CD บทที่ 22 เป็นพ่อให้หนูที
จ้าวหยู่พึ่งตระหนักได้ว่า หลังจากการก่อเหตุของคนร้าย มือของเหยื่อทั้งสามคนได้หายไปจากที่เกิดเหตุทั้งหมด ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนร้ายจะต้องเก็บมือของเหยื่อกลับไปด้วยแน่ ๆ
แต่ทำไมคนร้ายจะต้องเอากลับไปด้วยกัน?
ตามความเข้าใจของจ้าวหยู่ คนร้ายอาจจะเก็บมือกลับไปเพื่อเป็นของที่ระลึกสำหรับตัวคนร้ายเอง
คนร้ายเก็บของสะสมของเขากลับไป เพื่อในภายภาคหน้าเมื่อคนร้ายกลับมามองที่มือเหล่านั้น อาจจะทำให้คนร้ายลดความแค้นในใจลงได้
พฤติกรรมเช่นนี้เป็นสิ่งที่จ้าวหยู่เคยพบเจอมาก่อนในโลกเก่า เขาจึงรู้สึกมั่นใจว่า ถ้าเป็นไปตามที่เขาคิดแบบนี้แล้วล่ะก็ การก่อเหตุทั้งหมดต้องมาจากความแค้นในตัวคนร้ายอย่างแน่นอนและเป้าหมายของคนร้ายก็เกิดขึ้นด้วยความตั้งใจไม่ใช่สุ่มเลือก
จากการอนุมานของจ้าวหยู่ ตัวเหยื่อเองอาจเคยไปทำผิดอะไรไว้กับ
คนร้ายจะด้วยเจตนาหรือไม่ก็ตาม คนร้ายเลยทำการตัดข้อมือพวกเธอทิ้งเพื่อเป็นการแก้แค้น!
แต่ความเกลียดชังแบบไหนกันล่ะที่ทำให้คนร้ายต้องตัดมือของพวกเธอไป แล้วทำไมต้องเฉพาะมือขวาเท่านั้น ทำไมไม่เป็นมือซ้ายบ้าง?
เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ เมื่อพอเริ่มมองภาพรวมคดีออก ความคิดของเขาก็มาถึงทางตันอีกรอบ
ผลการสืบสวนชี้ให้เห็นว่าเหยื่อทั้งสามคนไม่เคยมีปัญหาขุ่นเคืองกับใครมาก่อนและจากคำให้การของเพื่อนบ้านและญาติพี่น้องของพวกเธอก็แสดงให้เห็นว่าพวกเธอไม่เคยมีชื่อเสียงในด้านแย่ ๆ หรือการกระทำใดที่จะก่อให้เกิดปัญหาได้เลย
นอกจากนี้ทั้งสามคนยังไม่เคยรู้จักกันอีก เส้นทางของพวกเธอไม่เคยมาบรรจบกันสักครั้ง ทำไมพวกเธอถึงมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีที่โรคจิตและโหดร้ายแบบนี้ได้?
‘ความจริงมันคืออะไรกันแน่? ใครกันที่เป็นคนตัดมือพวกเธอไป?’
ขณะที่จ้าวหยู่กำลังใช้ความคิด เขารู้สึกเหมือนตกลงไปเขาวงกตที่ไร้ทางออกและเขาไม่สามารถหาทางออกของคดีนี้ได้เลย หัวของเขาค่อย ๆ หนักขึ้นและเวลาต่อมา เขาก็ไม่สามารถได้ยินเสียงใด ๆ จากเครื่องดักฟังนั้นได้และผล็อยหลับไป
โชคดีที่จ้าวหยู่ไม่ได้คิดเพลินจนลืมทำสิ่งสำคัญ ก่อนที่เขาจะหลับเขาได้ทำการเปิดระบบปาฏิหาริย์เอาไว้แล้ว
เนื่องจากมันเลยเวลาเที่ยงคืนมาแล้วก็ถือว่าเป็นวันใหม่ ดังนั้นเขาควรที่จะได้ลองใช้ความสามารถของระบบที่มีเพื่อช่วยคาดคะเนความน่าจะเป็นของคดีดู
เขาหยิบบุหรี่และไฟแช็คออกมา จากนั้นก็จุดไฟ ทันใดนั้นก็มีเสียงไอดังมาจากห้องของทีมสืบสวนทีม A
...
เช้าตรู่ จ้าวหยู่ถูกปลุกด้วยเสียงจากโทรศัพท์ของเขา เขาตกใจและลุกขึ้นมานั่งหลังตรงทันที เมื่อหายงัวเงียเขาก็ตระหนักได้ว่าตนเองไม่ได้กลับบ้านและเผลอหลับคาโต๊ะทำงาน
“อืม…” เขานึกถึงถ้อยคำที่ได้ยินก่อนหลับ ตอนที่เขาเปิดระบบปาฏิหาริย์และมันได้บอกมาว่า
‘Gen-Li’ หรือ ‘Gen-Xun’ อะไรสักอย่าง
เขาเกาหัวตัวเองไม่หยุด เขาไม่สามารถจำคำพูดที่ได้ยินเมื่อคืนได้เลยเนื่องจากเขากำลังง่วงนอนและเหนื่อยล้าจากการใช้สมองอย่างหนักจนเผลอหลับไป
เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้นอยู่บนโต๊ะทำงาน จ้าวหยู่ปลดล็อคโทรศัพท์เพื่อดูว่าใครโทรมาและก็ต้องประหลาดใจเมื่อสายเรียกเข้านี้ มาจากเจียงเสี่ยวเฉิน ลูกสาวของเจียงต้าเฟิง
เขามองไปที่นาฬิกา ขณะนี้เป็นช่วงเวลาเจ็ดโมงเช้า ขณะนี้เธอควรจะอยู่ที่โรงเรียน
‘ทำไมเธอถึงโทรมาหาฉัน?’ เขาคิด
จ้าวหยู่ไม่ต้องการรับสายแต่โทรศัพท์ก็ยังคงดังขึ้นไม่หยุด เขาเกรงว่าเสี่ยวเฉินคงจะมีเรื่องสำคัญอะไรจะพูดด้วย เขาจึงกดรับสาย
“ฟู่~ ในที่สุดคุณก็รับสายของหนูสักที!” น้ำเสียงของเสี่ยวเฉินฟังดูโล่งใจทันทีที่เขารับสาย “ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ได้กลับบ้านเมื่อคืนนี้ หนูเลยส่งข้อความไป หนูไม่รู้ว่าคุณได้เห็นมันไหม?”
“ฉันต้องทำงานตลอดทั้งคืน มีอะไรรึเปล่า?” จ้าวหยู่ถามกลับไปอย่างห้วน ๆ
“เอ่อ…คือ…” เสี่ยวเฉินพูดแบบตะกุกตะกักและดูเหมือนเธอจะลำบากใจที่ต้องพูดออกมา
“รีบพูดมาเร็ว ๆ ฉันมีงานต้องทำนะ!” จ้าวหยู่พูดขึ้นอย่างใจร้อน เขาพยายามจะเปิดเครื่องดักฟังนั้นอีกหนเพื่อฟังว่าคูปิงและทีมของเธอได้ข่าวอะไรใหม่ ๆ มาบ้างหรือไม่
“เอ่อ เรื่องนี้หนูไม่สะดวกที่จะคุยทางโทรศัพท์ หนูจะไปหาคุณที่สถานีตำรวจ คุณช่วยออกมาหน่อยได้มั้ยคะ?” เสี่ยวเฉินพูดออกมาอย่างกระวนกระวายและรวดเร็ว
“ให้ตายสิ ฉันมีคดีที่ร้ายแรงกำลังรออยู่นะ!” จ้าวหยู่เริ่มพูดแบบใจร้อนอีกครั้ง “มีอะไรค่อยคุยกันพรุ่งนี้ได้ไหม”
“ถึงพรุ่งนี้ก็ไร้ประโยชน์แล้วค่ะ ถ้างั้น…คุณจะ…” ดูเหมือนเสี่ยวเฉินจะรวบรวมความกล้าบางอย่างและเปล่งเสียงพูดออกมาในที่สุด
“ตอนนั้นคุณบอกว่าเราสองคนเป็นพาร์ทเนอร์กันใช่ไหมคะ ถ้าหนูมีปัญหา คุณจะมาช่วยหนูทันที เราตกลงกันไว้แบบนั้นไม่ใช่เหรอคะ?”
เมื่อจ้าวหยู่ได้ยินดังนั้นเขาก็เริ่มเป็นกังวลกลัวว่าใครจะมาได้ยินเข้า เลยรีบกล่าวตอบตกลงไป
“ก็ได้ ๆ เดี๋ยวฉันจะไปหาเดี๋ยวนี้แหละ”
เมื่อสิ้นสุดการคุยกับเสี่ยวเฉิน จ้าวหยู่ไม่ได้รีบร้อนออกไปแต่อย่างใด เขาทำการเปิดเครื่องดักฟังล่องหนนั้นเพื่อดูสถานการณ์ของทีม B ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างแต่เขาได้ยินเพียงแค่ความเงียบเท่านั้น
เขาไม่แน่ใจว่าในตอนนี้สถานการณ์ทีม B เป็นอย่างไรบ้าง เขารีบเดินไปอย่างร้อนรน เมื่อถึงห้องทำงานทีม B เขารีบลดตัวลงและแอบดูผ่านหน้าต่างเข้าไปด้านใน เมื่อมองเข้าไปเขาก็รู้สึกผ่อนคลาย
คนอื่น ๆ ในทีม B ต่างพากันนอนหลับคาโต๊ะทำงานเช่นเดียวกับเขา มีเพียงแค่หัวหน้าทีมคูปิงเท่านั้นที่ยังตื่นอยู่ เธอจ้องมองไปที่ไวท์บอร์ดและกำลังใช้ความคิดเกี่ยวกับคดีนี้
มันเป็นเรื่องดีสำหรับจ้าวหยู่ที่เห็นพวกเขายังไขคดีไม่ได้ เขารู้สึกสบายใจขึ้นมาในทันที
จากนั้นเขาก็กลับมาที่โต๊ะตัวเอง จัดระเบียบเสื้อผ้าหน้าผมและเดินออกไปที่หน้าสถานีตำรวจ
เมื่อเขาออกมาด้านนอก เขาก็เห็นเสี่ยวเฉินกำลังยืนรอเขาอยู่แล้ว เด็กหญิงดูตัวเล็กกว่าที่คิดไว้ซะอีกเมื่ออยู่ในชุดนักเรียนแบบนี้ เธอกัดปากแน่นและแววตาของเด็กหญิงฉายแววประหม่าอย่างเห็นได้ชัด
จ้าวหยู่รีบดึงตัวเด็กคนนั้นไปที่ซอยด้านข้าง ๆ ในทันที “เรียกฉันออกมาทำไม มีอะไรก็รีบ ๆ พูดมา”
ขณะกำลังพูด จ้าวหยู่หันไปเห็นขวดน้ำอัดลมที่ยังไม่ได้เปิดอยู่ที่ข้างกระเป๋าเด็กหญิง เขาคว้ามันขึ้นมาโดยไม่ได้ขอเธอ เปิดขวดแล้วดื่มทันที
เด็กสาวพยายามเปิดปากที่จะพูดออกมาและในที่สุดเธอก็รวบรวมความกล้าสำเร็จ
“คุณช่วย…คุณช่วยมาเป็นพ่อให้หนูหนึ่งวันจะได้ไหมคะ?”
“อุ๊ป!!” จ้าวหยู่ตกใจจนเผลอสำลักน้ำออกมาอย่างเร็วทั้งทางปากและจมูก “แค่ก ๆ!!” น้ำหูน้ำตาไหลออกมา เขาใช้แขนเช็ดน้ำอัดลมออกใบหน้า
“วันนี้เป็นวันประชุมผู้ปกครอง พ่อแม่ของเด็กทุกคนต้องไปด้วยแต่ถ้าพ่อของหนูไปล่ะก็ หนูต้องตายแน่ ๆ !” เสี่ยวเฉินพูดอย่างเร่งรีบ
“หยุดก่อน!” จ้าวหยู่พูดขึ้นอย่างงุนงง “ฉัน? นี่ฉันต้องไปเป็นพ่อให้เธอเหรอ? นี่ฉันดูแก่ขนาดนั้นเลยหรือยังไง แค่พี่ชายก็พอมั้ง!?”
“เป็นได้แค่พ่อเท่านั้นค่ะ!” เสี่ยวเฉินพูดอย่างจริงจัง
“หนูกลัวว่าครูจะโทรเข้าไปที่เบอร์ของพ่อ หนูเลยทำการสกัดกั้นและใส่เบอร์ของคุณไปแทนเพื่อเป็นการป้องกัน”
“ให้ตายสิ” จ้าวหยู่ทรุดเข่าลง “นี่ฉันควรจะให้เธอทำงานที่สถานีตำรวจด้วยกันเลยดีไหมเนี่ย เธอดูเชี่ยวชาญเรื่องแบบนี้มากเลยนะ”
“นะคะ ได้โปรดช่วยหนูในเรื่องนี้ด้วยนะคะ” เสี่ยวเฉินขอร้อง “การประชุมจะเริ่มตอนแปดโมงตรง เดี๋ยวหนูเป็นคนจ่ายค่าเดินทางเอง นะคะ”
“พอเลย พอ” จ้าวหยู่พูดกลับด้วยใบหน้าที่จริงจัง “ถ้าพ่อของเธอรู้เรื่องเข้า ฉันคงถูกไล่ออกจากบ้านหลังนั้นหรือยังไง ไปหาจ้าง
คนอื่นจะง่ายกว่าอีกและอีกอย่างตอนนี้ฉันมีคดีใหญ่ให้รับผิดชอบด้วย ฉันไม่ว่างไปกับเธอหรอก เอ้า! ไปได้แล้ว เร็วเข้า เดี๋ยวก็ตกรถบัสหรอก”
เมื่อจ้าวหยู่ดับกระหายด้วยน้ำอัดลมขวดนั้นเสร็จ เขาปิดฝาขวดและใส่มันกลับคืนที่กระเป๋าของเธอทันที