622 - ข่าวร้ายที่น่าเศร้า
622 - ข่าวร้ายที่น่าเศร้า
ผ่านไปหลายวัน ไม่พบเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ เย่ฟ่านรู้สึกไม่สบายใจ เกรงว่าจะมีสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น
ในท้ายที่สุดเขาและผังป๋อออกจากเมืองหลวงเพื่อค้นหาเพื่อนเก่าอีกครั้ง เพื่อนร่วมชั้นที่มายังโลกนี้ด้วยกันในอดีตควรจะยังอยู่ในแคว้นเอี๋ยนหากไม่มีอุบัติเหตุอะไร
จุดแรกพวกเขามาที่หลิงซู่ตงเทียนโดยธรรมชาติ ทั้งสองอาศัยอยู่ที่นี่มาเกือบปีและทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตก็ยังคงสดใสอยู่ในใจ
อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขามาที่นี่ พวกเขาได้ยินข่าวร้ายว่าเพื่อนร่วมชั้นชื่อจางหนิงเฟยเสียชีวิตไปแล้ว
ย้อนกลับไปในตอนนั้น เย่ฟ่านและคนอื่นๆทั้งหมด 13 คนติดตามเว่ยเว่ยจากป่าเก่าแก่ดึกดำบรรพ์และสำนักทั้งหมด 6 แห่งต่างก็รับเอาพวกเขาเป็นลูกศิษย์
หลิงซู่ตงเทียนได้รับผังป๋อและจางหนิงเฟย ในส่วนของเย่ฟ่านเพียงติดตามผังป๋อมาที่นี่โดยไม่ใช่สาวกที่แท้จริง เพราะในตอนนั้นเมื่อทุกคนค้นพบว่าเขาไม่สามารถฝึกฝนได้ทุกคนจึงมองว่าเขาเป็นเพียงขยะที่ไม่มีผู้ใดต้องการ
หลังจากมาที่นี่ จางหนิงเฟยก็ถูกผู้อาวุโสคนหนึ่งรับตัวเป็นศิษย์ เย่ฟ่านและผังป๋อเคยเจอเขาเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น หลังจากที่กลับมาพวกเขากลับได้ยินว่าเพื่อนเก่าถูกฝังมานานกว่า 1 ปีแล้ว
“ไปเยี่ยมหลุมศพเขากัน”
ทั้งสองเศร้าเล็กน้อย พวกเขามายังโลกนี้ด้วยกัน การจากไปครั้งนี้เป็นการลาจากชั่วนิรันดร์
จางหนิงเฟยไม่ใช่ผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งอะไร เขาไปเก็บน้ำอมฤตเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว และถูกสัตว์ร้ายฉีกเป็นชิ้น ๆ เขาตายอย่างอนาถนัก
“ข้ายังจำตอนที่เจ้าเรียนอยู่ได้ เมื่อเจ้าเมาเจ้ามักจะพูดถึงอนาคตของตัวเอง ไม่คิดว่าเจ้าจะจากไปเร็วขนาดนี้...”
“เมื่อเรามาที่โลกนี้ พวกเราไม่มีโอกาสได้ใช้เวลาร่วมกัน ขอให้เจ้าไปสู่สุคติเถอะ”
ทั้งสองเทเหล้าลงบนหลุมศพแล้วนิ่งเงียบอยู่นาน ที่นี่คือโลกของเซียน ทุกสิ่งช่างโหดร้ายและเต็มไปด้วยอันตราย
เมื่อทั้งสองกลับไปที่หลิงซู่ตงเทียนหลายคนไม่กล้าที่จะระบายลมหายใจด้วยซ้ำ เจ้าสำนักหลิงซู่ประหม่ามาก อาณาจักรบ่มเพาะของเขาอยู่เพียงตำหนักเต๋าชั้นแรก พวกเขาเปรียบเสมือนการอยู่กันคนละโลก
“ไม่จำเป็นสำหรับเรื่องนี้ หลิงซู่ตงเทียนมีบุญคุณต่อพวกเรา พวกเรารู้ว่าเรื่องนี้เป็นอุบัติเหตุไม่ใช่ความผิดของพวกเจ้า”
เกือบหกปีผ่านไปและพวกเขาก็เป็นผู้ยิ่งใหญ่อาณาจักรลึกลับสี่สุดขั้วแล้ว ด้วยความแข็งแกร่งนี้พวกเขาสามารถเหยียบย่ำภาคใต้ไว้ใต้ฝ่าเท้าอย่างง่ายๆ
ดินแดนรกร้างตะวันออกนั้นใหญ่เกินไป หลิงซู่ตงเทียนเป็นเพียงนิกายเล็กๆเท่านั้น ถ้าผู้ยิ่งใหญ่อาณาจักรสี่สุดขั้วเข้ามาที่นี่ เขาจะกลายเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของแคว้นอย่างไม่ต้องสงสัย
ในความเป็นจริงหลายสิบแคว้นสามารถก่อตั้งนิกายขนาดกลางได้เท่านั้น ต่อให้ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาก็ไม่เกินอาณาจักรสี่สุดขั้ว ซึ่งมันไม่เพียงพอที่จะต่อต้านเย่ฟ่านและผังป๋อ
ผู้อาวุโสอู๋ชิงเฟิงถูกไล่ออกจากสำนัก และปรมาจารย์ของหลิงซู่ตงเทียนกังวลกับเรื่องนี้มาก พวกเขารู้ดีว่าผู้อาวุโสอู๋ชิงเฟิงเคยเป็นอาจารย์ของผังป๋อ ไม่รู้ว่าพวกเขาจะคิดกับเรื่องนี้อย่างไร
อันที่จริงเย่ฟ่านและผังป๋อไม่เพียงต้องการพบเพื่อนร่วมชั้นเท่านั้น แต่พวกเขายังต้องการพาชายชราที่ใจดีคนนั้นเดินสู่เส้นทางการฝึกฝนที่เหมาะสม
ในเวลาไม่นานพวกเขาก็ตามหาผู้อาวุโสอู๋ชิงเฟิงจนพบ ชายชราแก่ขึ้นเล็กน้อย แต่จิตใจของเขายังดีอยู่ และเขามีความสุขมากที่ได้เห็นทั้งสอง
“เด็กน้อย ข้าได้ยินเกี่ยวกับเจ้า...” ชายชราถอนหายใจ
“ไม่เป็นไร เขาจะผ่านไปได้อย่างแน่นอน”
ผังป๋อหัวเราะ ไม่มีทางที่จะพูดความจริงได้ เพราะความสำคัญของเรื่องนี้ใหญ่หลวงมากเกินไป
“ข้าไม่ได้คาดหวังว่าเจ้าจะประสบความสำเร็จเช่นนี้ เจ้าสามารถแข่งขันกับบุตรศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นได้” ชายชราตื่นเต้นมาก หนึ่งในนั้นคือศิษย์ของเขา
ทั้งสองอยู่กับผู้เฒ่าอู๋ชิงเฟิงสองสามวัน ก่อนจะจากไปเย่ฟ่านได้มอบน้ำพุศักดิ์สิทธิ์และรากของผลไม้เซียนให้กับชายชรา หลังจากนี้คงเป็นเรื่องยากที่เขาจะมีโอกาสได้กลับมาอีกเขาจึงต้องการให้ชายชรามีชีวิตที่ดี
หลังจากนั้นเย่ฟ่านและผังป๋อไปที่อู๋ติงตงเทียนซึ่งเป็นนิกายของจางเหวินชางในอดีต การมาถึงของพวกเขาทำให้เกิดความตื่นตระหนกไปทั่วสำนัก
ทุกวันนี้ไม่มีผู้ใดไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของเย่ฟ่าน ผู้คนในสำนักแห่งนี้ล้วนทำให้จางเหวินชางได้รับความอับอายอย่างหนัก การมาถึงของพวกเขาสร้างความหวาดกลัวให้กับสำนักเป็นอย่างมาก
หลายคนรู้ว่าเย่ฟ่านเคยมาที่นี่ในอดีตและเป็นเพื่อนสนิทของจางเหวินชาง ในวันนี้แม้แต่เจ้าสำนักก็ยังออกมาคุกเข่าที่ด้านนอกด้วยความกลัว
ในตอนแรกผังป๋อต้องการทำลายที่นี่ให้สิ้นซาก แต่สุดท้ายเขาก็เพียงตบหน้าทุกคนในสำนักคนละครั้งก่อนจะปล่อยให้พวกเขาคุกเข่าอยู่ตรงนั้นสามวันสามคืน
“เราอยากรู้ว่าหลิวอี่อี้เคยกลับมาที่นี่หรือไม่” เย่ฟ่านถาม
เช่นเดียวกับจางเหวินชาง หลิวอี้อี้และจางเหวินชางต่างก็เข้ามาในนิกายนี้ คราวนี้พวกเขามาที่อู๋ติงตงเทียนเพื่อสอบถามข่าวของนางเป็นการเฉพาะ
“นางไม่เคยกลับมา” ผู้อาวุโสคนหนึ่งตอบ
ทั้งสองพยักหน้าและไม่พูดอะไร หลังจากที่พวกเขากลับไปแล้วในที่สุดผู้คนทั้งหมดก็ยืนขึ้นและถอนหายใจอย่างโล่งอก
หลังจากนั้นพวกเขาก็ไปที่สำนักเอี๋ยนเซี่ย จื่อหยาง จินเซี่ย และได้รับคำตอบเดียวกัน โจวยี่ หลินเจี๋ยและคนอื่นๆไม่ได้กลับมา
ในอดีตผู้คนจากสามดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้บีบบังคับเย่ฟ่านและคนอื่นๆอีกหลายคนให้เข้าไปในพื้นที่ต้องห้ามโบราณเพื่อเลือกยาวิเศษ
เย่ฟ่านสร้างโอกาสให้โจวยี่ หลินเจีย หวังจื่อเหวิน, หลี่เสี่ยวม่าน, หลิวอี้อี้และจางจื่อหลิงหลบหนี
สามปีผ่านไปมีเพียงหลี่เสี่ยวม่านเท่านั้นที่สามารถฝากตัวเป็นศิษย์ของนิกายไท่ซวนได้ ในขณะที่คนอื่นไม่มีข่าวคราวเลย
ในตอนแรก เย่ฟ่านถามหลี่เสี่ยวม่านเมื่อเขาอยู่ในไท่ซวนและนางไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นอยู่ที่ไหน เพราะพวกเขาหนีไปคนละทิศคนละทาง
“โจวยี่ หวังจื่อเหวินและหลินเจี๋ยเป็นคนฉลาด และแน่นอนว่าพวกเขาจะไม่กลับมา ไม่เช่นนั้นผู้คนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะไล่ล่าตัวพวกเขาอย่างแน่นอน” เย่ฟ่านกล่าวกับตัวเอง
“จางจื่อหลิงก็ไม่ใช่คนโง่เขาต้องไปในที่ปลอดภัย ข้าคิดว่าอี้อี้ต้องอยู่กับเขา” ผังป๋อกล่าว
นอกจากนี้เพื่อนร่วมชั้นอีกสองคนเสียชีวิต คนหนึ่งชื่อเก๋อหมิง และอีกคนหนึ่งชื่อซูฉวน คนหนึ่งถูกฆ่าตายตอนที่เขาออกไปฝึก และอีกคนหนึ่งถูกสังหารในซากปรักหักพังโบราณ
เย่ฟ่านและผังป๋อถมดินในหลุมศพของพวกเขา ไม่กี่ปีมานี้ เพื่อนร่วมชั้นของพวกเขาสามคนตายไปแล้ว ไม่รู้ว่าคนอื่นๆจะมีชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง
ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงซือเยว่ตงเทียน และได้รู้เกี่ยวกับข่าวของชาวต่างชาติที่ชื่อว่าไค
เซียนเฒ่าเร่ร่อนจากทะเลทรายตะวันตกมองเห็นว่าเขามีร่างกายที่แปลกประหลาดและสูงใหญ่กว่าคนทั่วไปจึงได้รับเขาเป็นศิษย์ก่อนจะเดินทางกลับทะเลทรายตะวันตกเมื่อหลายปีก่อน
“มารผมเหลืองผู้นี้กลายเป็นผู้พิทักษ์ธรรมแล้ว เจ้าคิดว่าเขาจะกลายเป็นพระอรหันต์ได้หรือเปล่า?” ผังป๋อตะลึงเล็กน้อย
“เซียนเฒ่าพูดว่าอะไร” เย่ฟ่านถามอย่างละเอียด
สาวกของซือเยว่ตงเทียนไม่กล้าปิดบังความจริงต่อเย่ฟ่าน คนคนนี้น่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจ เขาเป็นดาวมฤตยูกลับชาติมาเกิดแม้แต่ผู้คนเขาดินแดนศักดิ์สิทธิ์เขาก็ยังฆ่าไปหลายร้อยแล้ว
“เซียนเฒ่าบอกว่าจะพาเขาไปที่เขาพระสุเมรุ”
เย่ฟ่านและผังป๋อมองหน้ากัน ไม่ว่าเขาพระสุเมรุจะอยู่ที่อีกฟากหนึ่งของทะเลแห่งดวงดาวหรือที่นี่ ทุกแห่งล้วนเต็มไปด้วยตำนานที่ไม่รู้จบ
“ปีศาจตัวนี้โชคดีจริงๆ เขาไปอยู่เขาพระสุเมรุแล้ว ในอนาคตหากพวกเราเดินทางไปทะเลทรายตะวันตกเด็กน้อยนั่นจะเป็นคนแนะนำให้พวกเราพบกับพระยูไล”
“หลังจากนี้พวกเราคงต้องนับถือนิกายพุทธอย่างจริงจังแล้ว!”
เย่ฟ่านและผังป๋อมองหน้ากันและอดหัวเราะไม่ได้
พวกเขาอยู่ได้ไม่นาน หลังจากที่เข้าใจทุกอย่างแล้ว พวกเขาก็เริ่มออกตามหาเด็กหญิงตัวเล็กๆอีกครั้ง
เย่ฟ่านและผังป๋อกลับไปที่เมืองเอี๋ยนและบางคนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์พยายามหว่านล้อมให้เย่ฟ่านกลับเข้าไปในภูเขาเพื่อเก็บยาศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง
เย่ฟ่านจะกลับเข้าไปอีกได้อย่างไร คราวนี้เขามาที่นี่ก็เพื่อสร้างสถานการณ์ในการสังหารฮั่วอวิ๋นเฟยเท่านั้น ต่อให้มันมียาศักดิ์สิทธิ์จริงๆเขาก็ไม่จำเป็นต้องแบ่งให้ใคร
เย่ฟ่านรับปากกับคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ว่าจะเข้าไปเก็บยาข้างในนั้น เพียงแต่ว่าเขาขอข้อมูลเกี่ยวข้องกับภูเขาเซียนรวมทั้งหน้าผาศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในภาคกลางก่อน
“สหายน้อย เทือกเขานั้นไม่ใช่สถานที่ที่ดี ในอดีตมียอดคนระดับปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์หลายคนร่วงหล่นที่นั่น หากเจ้ายังไม่เป็นผู้สูงสุดเจ้าอย่าพูดถึงเรื่องการเข้าไปข้างในเลย”
“ผู้อาวุโสท่านนี้ ช่วยอธิบายให้ละเอียดหน่อยได้ไหม?” หัวใจของเย่ฟ่านขยับ
“นี่เป็นบันทึกที่ละเอียดที่สุดแล้ว ไม่เคยมีใครไปที่นั่นแล้วรอดชีวิตกลับมาได้” ผู้อาวุโสสูงสุดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์กล่าว
เย่ฟ่านพูดไม่ออก เมื่อฝ่ายตรงข้ามปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลเขาก็ปฏิเสธการเข้าสู่ดินแดนรกร้างโบราณอย่างเด็ดขาดเช่นกัน
แม้ว่าผู้คนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต้องการจะบังคับเขาแต่สุดท้ายด้วยการดำรงอยู่ของเจียงไท่ซู พวกเขาจึงได้แต่ยอมแพ้ในเรื่องนี้