า “เสี่ยวเฟิง นายอาจจะยังไม่รู้ว่าการเกิดขึ้นของวิธีการฝึกฝนนี้ได้ทำลายสมดุลบางอย่างในกองทัพจริงๆ หลายคนเคยเป็นแนวหน้าและมีอำนาจเหนือผู้อื่นมาตลอด พวกเขาจะยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปง่ายๆได้ยังไง ทันทีที่รูปแบบความสมดุลถูกทำลาย ความแข็งแกร่งในมือของพวกเขาอ่อนแอลง... ไม่สิ คนใต้การปกครองของพวกเขาเริ่มแข็งแกร่งขึ้นและกำลังจะแข็งแกร่งกว่า ใครมันจะเต็มใจให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น?”
จี้เฟิงยักไหล่และยิ้ม “นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องกังวล อาสามแค่ต้องบอกมาว่าจะให้ผมทำยังไง และทำไปทำไม เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่ผมจะสามารถพิจารณาและชั่งน้ำหนักได้ด้วยตัวเองในตอนนี้!”
“ตามความเห็นของฉันคืออย่าเพิ่งเปิดเผยวิธีฝึกยิมนาสติกชุดที่ 2 ออกมาในตอนนี้จะดีกว่า ทางฝั่งฉันก็ไม่อยากจะแพร่งพรายชุดแรกเลยด้วยซ้ำ ถึงกับเตรียมข้อแก้ตัวไว้มากมาย เช่นยังอยู่ในขั้นตอนของการทดลอง และกำลังตรวจสอบดูว่าวิธีการฝึกฝนนี้ปลอดภัยหรือไม่...” จี้เจิ้นผิงแค่นเสียง “พูดได้คำเดียวว่าอย่าคิดจะเอาไปง่ายๆ!”
จี้เฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ที่จริงแล้วผมคิดว่า แม้ว่าบางคนจะได้รับมันไป ก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี... อาสามครับ ที่ผมมาในครั้งนี้ ผมยังมีเรื่องที่อยากจะบอกอาสามด้วย นั่นก็คือผมได้รับปากกับเซียงหยงซานไว้แล้วว่าผมจะบอกวิธีฝึกของชุดยิมนาสติกให้กับเขา”
“อืม ฉันรู้เรื่องนี้แล้ว!” จี้เจิ้นผิงพยักหน้า “แม้ว่าตระกูลเซียงจะมีทั้งดีและไม่ดีผสมปนเปกันไป แต่อย่างน้อยหัวใจของพวกเขาก็นับว่ายังดีอยู่”
จี้เฟิงยิ้มและพูดว่า “แต่ถึงอย่างนั้น วิธีฝึกที่ผมให้พวกเขาเป็น มันเป็นแบบง่ายๆ...”
“อะไรนะ?” จี้เจิ้นผิงตกใจ
จี้เฟิงพยักหน้าและพูดว่า “ก็อย่างที่ผมบอกนั่นแหละครับ มันเป็นวิธีการฝึกอย่างง่ายๆ แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ถือว่าดีทีเดียว แต่จะไม่ถึงระดับสูงสุดแม้ว่าจะฝึกฝนครบทุกท่าอย่างชำนาญแล้วก็ตาม อย่างมากที่สุดผลของมันก็ใช้ได้ดีภายใต้สถานการณ์ปกติ!”
อันที่จริง ก่อนที่จี้เฟิงจะบรรลุข้อตกลงกับเซียงหยงซาน เขาได้พูดคุยกับสมองหมายเลข 1 ไว้ก่อนแล้วเรื่องของการลดความซับซ้อนและการปรับเปลี่ยนการเคลื่อนไหวที่สำคัญของยิมนาสติกชุดที่หนึ่ง และในที่สุดก็ได้ออกมาเป็นยิมนาสติกเวอร์ชันย่อ!
ยิมนาสติกที่สมองหมายเลข 1 จัดหาให้มีความพิเศษที่ไม่เหมือนใครในโลก แล้วจี้เฟิงจะนำมันออกมาให้คนอื่นๆอย่างง่ายดายได้อย่างไร?
ทุกคนล้วนมีความเห็นแก่ตัว และจี้เฟิงเองก็ไม่มีข้อยกเว้น เขาสามารถคิดเวอร์ชันที่เข้าใจได้ง่ายขึ้น ซึ่งจริงๆแล้วมันค่อนข้างดีทีเดียว คุณต้องรู้ว่าสำหรับคนทั่วไป ชุดออกกำลังกายนี้อาจเป็นแค่ชุดออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ แต่สำหรับกองทัพ ชุดนี้สามารถปรับปรุงความสามารถในการต่อสู้ของแต่ละคนให้สูงขึ้นอย่างน่าทึ่ง
สิ่งต่างๆแม้ว่าจะเป็นสิ่งเดียวกัน หากไปอยู่ในมือของคนที่แตกต่างกัน ผลของมันก็จะแตกต่างกันออกไป
ยิมนาสติกที่จัดทำขึ้นใหม่โดยจี้เฟิงแม้ว่าจะเป็นเวอร์ชันที่เรียบง่าย แต่ก็มีค่าอย่างยิ่งต่อเซียงหยงซาน
“ไอ้หนู...” จี้เจิ้นผิงตบไหล่ของจี้เฟิงอย่างตื่นเต้น “นายช่วยอาสามของนายแก้ปัญหาใหญ่ได้ สมแล้วที่เป็นหลานชายของฉัน ฉันไม่ได้สั่งสอนนายโดนเปล่าประโยชน์จริงๆ!”
จี้เฟิงที่กำลังจะยิ้มถึงกับใบหน้าแข็งค้าง เขาช่วยแก้ปัญหาใหญ่ให้อาสามได้ แต่ทำไมคนได้เครดิตไปถึงเป็นอาสามเองล่ะ?
…จบบทที่ 653~❤️