ผมได้รับพลังแห่งลิชมาพิชิตสาวงาม ตอนที่ 18
ผมได้รับพลังแห่งลิชมาพิชิตสาวงาม ตอนที่ 18
"เงาดำนี้สามารถเคลื่อนไปได้ทุกที่ภายในสมองของผู้อาวุโสหลิว! หลักวิทยาศาสตร์ยังหาคำอธิบายปรากฏการณ์นี้ไม่ได้!" หมอหวังก็ตื่นตระหนกไม่น้อย แม้แต่เขาเองก็ไม่กล้าเชื่อภาพที่แสกนได้จากเครื่อง MRI
โดยทั่วไปแล้ว ไม่ว่าเงาดำนี้จะประกอบด้วยสสารชนิดใด เพียงความจริงที่ว่ามันสามารถเคลื่อนที่ได้ก็คงจะเปลี่ยนสมองของผู้อาวุโสหลิวให้เละเป็นข้าวต้มไปแล้ว เขาต้องไม่รอดแน่นอน ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกลับทำให้เขาเพียงหมดสติไป ทั้งยังไม่ได้แสดงสัญญาณเป็นภัยคุกคามใดๆต่อชีวิต เพียงแค่ทำให้สัญญาณชีพอ่อนแอลงก็เท่านั้น
"คุณหมอ....ผมไม่เข้าใจ หมอช่วยอธิบายให้ละเอียดกว่านี้ได้ไหมครับ?"
"นี่...หมอคิดว่าให้คุณหลิวดูด้วยตัวเองจะดีกว่า!"
หลังจากนั้นไม่นาน หลิวซานก็ได้เห็นภาพที่สร้างความมึนงงบนจอภาพ ภายในสมองของพ่อของเขาถึงกับมีเงาดำขนาดเท่าไข่ไก่กำลังเคลื่อนที่ไปมาอยู่จริงๆ! ซึ่งมันดูไม่เหมือนอวัยวะหรือสิ่งมีชีวิตเลยสักนิด
"ในบางกรณีก็อาจจะมีปรสิตฝังตัวอยู่ภายในสมองของผู้ป่วย แต่เป็นไปไม่ได้ที่ปรสิตจะเคลื่อนไหวได้รวดเร็วแบบนั้น ทั้งยังมีรูปร่างไม่แน่นอน เนื่องจากเรายังไม่สามารถวินิจฉัยรูปร่างจริงๆของเงาดำนี้ ดังนั้นจึงยังไม่ได้เริ่มทำการรักษา เพราะต่อให้เราเริ่มผ่าตัดสมอง ผลลัพธืที่ออกมาเกรงว่าจะร้ายมากกว่าดี!" หมอหวังพูดอย่างกระอักกระอ่วน เพราะการพูดเช่นนี้ก็เท่ากับเป็นการยอมรับว่าแม้แต่โรงพยาบาลของพวกเขาก็ยังไม่อาจช่วยผู้อาวุโสหลิว
"มีสถาบันหรือผู้เชี่ยวชาญคนไหนที่สามารถแก้ปัญหานี้ได้บ้างไหมครับ?" หลิวซานยังคงถามออกไปอย่างมีความหวัง
"แม้ว่าในโลกจะมีหมอประสาทวิทยาที่เก่งกว่าผมอยู่มากมาย แต่ผมก็เชื่อว่าไม่มีใครสามารถหาวิธีรักษาผู้อาวุโสหลิวได้ เคสนี้ขัดกับทฤษฎีทางการแพทย์ทั้งหมดที่เคยมีมา...และมันก็ยังไม่สอดคล้องกับหลักการทางวิทยาศาสตร์ด้วย!"
"ไม่สอดคล้องกับหลักการทางวิทยาศาสตร์?!" ได้ยินแบบนั้น แววตาของหลิวซานก็มีประเกิดประกาย เขาพลันหันไปหาลูกสาวของเขา "เสวี่ยเอ๋อร์ ลูกต้องตามหาเซี่ยเยี่ยนและพาตัวเขามาที่นี่!"
"ค..ค่ะ!" หลิวเสวี่ยเอ๋อร์เองก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน คําว่า 'ไม่สอดคล้องกับหลักการทางวิทยาศาสตร์' ของหมอหวัง ส่งผลกระทบต่อเธออย่างมาก เพราะนั่นเท่ากับบอกว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นจากไสยศาสตร์
................................
สะพานซ่งเซียน
ขณะที่พี่หู่กําลังเก็บของก็มีเงาดำของคนสองสามคนทาบทับลงมาบนแผงลอยของเขา เมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็พลันจำได้ว่าหนึ่งในนั้นเป็นหญิงสาวที่ซื้อหินเรเควี่ยมสองก้อนจากเสี่ยวเซี่ยไปในราคาหมื่นหยวน ก่อนที่เขาจะทันได้เอ่ยทักเธอ หญิงสาวก็รีบถามอย่างกระวนกระวายใจว่า
"ลุงคะ นักศึกษาคนที่ตั้งแผงลอยข้างๆคุณเมื่อตอนบ่ายไปไหนแล้วคะ?"
"อ้าว เขาไม่ได้ไปกับคุณหรอกเหรอ?" พี่หู่ถามอย่างงุนงง
"เขาไม่ได้กลับมาที่นี่เหรอคะ?"
"ไม่นะ"
"คุณลุงรู้จักเขาไหมคะ?"
"เขาเพิ่งมาตั้งแผงวันนี้เป็นวันแรก ฉันรู้แค่ว่าเขาแซ่เซี่ย และเป็นนักศึกษาก็เท่านั้น"
หลิวเสวี่ยเอ๋อร์ออกจากสะพานซ่งเซียนด้วยความสิ้นหวังเนื่องเพราะเบาะเพียงสายเดียวกลับพบเข้ากับทางตัน เธอใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโทรไปบอกพ่อของเธอว่า "พ่อ เซี่ยเยี่ยนอาจจะเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยในเมืองนี้ พ่อให้คนช่วยเช็คตามมหาลัยต่างๆว่ามีคนชื่อนี้หน่อยได้มั้ยคะ?"
"พ่อเคยทานอาหารร่วมกับหัวหน้าหลี่จากสํานักการศึกษาครั้งหนึ่ง เดี๋ยวพ่อลองโทรหาเขาดู"
ห้านาทีต่อมา หลังจากได้รับคำสัญญาว่าเครือบริษัทตระกูลหลิวจะบริจาคเงินสิบล้านหยวนสําหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานของสํานักงานการศึกษา รายชื่อพร้อมภาพถ่ายจำนวนหนึ่งก็ถูกส่งมายังมือถือของหลิวเสวี่ยเอ๋อร์
มีนักศึกษาจำนวนเก้าคนที่ชื่อเซี่ยเยี่ยนอยู่ในระบบของสถาบันการศึกษาของเฉิงตู เมื่อเลื่อนภาพถ่ายดู ในที่สุดหลิวเสวี่ยเอ๋อร์ก็พบเป้าหมาย
"พาฉันไปที่มหาวิทยาลัยซีเหอ!"
...............................
เซี่ยเยี่ยนนั้นประเมินความสามารถของเหล่าเศรษฐีผิดไป เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องยากสําหรับตระกูลหลิวที่จะตามหาเขาพบโดยไม่อาศัยถามผ่านทางฟางเซี่ยงตง แต่ตอนที่อยู่ภายในวิลล่าของตระกูลหลิว พวกเขาทั้งสองก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกัน ดังนั้นพวกเขาย่อมไม่รู้ว่าทั้งสองรู้จักกัน
เพราะอย่างนั้นเซี่ยเหยียนจึงกะประมาณเอาเองว่า ตระกูลหลิวจะต้องใช้เวลาสืบเสาะอย่างน้อยก็สองสามวันกว่าจะตามหาตัวเขาพบ
ตอนนี้เขายังลังเลอยู่เลยว่าจะกลับไปทิ้งเบาะแสเพิ่มเติมให้อีกฝ่ายหาตัวเขาง่ายขึ้นดีหรือเปล่า เพราะหากว่าผู้อาวุโสหลิวตายไปเสียก่อน เขาก็คงขายสร้อยเรเควี่ยมสองเส้นนี้ไม่ได้แล้ว
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็สืบจนพบตัวเขา
ขณะที่เซี่ยเยี่ยนเพิ่งเริ่มนั่งสมาธิเพื่อที่จะแปลงพลังธาตุอันเดดที่อยู่ในจี้ให้กลายเป็นพลังเวท ประตูห้องพักของเขาก็มีคนมาเคาะ และเสียงเคาะนั้นยังปลุกรูมเมททั้งหมดของเขาขึ้นมา
"ใครฟะ?" ต่อให้เป็นเซียนวิเศษก็ยังต้องโมโหหากถูกรบกวนตอนที่หลับไปแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฉินเจี้ยนที่นอนอยู่ใกล้กับประตูที่สุด
"นี่ฉันเอง หลี่เสี่ยวเฟย!" มีเสียงตอบกลับมา
"ผิดห้องโว๊ย!" ฉินเจี้ยนตอบกลับ
"ฉันเป็นผู้ดูแลหอ!" โหวเสี่ยวเทียนกระโดดลงจากเตียงก่อนจะเปิดประตู "มีอะไรหรือเปล่าครับ?"
เซี่ยเยี่ยน ฉินเจี้ยนและจ้าวเฉียงต่างงุนงง พวกเขาไม่รู้ว่าผู้ดูแลหอมาทำอะไรดึกๆดื่นๆ
"มีธุระนิดหน่อยน่ะ ว่าแต่พ่อเธอเป็นยังไงบ้าง?" หลี่เสี่ยวเฟยถามโหวเสี่ยวเทียนด้วยรอยยิ้ม
"เขายังอยู่ที่โรงพยาบาลครับ แต่ทางโรงพยาบาลยังไม่ได้ตัดสินใจเกี่ยวกับการรักษา!" โหวเสี่ยวเทียนตอบอย่างเศร้าๆ
"ทุกอย่างจะดีเอง!" หลี่เสี่ยวเฟยเอ่ยปลอบใจ
"ขอบคุณครับ!"
"เซี่ยเยี่ยนอยู่ในห้องหรือเปล่า?" หลี่เสี่ยวเฟยถามขึ้นหลังจากเอ่ยปลอบ
"ครับ ผมอยู่นี่" เซี๋ยเยี่ยนสวมเสื้อก่อนจะลงมาจากเตียง เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเพราะไม่รู้ว่าทําไมผู้ดูแลหอจึงตามหาตัวเขา