ราชินีอารัคเน่ ตอนที่ 9 : ศิลปะแมงมุมกระซิบ
ตอนที่ 9 : ศิลปะแมงมุมกระซิบ
ราวกับว่าเธอเป็นสิ่งมีชีวิตเพียงตัวเดียวในโลกที่อยู่ท่ามกลางความว่างเปล่าอันกว้างใหญ่ เธอมองลงมาและเหยียดแขนขาออกอย่างสงสัย
‘ ที่นี่คือที่ไหนเนี่ย ? ’ ‘ นี่เธอฝันไปหรือเปล่า ? ’
นี่จะต้องเป็นความฝัน แต่ความรู้สึกแสบร้อนที่ยังคงอยู่บริเวณหน้าอกทำให้เธอนึกถึงสร้อยคอ และสีหน้าของเธอที่เริ่มบิดเบี้ยว
ความทรงจำแห่งความเจ็บปวดที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในจิตใจเธอ และเธอก็เอามือไปเกี่ยวคอเพื่อที่จะถอดสร้อยคอออกทันที
แต่มันไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้น
โซฟีสับสนและพยายามค้นหาในส่วนอื่นๆ ของร่างกาย แต่ก็ไม่พบสร้อยคออยู่ดีถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกเหมือนมีบางอย่างห้อยอยู่บนคอของเธอ
เงื่อนงำเดียวในการเคลื่อนย้ายของเธอมายังสถานที่แปลกๆนี้คืออนุสาวรีย์หิน ดังนั้นเธอจึงเริ่มเดินเข้าไปหามันอย่างระมัดระวัง
อนุสาวรีย์นี้ดูเหมือนว่าสร้างจากหินสีแดงที่ส่องแสงอันน่าขนลุกที่ส่องอยู่ในความมืด
รูปร่างของแผ่นพื้นมีลักษณะแบนเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าและลอยไปมาในอากาศอย่างแผ่วเบา เธอสามารถมองเห็นคำบนก้อนหินจากระยะไกลได้ หากแต่เธอแต่ไม่สามารถถอดรหัสความหมายของมันได้
ในระยะพื้นที่แปลกๆ นี้ดูเหมือนว่ามันจะค่อนข้างแปรปรวนและเธอไม่สามารถบอกการเลื่อนไหลของเวลาที่นี้ได้
แม้จะประเมินเอาไว้ว่าอนุสาวรีย์นั้นอยู่ห่างจากตำแหน่งของเธอเพียงห้าเมตร...
แต่ไม่ว่าเธอจะเคลื่อนเข้าไปใกล้หินมากแค่ไหน ระยะห่างระหว่างเธอกับแผ่นหินก็ไม่ได้ลดลงเลย
โซฟีเริ่มหงุดหงิดกับสถานการณ์นี้มากขึ้นเรื่อยๆ เธอหยุดเคลื่อนไหวและมองไปรอบๆ ด้วยความโกรธ
‘ ใครเป็นคนส่งเธอมาที่สถานที่ต้องสาปแห่งนี้เนี่ย ! ’
ไม่ว่าเธอจะเดินทางไปไกลแค่ไหนแต่ระยะทางก็ไม่เคยลดน้อยลง ดังนั้นบางทีเธอควรจะลองเดินไปอีกทางหนึ่ง นี่คือความคิดที่ผุดขึ้นมาในหัวของเธอ
เธอหันกลับมาและเริ่มเดินออกห่างจากหิน แต่ทุกย่างก้าวของเธอนั้นเหมือนเธอกำลังเดินอยู่ในหมอกหนาทึบ โซฟีพยายามที่จะดิ้นรนแต่รู้สึกราวกับว่าเธอกำลังใส่ตัวถ่วงน้ำหนักเอาไว้ที่เท้า
ในขณะที่เธอกำลังจะยอมแพ้และนั่งลง....
แผ่นพื้นเปล่งแสงที่สว่างจ้าเสียจนทำให้มองแทบไม่เห็นและมีโซ่ขนาดมหึมาสองเส้นพุ่งออกมาจากด้านข้างของหิน ตัวโซ่นั้นเป็นสีทองและมันเริ่มเลื้อยเข้ามาหาเธอ
โซฟีเริ่มตื่นตระหนกและเริ่มวิ่งหนีไปยังทิศทางตรงกันข้ามอย่างสิ้นหวัง แต่ก็ไม่สามารถที่จะแซงโซ่ได้
โซ่เส้นหนึ่งพันรอบเอวเธอไว้แน่น ส่วนอีกเส้นพันรอบขาเธอแล้วลากเธอที่ทั้งเตะไปมาและกำลังร้องไห้มุ่งหน้าไปทางหิน
" ได้โปรด ! ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย ! ช่วยฉันที ! " โซฟีกรีดร้อง
เกิดความเงียบขึ้นอย่างสมบูรณ์ และโซฟีก็ถูกลากไปที่ด้านหน้าของแผ่นศิลา โซ่ปล่อยเธอลงกับพื้นอย่างลวกๆและย้อนกลับเข้าไปในอนุสาวรีย์
โซฟีก้าวถอยหลังด้วยความกลัว แต่ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวจากหินตรงหน้าเธออีกต่อไป
ริมฝีปากของเธอถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก และเธอก็มองเข้าไปใกล้วัตถุลึกลับนี้ด้วยความสงสัย
ตัวศิลามีลักษณะภายนอกที่ไม่ธรรมดา แต่เมื่อโซฟีสังเกตดูที่พื้นผิว ตัวอักษรก็เริ่มปรากฏขึ้นมาที่ด้านนอก
นี่คือภาษาอะไร ซุย เหมิงสแกนผ่านความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม แต่ก็ไม่พบสิ่งที่บ่งชี้ว่าโซฟีเคยเห็นภาษานี้มาก่อน
ตั้งข้อสังเกตได้ว่าการชดเชยจุดอ่อนในการฝึกตนของเธอนั้น ทำให้โซฟีได้รับการศึกษามาอย่างมากมายในช่วงวัยเด็กของเธอ รวมทั้งภาษาโบราณและภาษาสมัยใหม่ของอารยธรรมทางช้างเผือก นั่นจึงเป็นเรื่องที่น่าตกใจเมื่อได้เจอภาษาที่เธอไม่รู้จัก
ทันใดนั้นพลังลึกลับก็เข้าเกาะกุมร่างของโซฟี และคำพูดบนหินก็ผุดขึ้นมาในใจเธอ และเธอก็เริ่มอ่านมันออกเสียงโดยไม่ได้ตั้งใจ
" Kizhrxlw theuk iw drxwg."
(" ความเข้มแข็งนำไปสู่ความโกรธ ")
" Eh eiw iph llfimuw fx iph yeakmuwv. "
(" เราคือนักล่าแห่งจักรวาล ")
" Lwm qmxzi akeugla zmkzxv eiyacl wlv epzn sw lwm drtatvww "
(" เงายามค่ำคืนที่อยู่เบื้องหลังเครื่องหมายแห่งยุคโบราณ ")
" Rda kuirljzhw jzpto fv wcbkvrdamg me gjz geic lme "
(" สิ่งมีชีวิตทั้งหมดจะถูกทำให้หลงไหลในใยอันมืดมิดของเรา ")
" Rfft akecd hcuzznt bki jhxlhv'j ogiwl "
(“ไม่มีใครรอดพ้นจากความโกรธของแมงมุมไปได้”)
" Z hamgkv en aryc ld bki xjtiw kfvsmvw kg vzdrk et bki gglmu xf kaib ecd xv pc gsip. "
(" ข้าขอสัญญาด้วยจิตวิญญาณของฉันกับเทพธิดาผู้ยิ่งใหญ่ เพื่อให้ข้ามีพลังที่จะสังหารทุกสิ่งที่ขวางหน้า" )
(หมายเหตุผู้เขียน: ข้อความโบราณสร้างขึ้นโดยใช้รหัสวีฌแนร์, คีย์ = Spider)
เลือดในร่างกายของเธอเริ่มเดือดขึ้นอย่างโกรธจัด และโซฟีสามารถสัมผัสได้ว่าพลังชี่ในตันเถียนของเธอกำลังไหลเวียนในรูปแบบแปลก ๆ ที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
วิธีการฝึกฝนที่เธอกำลังฝึกอยู่คือ ' เทคนิคเทพสงคราม ' ที่พ่อของเธอมอบให้ แม้กระทั่งการไหลเวียนจากวิธีการฝึกตนระดับหนึ่งก็ยังถูกเขียนขึ้นมาใหม่ด้วยวิธีนี้
โซฟีไม่แน่ใจเหมือนกันว่าผลข้างเคียงของสิ่งนี้จะเป็นอย่างไร แต่เธอก็สัมผัสได้ถึงความสมบูรณ์และความอบอุ่นที่เธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน
มันเหมือนกับว่าเทคนิคการฝึกนี้เหมาะสำหรับเธอมากถึงระดับพันธุกรรม ประดุจว่ามันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเธอโดยเฉพาะ
พลังชี่ไหลเวียนอย่างเต็มที่จนเสร็จสมบูรณ์ และโซฟีรู้สึกได้ว่ากล้ามเนื้อและกระดูกของเธอแข็งแรงขึ้นทุกรอบ
นี่มันเป็นความรู้สึกที่ชวนเสพย์ติดมาก และเธอก็อดไม่ได้ที่จะร้องครางออกมาเล็กน้อยด้วยความพึงพอใจเมื่อพบว่ามันรู้สึกสบายมากเพียงใด
เธอกระพริบตาหนึ่งครั้งและพบว่าตัวเองกลับมานอนอยู่บนเตียงในหอพักที่รายล้อมไปด้วยกลิ่นอันไม่พึงประสงค์
โซฟีไม่ได้อยู่ในอวกาศแล้ว เธอจึงค่อยๆแตะที่คออย่างระมัดระวังและพบว่าสร้อยที่คอนั้นไม่ได้ร้อนแล้ว
เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอกเล็กน้อย ตอนแรก เธอคิดว่ามันเป็นความฝันด้วยซ้ำ จนกระทั่งเธอรับรู้ได้ว่าพลังชี่ของเธอนั้นยังคงหมุนเวียนอยู่ในวิถีลึกลับนั่น
เธอลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจและพบว่าร่างกายของเธอนั้นถูกปกคลุมด้วยคราบสกปรกสีดำเหนียวๆ จากสิ่งสกปรกที่ถูกขับออกมาระหว่างการฝึกฝนของเธอ
โซฟีขมวดคิ้วเล็กน้อยกับกลิ่นนั้นและเดินตรงไปที่ห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ
เธอเดินผ่านกระจกและหยุดมองชั่วคราวเมื่อเห็นร่างใหม่ของเธอที่มีขาแมงมุมสี่ขายื่นออกมาจากหลังของเธอ
“โย่... นี่มันเชี่-อะไรวะเนี่…..”
หลังจากนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังมาจากห้องของเธอ