CD บทที่ 18 โชคร้ายมาเยือน
ภายในแผนกสืบสวนคดีดูเหมือนจะทำงานกันอย่างสงบสันติ แต่สิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความสงบนั้นคือการแข่งขันอย่างดุเดือด
กฎภายในหน่วยนี้คือ ถ้าเป็นคดีใหญ่ที่เกิดขึ้น ทั้งสองทีมต่างต้องร่วมมือกันปิดคดีนี้ให้สำเร็จ แต่ถ้าเป็นคดีปกติทั่วไป แต่ละทีมก็
จะได้รับมอบหมายงานที่แตกต่างกันออกไป
หลังจากแผนกสืบสวนถูกแบ่งออกมาเป็นทีม A และทีม B ทั้งสองทีมต่างแข่งกันทำงานอย่างหนัก ทีมที่มีอัตราการแก้ไขคดีสูงกว่าไม่เพียงแต่จะทำให้ภาพลักษณ์ทีมตัวเองดูดีขึ้นเท่านั้นและยัง
ได้รับโบนัสรายปีที่สูงกว่าอีกทีมด้วย ดังนั้นเพื่อที่จะสามารถชนะอีกทีมได้ ทั้งสองทีมต่างพากันทำหน้าที่อย่างหนัก แม้กระทั่งตัวหัวหน้าทีมเองก็เช่นกัน พวกเขาต่างแข่งขันกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
ในช่วงไม่กี่ปี ที่ผ่านมา ทุกทีมต่างได้รับความเป็นธรรมและรางวัลที่เท่าเทียมกันมานานเป็นเวลาหลายปี แต่พอคูปิงได้ก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าทีม B สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ประสบการณ์ที่ยาวนานของเธอและความสามารถในการเป็นหัวหน้าที่ยอดเยี่ยม คูปิงสามารถแก้ไขปัญหาที่ยากลำบากมานักต่อนัก สร้างผลงานไว้
มากมาย ภายในระยะเวลาแค่หนึ่งปี ทีม A ถูกทิ้งท้ายจนไม่เป็นฝุ่น
เมื่อปีที่แล้ว ทีม B ได้รับเงินโบนัสที่มากกว่าทีม A ถึง 5,000 หยวนซึ่งสร้างความพอใจให้กับทีม B อย่างมาก
และนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ทีม B สร้างผลงานได้อย่างดีเยี่ยมมาโดยตลอด
การที่มีหัวหน้าที่เก่งกาจแบบนี้ ยิ่งทำให้ทีม A ถูกทิ้งห่างไปไกลกว่าเดิม
ภายใต้แรงกดดันดังกล่าว ทำให้หัวหน้าทีม A เหมาเว่ย เขาต้องแบกรับความกดดันภายในทีมทั้งหมด แม้ว่าเขาเองจะทำงานอย่างหนักแต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ให้ดีขึ้นได้เลย ไม่ใช่แค่การพ่ายแพ้ต่อคูปิงเท่านั้น เขาเกิดอุบัติเหตุตกตึกในระหว่างการไล่ล่าจับคนร้ายทำให้ต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล
หลังจากการบาดเจ็บของเหมาเว่ยทำให้หลิวชางฮูได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าทีม A ชั่วคราว แต่เขาไม่ได้ให้ความสนใจต่อเงินเดือนของสมาชิกทีม A เลยแม้แต่น้อยและเขาเองก็ไม่สนเรื่องการแข่งขันใด ๆ ทั้งสิ้น
ทุกครั้งที่มีคดีสำคัญเข้ามา เขามักจะโยนคดีนั้นไปให้คูปิงรับผิดชอบอยู่เสมอ
ทีม A ยิ่งน่าสงสารกว่าเมื่อก่อนอีก ทุกคนต่างรู้สึกพ่ายแพ้และอับอาย ไม่มีทางที่พวกเขาจะสามารถเอาชนะได้เลย
เนื่องจากการปฏิบัติงานที่โดดเด่นของคูปิง จนทำให้เบื้องบนถูกอกถูกใจในตัวเธอ
ทุก ๆ ครั้งที่มีคดีใหญ่แล้วทั้งสองทีมต้องทำงานร่วมกัน เธอมักจะเป็นคนนำคดีเสมอ คนจากทีม A ก็ได้แต่นั่งฟังคำแนะนำจากเธอเพียงอย่างเดียว
ตั้งแต่นั้นมาความภาคภูมิใจของคูปิงก็อยู่ในจุดสูงสุด เธอพอใจกับความสำเร็จของตัวเอง
แต่เรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น จู่ ๆ จ้าวหยู่ ชายที่ไม่รู้มาจากไหน อยู่ ๆ ก็สามารถจับคนร้ายคดีข่มขืนนี้ได้
เธอไม่รู้ว่าชายคนนี้จะโชคดีหรืออะไรก็ตามแต่การที่เขาสามารถจับคนร้ายโดยที่เธอยังไม่ได้เริ่มทำตามแผนการใด ๆ นับว่าเป็นการสร้างความอับอายแก่เธออย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจ้าวหยู่มาจากทีม A ด้วย!
แม้จะเป็นคดีที่ร่วมกันแต่รางวัลก็จะถูกแยกออกไปตามผลงานที่ทำสำเร็จ การที่สมาชิกทีม A อย่างจ้าวหยู่สามารถจับคนร้ายได้ มันเหมือนกับว่าเธอถูกฟ้าผ่าลงกลางใจและไม่สามารถทำใจให้ยอมรับกับเรื่องนี้ได้เลย เธอหงุดหงิดมากจนไม่สามารถกินอะไรได้ลงและเอาแต่คิดถึงเรื่องนี้
พอมีคดีมือที่หายไปเข้ามาในวันรุ่งขึ้น เห็นได้ชัดว่าคูปิงไม่สามารถปล่อยโอกาสดี ๆ แบบนี้หลุดมือไปได้อีก เธอจะใช้คดีนี้เพื่อเป็นการกู้หน้าของเธอกลับคืนมา เธอกลับมามีชีวิตชีวาในทันทีและทำงานราวกับตัวเองเป็นเครื่องจักรที่ไม่ยอมหยุดพักเพื่อจะใช้ประสิทธิภาพที่มีในการไขคดีนี้ให้สำเร็จ
สำหรับคดีมือที่หายไปไม่ได้แปลกใหม่แก่คูปิงแต่อย่างใด เพราะคดีนี้เองเป็นเหตุให้เธอได้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าทีม B ในแผนกสืบสวนแห่งนี้ และเป็นคดีแรกหลังจากที่เธอได้รับเลื่อนตำแหน่งมาแล้วเธอไม่สามารถปิดคดีนี้ได้ซึ่งมันยังคงติดค้างในใจเธอตลอดมา
ตอนนี้คนร้ายกลับมาอีกครั้ง มันให้เธอรู้สึกตื่นเต้นและเธอสาบานว่าคราวนี้เธอจะจับตัวคนร้ายให้ได้! ไม่เพียงแต่เพราะเพื่อเหยื่อเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับความภาคภูมิใจของตัวเธอเองด้วย!
ช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เธอทำงานราวกับไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อยกับทีมของตัวเธอเอง เธอพยายามรวบรวมหลักฐานมากมายเข้าด้วยกัน แต่ก็ไม่ทำให้คดีนี้ดำเนินไปได้ไกลกว่าเดิมเลยแม้แต่น้อย คนร้ายลึกลับมาก การจะหาตัวเขาได้นั้นมันยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอจ้องมองไปยังกระดานที่มีทั้งข่าวและรูปแปะอย่างมากมาย
คูปิงรู้สึกว่ากุญแจสำคัญในการไขคดีต้องอยู่บนนี้อย่างแน่นอน ตราบเท่าที่เธอหามันเจอ เธอก็จะพบชิ้นส่วนหลักฐานสำคัญที่สามารถเข้าถึงตัวคนร้ายได้
อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่ทีม B กำลังรู้สึกเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียจากการหาหลักฐานอย่างหนัก จ้าวหยู่ก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ราวกับความโชคร้ายที่กำลังมาเยือน
แม้ว่าเธอจะสลัดจ้าวหยู่ไปได้พร้อมกับข้อมูลสำคัญที่เธอยอมสละให้ไป แต่เขาก็กลับมาหาเธออีกครั้งด้วยเหตุผลบางอย่าง
จ้าวหยู่เดินไปรอบ ๆ พร้อมกับเอามือไขว่หลังเอาไว้ราวกับกำลังสืบสวนอะไรบางอย่าง ขณะที่เขาเดินผ่านห้องทำงานของทีม B เข้ามา เขาเมินสายตาทุกคู่ที่จดจ้องมาอย่างไม่เป็นมิตรและเดินเข้ามาราวกับเป็นสวนหลังบ้าน
“จ้าวหยู่!!” เสียงของคูปิงเต็มไปด้วยความรำคาญ “คุณกลับมาที่นี่อีกทำไม? คุณจะมาก่อกวนกันพวกเราหรือ? ฉันได้ให้หลักฐานที่จำเป็นกับคุณไปหมดแล้วนี่ คุณไม่ได้รับมันหรือไง!?”
หลังจากการแข่งขันที่ยาวนานระหว่างทีม A และทีม B ทำให้ทั้งสองทีมเกือบจะเหมือนเป็นศัตรูกันไปซะอย่างนั้น ทั้งสองถูกคั่นกลางไว้ระกว่างกำแพงที่สร้างขึ้น
พวกเขาต่างไม่เคยเยี่ยมชมการทำงานของอีกฝ่าย การได้เห็นจ้าวหยู่มาวนเวียนรอบ ๆ ห้องทำงานของทีม B แบบนี้ พวกเขาต่างพากันเปิดโหมดป้องกันข้อมูลราวกับจ้าวหยู่เป็นโจร ถ้าเขาเกิดทำอะไรขึ้นมาจริง ๆ ทีม B ก็พร้อมลุย!
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ฮิฮิ ไม่มีอะไรจริง ๆ นะ!” จ้าวหยู่หัวเราะเบา ๆ ขณะมองไปที่คูปิง “ฉันแค่จะมาบอกเกี่ยวกับข้อมูลอะไรบางอย่าง มันเป็นข้อมูลจากกล้องในรถ BMW แล้วอีกอย่าง ฉันไม่ต้องการหลักฐานอะไรจากคุณแล้วแหละ เท่าที่มีตอนนี้ก็เยอะจนไม่รู้จะใช้ยังไงหมดแล้ว ฮิฮิ แค่นี้แหละ คุณกลับไปทำงานต่อเถอะครับ โอ้ จริงสิ คุณไม่ต้องเดินไปส่งก็ได้นะ เดี๋ยวฉันกลับเอง”
เมื่อจ้าวหยู่พูดจบ เขาก็เดินออกจากห้องไปอย่างช้า ๆ ด้วยเหตุผลบางอย่างหลังจากที่จ้าวหยู่เดินออกจากห้องไป สมาชิกในทีม B รู้สึกหนักอึ้งบนบ่าของพวกเขา แม้แต่ลมหายใจของคูปิงเองก็ยังออกมาอย่างยากลำบาก
หลังกลับมาโต๊ะทำงานของตัวเอง จ้าวหยู่เอาแต่หัวเราะคิกคักอยู่ไม่สุขอย่างกับลิง เมื่อสมาชิกทีม A เห็น พวกเขาต่างพากันส่ายหัวกับการกระทำของจ้าวหยู่
‘เขาคงจะบ้าแบบกู่ไม่กลับซะแล้วล่ะ’
ความจริงที่พวกเขาไม่รู้ก็คือจ้าวหยู่ไม่ได้ไปห้องทำงานของทีม B เพื่อความสนุกเท่านั้นแต่ไปเพื่อแอบวางเครื่องดักฟังต่างหาก!
ที่นี่คือแผนกสืบสวน เป็นธรรมชาติที่จะมีการแข่งขั้นเกิดขึ้น ต่างคนต่างก็มีวิธีเป็นของตัวเองแต่การดักฟังคงเป็นอะไรที่พวกเขาคาดไม่ถึง แล้วอีกอย่าง เครื่องดักฟังของจ้าวหยู่เป็นอุปกรณ์ล่องหน ไม่มีใครสามารถหามันเจอแน่นอน
เมื่อตอนที่เขาเข้าไปห้องทำงานของทีมบีเมื่อกี้ เขาควบคุมเครื่องดักฟังล่องหนนั้นผ่านการสั่งการทางจิต เขาเลือกที่จะวางเครื่องไว้บนไวท์บอร์ด
หลังจากเลือกเป้าหมายเสร็จเครื่องดักฟังได้ฝังตัวลงไปบนไวท์บอร์ดเรียบร้อยโดยที่ไม่สามารถหาเจอได้ นอกจากเขาคนเดียวเท่านั้น!
หลังจากแอบเอาเครื่องดักฟังไปวางไว้เรียบร้อย ในหัวของเขาก็มีปุ่มเริ่มการทำงานขึ้นมาซึ่งจ้าวหยู่สามารถควบคุมมันได้ดั่งใจนึก เมื่อเขาเปิดการใช้งาน เขาก็จะสามารถได้ยินบทสนทนาของทีมบีได้ทั้งหมดอย่างชัดเจน
“ฮิฮิ” จ้าวหยู่หัวเราะอย่างชอบใจ หัวหน้าทีมคูปิงเองก็คงคาดไม่ถึงว่าจะมีใครทำอะไรแบบนี้ เขาจะล้วงข้อมูลทั้งหมดออกเลยคอยดู!
จ้าวหยู่ไม่คิดมาก่อนว่าการใช้เครื่องมือครั้งแรกของเขาจะต้องมาใช้กับคนในแผนกของตัวเอง แต่พวกเขาบังคับให้เขาต้องทำแบบนี้เอง มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
ขณะที่จ้าวหยู่กำลังลอบฟังข้อมูลจากทีม B เขารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เขากำลังวางแผนที่ชั่วร้าย หากคูปิงสามารถชี้เป้าผู้ต้องสงสัยหรือสามารถระบุตัวคนร้ายได้ เขาจะนำหน้าทีม B ไปหนึ่งก้าวเพื่อจัดการกับข้อมูลที่ได้ยินมา เขาจะเข้าจับกุมคนร้ายและได้หน้าแต่เพียงผู้เดียว!