ตอนที่แล้วChapter 265 (อ่านฟรีทุกตอนที่ลงท้ายด้วย 5-6)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 267

Chapter 266(อ่านฟรีทุกตอนที่ลงท้ายด้วย 5-6)


กำลังโหลดไฟล์

อย่างไรก็ตาม ซอดไม่ได้พัฒนาจรวดธาตุใหม่อย่าง'ลองกินุส'ที่สามารถแทนหัวรบนิวเคลียร์ได้อย่างสมบูรณ์แบบใช่หรือไม่?

ไม่มีรังสีและมีพลังมากกว่านิวเคลียร์

จุดศูนย์กลางของระเบิดมีความร้อนสูงถึง 5 พันล้านองศาเซลเซียสและทำลายทุกอย่างทั้งหมดเป็นเวลา 10 นาที

ซอดมองดูสัตว์ประหลาดโผล่ออกมา ความรู้สึกมันเหมือนกับที่ภาพยนตร์เคยฉายให้เขาดู

ซอดได้ดู แปซิฟิคริม มาบ้างแล้ว ภาคแรกพูดได้ว่าเพราะอยากจะทำหนังจริงๆ ส่วน ภาคสอง ทำมาเพื่อเอากำไรล้วนๆ.

นอกจากความจริงที่ส่าสัตว์ประหลาดนั้นมีอยู่ที่ญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก ความจริงแล้วเนื้อเรื่องภาคต่อนั้นไม่มีอะไรใหม่ๆเลย ดังนั้นภาคสองจึงติดตาตรึงใจของซอดมากเกินไป อย่างน้อยๆเขาก็เอาชื่อไคจูออกไม่ได้.

จักรวาลมีขนาดใหญ่และมีอารยธรรมเอเลี่ยนมากมายอย่างไม่ต้องสงสัย และในหมู่พวกมันต้องมีอะไรแบบนี้บ้าง.

คิริตะรุ่นก่อนนั้นถือได้ว่าเป็นอารยธรรมที่มีความสำเร็จด้านวิทยาศาสตร์มากกว่า ในขณะที่สัตว์ประหลาดในแปซิฟิคริมมีอคติต่อเทคโนโลยีชีวภาพ มีเหตุผลหลายประการสำหรับการบุกรุกของเอเลี่ยนไม่ว่าจะเป็นทรัพยากร ขาดความทะเยอทะยานหรือความทะเยอทะยานธรรมดาเป็นสิ่งที่ดี และเหตุการณ์ดังกล่าวมักเกิดขึ้นอย่างไม่สิ้นสุด

เรื่องแปซิฟิคริมอาจบอกเล่าเรื่องราวของมนุษย์ต่างดาวที่ใช้เทคโนโลยีชีวภาพในการปลูกฝังสัตว์ให้กลายเป็นสัตว์ประหลาดและบุกรุกโลกโดยใช้สัตว์ประหลาดขนาดใหญ่เป็นหน่วยจู่โจม

พูดตรงๆ มันแข็งแกร่งกว่าไซบอร์กที่แปลงร่างได้อย่างทรานฟอร์เมอร์ พลังทำลายล้างและภัยคุกคามที่มันก่อมีมากเช่นกัน หากเป็นการบุกรุกที่เป็นดาวล้าหลัง ก็กลัวว่าจะกลายเป็นอาหารของสัตว์ประหลาดเหล่านี้ แถมต้นทุนในการสร้างพวกมันก็ยังต่ำเสียยิ่งกว่าอะไร

มีสองวิธีที่จะหยุดการโจมตีของสัตว์ประหลาด ทำลายสัตว์ประหลาดด้วยพลังมิติหรือยิงโจมตีมันจนกว่าจะตาย ถ้าหากไม่ทำอย่างนี้ แม้แต่ใช้ระเบิดเพื่อหยุดมัน เมื่อมันเดินทางมาถึงแผ่นดินแล้วมันจะแข็งแกร่งมากกว่านี้อีกในภายหลัง.

อย่างไรก็ตาม ในมหาสมุทร ตอนนี้สถานการณ์ไม่ค่อยดีนัก เรือดำน้ำที่ส่งไปถูกสัตว์ประหลาดทำลายทันที มันปรากฏตัวพร้อมกับเรือลาดตระเวนอีกสองลำ

อาจเป็นความอัปยศที่จะพูด แต่ตอร์ปิโดที่ติดอยู่กับเรือหรือขีปนาวุธ ไม่สามารถเจาะทะลุผิวหนังของสัตว์ประหลาดได้ สำหรับสิ่งมีชีวิตบนโลก มันเป็นเพียงเปลือกหายนะ การระเบิดที่ผิวของสัตว์ประหลาดไม่มีการทิ้งร่องรอยใดๆไว้ .

"ดูสิว่าปืนพลังงานต้องใช้พลังงานเท่าไร?"

"มีของที่กำลังสร้างสำเร็จแต่ยังไม่ได้ทดสอบ ฉันไม่รู้ว่ามันจะทำลายได้แค่ไหน แต่จำเป็นต้องยอมให้สัตว์ประหลาดขึ้นบกจริงๆ? ดูจากเส้นทางของมัน ดูเหมือนว่ามันจะขึ้นไปที่ฮาวาย หากอนุมาณจากสัตว์ประหลาดอีกตัวมันอาจจะขึ้นบนบริเวณชายฝั่งของประเทศเรา."

"มันเป็นความตั้งใจของหัวหน้า เขาพบว่าเลือดของสัตว์ประหลาดเป็นพิษ หากมันตายในทะเล มันอาจจะก่อให้เกิดมลภาวะในทะเลได้."

ลูกเรือขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำว่า มลภาวะในมหาสมุทร?

"แล้วพวกแอสแลตติสกับวากันด้าหล่ะ ให้พวกเขาจัดอาวุธทำลายสัตว์ประหลาดตัวนี้!"

"แอสแลนติสได้ส่งกองทหารไปแล้ว แต่พวกเขาก็พูดออกมาแล้วว่าพวกเขาไม่มีอาวุธขนาดใหญ่."

"วากันด้าไม่มีอาวุธพลังงานที่แรงพอจะสร้างความเสียหายของมันเช่นกัน."

นักวิจัยจากสำนักงานเอ็กซ์คาลิเบอร์ที่นั่งอยู่ข้างนิคพูดพร้อมกับพรมนิ้วบนคีย์บอร์ดอย่างต่อเนื่อง

"วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้ไม่เกิดความสูญเสียคือฆ่าสัตว์ประหลาดที่กำลังขึ้นบก ไม่อย่างนั้นความสูญเสียอาจจะประเมิณการไม่ได้!"

"ไม่มีกระสุนขนาดใหญ่ที่สามารถสร้างความเสียหายกับสัตว์ประหลาดได้ มันไม่ง่ายเลยที่อาวุธพลังงานขนาดเล็กจะฆ่าสัตว์ประหลาดขณะที่มันขึ้นบก."

พร้อมกับการแสดงที่หงุดหงิด คราวนี้ ดร.แบบเนอร์ ที่ยังคงถือแปรงสีฟันได้ทุบลงบนโต๊ะเหล็ก.

"แต่ทำไมคุณเรียกผมให้ไปจัดการกับมอนเตอร์ตัวนี้หล่ะ ปล่อยให้ผมอยู่ในแล็ปไม่ได้หรอ?"

"ก่อนที่คุณจะพูด ฉันก็เป็นนักวิจัย ไม่ใช่คนโง่"ดร.แบนเนอร์หักนิ้ว.

"เกราะของคุณสตาร์กนั้นดีกว่าที่จะมาหาฉันไม่ใช่หรอ?"

แม้ว่าฮัคล์ตอนนี้จะเชื่อฟังมาก แม้ว่าหัวใจของเขาจะเต้นแรงมาก เขาก็จะไม่ออกมาหากไม่อนุญาติ แต่บรูซรู้เสมอว่าเขาเป็นนักวิจัย นอกจากช่วงเวลาสำคัญ ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่เต็มใจที่จะต่อสู้ไม่ว่าจะเป็นสนามรบไหนๆ.

ด้วยการแสดงออกที่จริงจังอย่างยิ่ง เมื่อมองไปที่สัตว์ประหลาดที่กำลังจะสร้างหายนะผ่านดาวเทียม ผอ.นิคก็ขี้ไปยังเมืองที่อยู่ตรงหน้าของเขา

"สตาร์กขอให้ผู้คนที่อยู่แถวชายฝั่งอพยพและเคลียร์พื้นที่ที่สามารถใช้ต่อสู้กับสัตว์ประหลาดได้."

"ดร.แบนเนอร์ เราต้องมอบความปลอดภัยให้กับโลกแล้ว."

"น่าเสียดายที่ต้องพูดอย่างนี้ แต่ฉันต้องทิ้งอะไรบางอย่าง."

สีไฟที่หน้าจอเปลี่ยนไป.

"มีสัตว์ประหลาดสองตัวก่อนหน้านีน้ เส้นทางของตัวหัวเคียวดูเหมือนจะเป็นชายฝั่งของอเมริกา และสัตว์ประหลาดที่หัวเหมือนขวาน...เดิมทีจุดหมายของมันอยู่ที่ญี่ปุ่น."

"2?"

ทันใดนั้นนิคก็ตกใจ และรู้สึกว่าแค่มีตัวเดียวก็แย่แล้วและเขาก็ทำไรกับมันไม่ได้ ตอนนี้มีถึงสอง?

จำเป็นต้องใช้'ลองกินุส'จริงๆหรือ?

เรือบรรทุกเครื่องบินลำใหม่ยังไม่มีอาวุธที่จะจัดการกับเป้าหมายขนาดใหญ่ได้.

อาจกล่าวได้ว่าการปรากฏตัวของสัตว์ประหลาดได้ท้ายทายอาวุธมนุษย์ทั้งหมด นอกจากนิวเคลียร์และจรวดธาตุใหม่แล้ว มนุษย์ก็พบว่าตนเองแทยจตะไม่มีอำนาจใดๆในการต่อสู้กับสัตว์ประหลาดตัวใหญ่เหล่านี้เลย.

"ฮิลล์ ติดต่อสตาร์ก เขาควรจะเริ่มจัดการได้แล้ว!"

นิคเพียงหวังว่าสตาร์ก หนึ่งในอัจฉริยะที่มนุษย์รู้จัก จะมีวิธีแก้ปัญหาเช่น...เอ่อ เกราะป้องกันสัตว์ประหลาด?

โทนี่ยังหวังว่าจะหาชุดเกราะต่อต้านสัตว์ประหลาดที่เขาอาจจะผลิตไว้ในคลังเกราะเหล็กของเขา

แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เคยคิดมาก่อนถึงสถานการณ์เหล่านี้ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกว่าไม่อาจทำอะไรได้

"นิคนี่มันดีแต่ผลักภาระให้คนอื่นจริงๆ."

โทนี่บ่น โชคดีที่การอพยพของประชนชนไม่ต้องให้เขาเป็นคนจัดการ หลังจากเสียงหวอระดับมังกรดังขึ้น พลเมืองก็วิ่งเร็วราวกับมดแตกรัง.

ก่อนที่เขาจะพูดจบ ทันใดนั้นทะเลที่สงบก็เกิดคลื่นยักษ์ เงาสีดำขนาดใหญ่กระโดดขึ้นมาบนอากาศและเงาที่บดบังดวงอาทิตย์ก็ปกคลุมชายหาดทั้งหมด กลิ่นทะเลที่เข้มขนแพ่รกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว.

"เหม็นจริงๆ แกไม่ได้อาบน้ำเลยไง๊?"

โทนี่บ่น จากนั้นชุดเกราะซิมไบโอตก็ปกคลุมร่างกายของเขาอย่างรวดเร็วและกลายเป็นเกราะต่อต้านฮัลค์ที่สูงห้าเมตร.

นี่คือขีดจำกัดของเกราะแล้ว.

"จาร์วิส อย่าลืมเตือนฉันเรื่องโลหะเหลวนะ."

โทนี่พูดอย่างสงบ.

จากนั้นเขาก็ยืนประจันหน้ากับสัตว์ประหลาดอย่างไม่ลังเล.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด