CD บทที่ 17 แม้ว่าฉันจะต้องโดดเดี่ยวแต่ฉันจะไม่ขอยอมแพ้
“คุณต้องการจะสื่ออะไรจ้าวหยู่ คุณคิดว่าพวกเราเฉื่อยชาไม่ยอมทำงานกันอย่างงั้นหรือ?” หัวหน้าทีมคูปิงเอ่ยขณะนั่งพร้อมกอดอกด้วยความไม่พอใจ ส่วนคนในทีม B ต่างพากันรุมล้อมอย่างสนใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น” จ้าวหยู่พยายามอธิบาย “ผมแค่รู้สึกว่าการที่คนร้ายตัดมือของหลัวเหม่ยนาไปแต่ไม่หลงเหลือหลักฐานใด ๆ เอาไว้เลย เขาต้องวางแผนเรื่องนี้มานาน เขาน่าจะเคยสะกดรอยตามหลัวเหม่ยนามาพอสมควร ผมคิดว่าเราไม่ควรจะพุ่งเป้าป้องกันไม่ให้คนร้ายก่อคดีขึ้นอีกเพียงอย่างเดียวแต่ต้อง…”
“เอาล่ะ ๆ” คูปิงพูดขัดจังหวะจ้าวหยู่ไม่ให้เขาได้พูดอะไรต่อ “จ้าวหยู่ ฉันรู้เรื่องที่คุณกับรองหัวหน้าหลิวเดิมพันกันเอาไว้แล้ว ฉันเข้าใจว่าเธอพยายามจะปิดคดีนี้ให้เร็วที่สุดเพราะไม่อยากแพ้ แต่ฉันก็หวังว่าคุณจะเข้าใจทางนี้บ้างนะ การปิดคดีของเราไม่ใช่เรื่องที่จะมาล้อเล่นหรือตัดสินให้มันจบ ๆ ไป แต่ต้องทำอย่างมีความรับผิดชอบด้วย ความรับผิดชอบน่ะ เข้าใจใช่ไหม เธอเห็นไหมว่า...” คูปิงลุกขึ้นยืนพลางชี้ไปยังเจ้าหน้าที่ที่กำลังทำงานที่หน้าคอมพิวเตอร์
“พวกเขานั่งทำงานแบบนี้จนไม่ได้หลับไม่ได้นอนมาถึงสองคืนเพื่อเฝ้าดูตามกล้องวงจรปิดมากมายทั่วเมือง ดูเทปบันทึกตั้งแต่สองเดือนก่อนจนถึงตอนนี้ แต่คุณกลับบอกว่าสิ่งที่พวกเราทำมันไม่ตรงกับสมมุติฐานของคุณอย่างงั้นเหรอ? นอกจากนี้แล้วยัง...”
เธอชี้ไปอีกครั้งที่กระดานสีขาวซึ่งมีภาพถูกแปะเอาไว้อยู่เต็มไปหมด “คุณรู้มั้ยว่าผ่านหลายวันมานี้พวกเราเอาแต่เล่นอย่างนั้นอยู่หรือเปล่า? ไม่เห็นเหรอว่าพวกเราทุกคนทำงานกันจนไม่ได้กลับบ้านไปพักเลย พวกเขาต่างกำลังมองหาหลักฐานกันทั้งนั้น เราใช้ทั้งเวลาและสรรพกำลังทั้งหมดที่มีเพื่อจะปิดคดีนี้ ไม่ได้ดีแต่ปากพูด
พล่อย ๆ ออกไป เข้าใจมั้ย!!”
จ้าวหยู่มองตามอย่างระมัดระวังไปที่กระดานนั้น มันถูกปักหมุดด้วยข้อความ รูปภาพของเหยื่อ ข้อมูลพื้นฐานต่าง ๆ และความน่าจะเป็นเกี่ยวกับคดี นอกจากนี้พวกเขายังทำผังเชื่อมโยงความสัมพันธ์ด้วยการวงกลมสีแดง จากจำนวนข้อมูลทั้งหมดถูก
จัดทำขึ้นมาอย่างละเอียดถี่ถ้วน พวกมันทำให้ดูง่ายขึ้นกว่าเดิม พวกเขาใช้ความพยามอย่างหนักในการสร้างสิ่งนี้ขึ้นมา
นี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวหยู่ได้เห็นอะไรแบบนี้ เป็นเรื่องใหม่สำหรับเขาเลยทีเดียว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกตำรวจถึงรู้แหล่งที่ของเขาเสมอ คนพวกนี้เสาะหาข้อมูลเป็นอย่างดี ไม่แน่ภาพถ่ายของเขาเองก็คงถูกปักหมุดแบบนี้เอาไว้บ่อย ๆ เช่นกัน
เมื่อเห็นจ้าวหยู่จ้องมองไปที่กระดาน คูปิงก็เอาตัวเข้ามาทันที เธอมองจ้าวหยู่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“อย่าบอกนะว่าคุณต้องการข้อมูลจากฉันน่ะ คุณต้องการความ
ช่วยเหลือจากฉันเหรอ?”
“อะไรนะ!?” จ้าวหยู่ไม่คิดมาก่อนว่าคูปิงจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา
เป็นไปได้ไหมว่าไม่ใช่แค่หลิวชางฮูและคนบางคนเท่านั้นที่รอหัวเราะเยาะเขาแต่ทั้งแผนกสืบสวนเลยต่างหากที่ดูถูกเขา!
จ้าวหยู่หันไปรอบ ๆ ก็เห็นได้ว่า คนอื่น ๆ ต่างพากันยิ้มแบบร้าย ๆ ออกมา เขากำหมัดแน่นก่อนจะพูดเสียงดังใส่คูปิง
“ให้ตายสิ คุณคิดว่าตัวเองดีเหนือกว่าคนอื่นมากเลยหรือไง?” จ้าวหยู่ชี้ไปที่กระดานด้านหลังของคูปิง
“พวกคุณทำงานกันอย่างหนักจริง ๆ ทั้งโฟกัส ทั้งแกะรอยต่าง ๆ แต่ก็ยังไม่สามารถไขคดีได้? พระเจ้า! ถ้าคุณกล้าพอที่จะให้ข้อมูลเหล่านี้กับฉันแล้วล่ะก็ ฉันสามารถปิดคดีนี้ได้ก่อนพวกคุณแน่!”
คำพูดของเขาไม่ได้ทำให้เจ้าหน้าที่คนอื่นตกใจอะไร กลับกันกับเป็นการสร้างเสียงหัวเราะเข้าเสียอีก แม้คูปิงจะไม่ได้รู้สึกสนใจอะไรมากมาย เธอเพียงแค่ยืนกอดออกแล้วพูดว่า
“เอาล่ะ จ้าวหยู่ คุณจะได้รับข้อมูลทั้งหมด ฉันจะไปบอกหลิวว่าให้เอาข้อมูลที่สมบูรณ์ให้คุณไม่ว่าจะเป็นคำให้การหรือรูปถ่ายใด ๆ พวกเราจะยกพวกมันให้คุณ เมื่อคุณได้มาทั้งหมดไปแล้วก็มาดูกันว่ายอดนักสืบที่ยิ่งใหญ่อย่างจ้าวหยู่คนนี้จะสามารถปิดคดีนี้ลงได้หรือไม่? เป็นไงเอาอย่างนี้ดีไหม?”
เมื่อได้ยินคำพูดของคูปิง สมาชิกทีม B ต่างมองมาที่จ้าวหยู่พร้อมกับทำหน้าเยาะเย้ย
“ตกลง!” แต่จ้าวหยู่ก็ไม่ได้สนใจพวกเขาเลยแม้แต่นิด สิ่งที่เขาต้องการก็แค่ข้อมูลใหม่ ๆ เท่านั้น ดังนั้นเขาจึงรีบตอบตกลงไปโดยทันที
เมื่อจ้าวหยู่เดินกลับมายังโต๊ะทำงานของตัวเอง ในมือของเขามีลังที่เต็มไปด้วยข้อมูล เจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ในทีม A ต่างมองไปที่เขาอย่างไม่เข้าใจ ไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าจ้าวหยู่คิดจะทำอะไร
จ้าวหยู่ดึงไวท์บอร์ดข้างหน้าโต๊ะทำงานของเขามาและเลียนแบบทำตามคนอื่น ๆ เริ่มลงมือแปะสติกเกอร์และข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้รับลงไป
‘เหอะ! ก็ไม่เห็นจะยากเท่าไหร่นี่!’ จ้าวหยู่คิด ‘อย่าคิดว่าตัวเองจะเป็นมืออาชีพทำอะไรแบบนี้ได้คนเดียวสิ ฉันก็ทำได้ไม่เลวเหมือนกัน!’
ในชีวิตเก่าของเขา เขาต้องมานั่งคอยจับคนทรยศมากมายแค่การแปะสติกเกอร์และข้อมูลต่าง ๆ บนไวท์บอร์ดข้างหน้าเขาแบบนี้มันจะยากแค่ไหนกัน
เวลาผ่านไปยังไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง จ้าวหยู่รู้สึกตัวว่าตัวเขาไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเพิ่มขึ้นมาเสียเลย ในที่สุดเขาก็เข้าใจได้ว่าการจัดเรียงข้อมูลที่ซับซ้อนแบบนี้ไม่ใช่ใครก็สามารถทำได้ แม้จะมีข้อมูลอยู่ตรงหน้า แต่เขาก็ไม่สามารจัดแจงมันออกมาให้เป็นรูปเป็นร่างได้เลย มันต้องใช้ความคิดที่เฉียบคมและความสามารถในการวิเคราะห์ที่ดีเยี่ยมเท่านั้นถึงจะจัดการกับสิ่งเหล่านี้ได้ซึ่งเป็นสิ่ง
ที่จ้าวหยู่ไม่มี
จ้าวหยู่รู้สึกว่าเขาไม่สามารถเพิ่มเติมข้อมูลอะไรลงบนไวท์บอร์ดนั้นได้เลย สมองของเขาเหมือนถูกไฟฟ้าช็อตทำร้ายจนหมดสิ้น เขาถอนหายใจออกมาก่อนจะมองไปที่โต๊ะของหลี่เบ่ยหนี หญิงสาวคนนั้นไปไหนกัน? บางทีเธออาจจะสามารถช่วยเขาทำเรื่องนี้ได้
วันนี้เป็นวันสรุปคดีข่มขืนที่เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการที่สำนักงานใหญ่ เธอออกเดินทางไปกับหัวหน้าหลี่เพื่อไปรายงานผลคดี พวกเขาจะกลับมาในวันพรุ่งนี้
วันนี้คงเป็นวันแย่ ๆ วันหนึ่งสำหรับจ้าวหยู่ ขณะที่เขากำลังให้ความสนใจกับงานที่กำลังทำอยู่ เขาต้องถูกขัดจากเสียงระบบที่ดังขึ้นในหัวของเขา
ระบบได้เริ่มต้นข้อความจบการผจญภัยของวันนี้ อัตราความสำเร็จไม่ถึง 9% ด้วยซ้ำ! ทำให้เขาไม่ได้รับรางวัลใด ๆ เลย
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย!!” จ้าวหยู่มองดูนาฬิกา ระบบเริ่มต้นไปเมื่อห้าชั่วโมงที่แล้ว แต่มันได้จบลงแล้ว มันเป็นไปได้ยังไงกัน ตัวเขาเองเหมือนจะยังไม่ได้รับการผจญภัยเลยด้วยซ้ำ
เขาลองนึกย้อนกลับไป นอกจากจะได้สนทนากับฮัวฮัวเมื่อตอนเช้าเขาก็อยู่ที่สถานีตำรวจตลอดทั้งวันไม่ได้ไปไหน ถ้าอย่างนั้นหมายความว่าการผจญภัยหลักของเขาในวันนี้คือฮัวฮัวอย่างงั้นหรือ?
ถ้าจ้าวหยู่ไม่ยุติการสนทนาลงแบบดื้อ ๆ บางทีอาจจะเกิดอะไรขึ้นกับหว่างเขากับฮัวฮัวก็เป็นได้
เรื่องฮัวฮัวไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเสียใจที่พลาดอะไรไปแต่อย่างใด แต่เขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อยกับระบบปาฏิหาริย์นี้ เขาคาดหวังว่ามันจะสามารถช่วยเขาไขคดีนี้ได้แต่ก็ไม่เลย
หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป เขาจะสามารถไขคดีนี้ได้อย่างไรกัน? เขาจะสามารถเอาวิธีไหนมาชนะเจ้าหลิวนั่นได้? เขาไม่สามารถพึ่งพาระบบนี้ได้อีกต่อไป แม้กระทั่งคนในหน่วยสืบสวนเองก็ไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้เลย หนำซ้ำยังรอที่จะซ้ำเติมเขาอีก
กระทั่งหลี่เบ่ยหนีเอง วันนี้เธอก็ไม่ได้มาทำงาน จ้าวหยู่รู้สึกว่าเขากำลังโดนทิ้งให้อยู่เพียงลำพังแต่จ้าวหยู่ก็ไม่ใช่คนที่จะยอมก้มหัวให้ใครง่าย ๆ
แม้ว่าสถานการณ์ตอนนี้จะเป็นเรื่องยากเกินกว่าจะทำได้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาล้มเลิกหรือยอมแพ้แต่อย่างใด
‘ต่อให้ฉันจะต้องเหลือตัวคนเดียว ฉันก็จะไม่ท้อและไม่มีทางยอมแพ้จนวินาทีสุดท้าย!!’ เขาคิดถึงเป้าหมายในการชนะ
ทันใดนั้นเอง จ้าวหยู่ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป สิ่งที่เขาคิดมันทำให้เขาตื่นเต้น
“ใช่แล้ว! ฉันลืมเรื่องนี้ไปได้ยังไงกัน?!”