ราชินีอารัคเน่ ตอนที่ 6 : ดยุคคลั่ง
ตอนที่ 6 : ดยุคคลั่ง
เป็นเวลาสิบปีแล้วที่ผู้บังคับบัญชาการปีเตอร์เลอร์ ได้ฝึกฝนจนเข้าสู่ในระดับสภาวะขั้นเทพและเกียรติยศของเขาในกองทัพนั้นไม่มีใครเทียบได้เลยในหมู่เพื่อนฝูงของเขา เขาเป็นผู้นำกองเรือ ' ลำดับที่หนึ่ง ' ของกองทัพจักรวรรดิและทำการรบอยู่ในแนวหน้าของการทำสงครามกับเผ่าพันธุ์อินเซคทอยด์ (เผ่าพันธุ์แมลง)
เผ่าพันธุ์อินเซคทอยด์ถือเป็นโรคระบาดของจักรวาลและประกอบด้วยสัตว์ประหลาดจำนวนหลายพันเผ่าพันธุ์ บางตัวมีรูปร่างเหมือนมนุษย์และมีสติปัญญาเทียบเท่ามนุษย์ในขณะที่บางตัวก็เป็นเพียงสัตว์เดรัจฉานเท่านั้น
มนุษยชาติมีส่วนร่วมในการต่อสู้อันขมขื่นกับกลุ่มอินเซคทอยด์เป็นเวลาหลายร้อยปีในการครอบครองดาวเคราะห์และระบบดาวบางดวง ทั้งสองฝ่ายได้กระทำความโหดร้ายทารุณต่อกันมากเกินไป ดังนั้นการจะผลักดันให้มีการเจรจาต่อรองจึงไม่เคยถูกพิจารณาว่าเป็นทางเลือกที่เหมาะสม
ในขณะที่อาณาจักรทางช้างเผือกอื่นๆ ของยูโนวา และ เฟเดอร์รีน ยังสามารถเจรจากันได้....ในระดับหนึ่ง
ความบาดหมางระหว่างมนุษยชาติกับเผ่าพันธุ์อินเซคทอยด์หมายความว่าจะไม่มีใครพอใจทั้งนั้น จนกว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะถูกกำจัด มนุษย์มีความได้เปรียบในแง่ของพลังตามธรรมชาติและความแข็งแกร่งด้วยพลังจากการฝึกฝนเพิ่มเติมพร้อมกับเทคโนโลยี แต่พลังการสืบพันธุ์อย่างเต็มที่ของเผ่าพันธุ์อินเซคทอยด์นั้น ทำให้ชัยชนะแทบไม่มีความหมาย
สถานะของสงครามคงอยู่กับที่และไม่มีฝ่ายใดสามารถได้เปรียบเหนืออีกฝ่ายหนึ่ง
ณ ช่วงเวลานั้น ดยุคถูกวางกำลังบนชายแดนดาวเนปจูนเพื่อเสริมกำลังและปกป้องรูหนอนทางการค้าที่ตั้งอยู่ใกล้ดาวเคราะห์
นับเป็นเวลาสองสามปีที่ไม่มีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้น จนกระทั่งในคืนหนึ่งที่มีการลอบโจมตีในช่วงเทศกาลลูโมนิซ่า ผู้บังคับบัญชาการปีเตอร์เลอร์นำกองกำลังของเขาปกป้องรูหนอนด้วยชีวิตของเขาและพยายามที่จะทำมันให้ประสบความสำเร็จในทุกวิถีทาง
มันมีราคาที่ต้องจ่ายจำนวนมหาศาลและชีวิตของทหารหลายแสนนายต้องสูญเสียไป ในการต่อสู้ของดยุคกับผู้บัญชาการของฝั่งศัตรูได้ลากทั้งสองคนเข้าไปในรูหนอนเพื่อเปลี่ยนกระแสการต่อสู้
จู่ๆ ก็มีข้อความด่วนส่งมาจากฐานบัญชาการ และกองกำลังท้องถิ่นหลายร้อยคนได้เดินทางมาถึงที่ปลายทางของรูหนอนเพื่อสนับสนุนท่านดยุค
แต่กลับไม่มีใครออกมาจากอีกด้านหนึ่งเลย
รูหนอนได้ส่งทั้งดยุคหนุ่มและผู้บัญชาการศัตรูไปยังที่ที่ไม่ทราบตำแหน่งในจักรวาล และเครื่องติดตามที่ฝังอยู่ในเครื่องแบบของเขาไม่สามารถระบุตำแหน่งได้
ตามที่คาดไว้ ดยุคถูกสันนิษฐานว่าเสียชีวิต และมีการถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมาหลายครั้งจากตระกูลผู้สูงศักดิ์อื่นๆ ในรัฐสภา
ความสามารถในการฝึกฝนของเขานั้นอันตรายเกินไป
การโจมตีครั้งนี้เป็นที่น่าสงสัยเป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่มีข้อบ่งชี้หรือคำเตือนถึงการบุกรุกของกองกำลังชายแดน แล้วอินเซคทอยด์จะทราบได้อย่างไรว่ามีการจัดงานเทศกาลขึ้นโดยไม่ได้รับการประกาศ ซึ่งมันยังคงเป็นปริศนาอยู่
มีการร้องเรียนเล็กน้อยจากเจ้าหน้าที่ในกองลำดับที่หนึ่ง ว่าควรมีการตรวจสอบการโจมตีเพื่อหาสายลับที่ซ่อนอยู่ภายในกลุ่มของพวกเขา แต่มันก็ไม่ได้มีการสอบสวนอย่างเป็นทางการใดๆเกิดขึ้น
หากดยุคไปถึงขั้นสภาวะขั้นขึ้นสวรรค์ เขาจะสามารถท้าทายอำนาจของราชวงศ์ได้โดยลำพัง
สิบปีต่อมา ดยุคได้กลับมายังดาวไกอาพร้อมกับลูก
เขาดูแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดจนถึงขั้นที่ผู้คุมชายแดนคิดว่าเขาเป็นดยุคตัวปลอม ดยุคสามารถฟื้นวัยหนุ่มของเขาได้ด้วยเทคนิคการฝึกตนชั้นสูง แต่เมื่อเขากลับมาดูเหมือนจะมีอายุหลายสิบปี
ตอนนี้เขาดูเหมือนชายวัยกลางคนที่หล่อเหลาที่มีผมหงอกซึ่งมันกลับเพิ่มเสน่ห์ให้กับเขาเสียอย่างนั้น สิ่งนี้นำไปสู่ข่าวลือที่ว่า ระดับการฝึกตนของเขานั้นถดถอยลง แต่ผู้ฝึกตนระดับสูงนั้นรู้สึกได้ว่ารัศมีของเขายังคงไม่สามารถหยั่งถึงได้
ในขณะที่ดยุคก่อนเปล่งความคมของดาบที่ไม่มีฝัก ชายที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาตอนนี้ก็สงบนิ่งราวกับทะเลสาบที่ลึกเสียจนไม่มีใครสามารถจะมองเห็นได้ถึงระดับความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาเลย
การมาถึงของเขาทำให้เกิดคลื่นในรัฐสภา และเขาก็ถูกเรียกตัวในทันทีเพื่ออธิบายการหายตัวไปของเขาต่อหน้าราชวงศ์ เรื่องราวที่เขาเล่ามาคือรูหนอนได้พาตัวเขาและผู้บัญชาการฝั่งศัตรูไปยังดาวเคราะห์น้ำแข็งที่เขาไม่รู้จักใน‘ ระบบเทร่า ’ ซึ่งเป็นหนึ่งในระบบที่ควบคุมโดยอินเซคทอยด์
เขาฆ่าผู้บัญชาการของศัตรูและใช้เวลานับสิบปีที่ผ่านในการมาเดินทางเข้าไปในดินแดนของศัตรูและพยายามหาทางกลับมายังสหพันธ์
มีคำถามเข้ามามากมาย เช่น
“มันเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะรอดชีวิต ?” “ทำไมเขาใช้เวลานานจังกว่าจะได้กลับมา ?”
“ใครคือเด็กที่เขาพากลับมากับเขาด้วย ?”
ดยุคนิ่งเงียบและให้คำอธิบายที่คลุมเครือเกี่ยวกับการเดินทางของเขาโดยที่ไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลมากจนเกินไป ทำให้พระราชารู้สึกไม่พอใจกับคำตอบที่ได้รับ แต่ที่ปรึกษาของเขาเตือนไม่ให้เขาเป็นศัตรูของดยุค เขาจึงทำได้เพียงกลืนความโกรธของเขากลับเข้าไปในใจ
เด็กที่ถูกนำกลับมามีชื่อว่า โซฟี ปีเตอร์เลอร์ และใบหน้าของเธอเทียบได้กับดยุคในมุมของความน่าดึงดูดใจ ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าใครคือพ่อของเธอ
พ่อของเธอปกป้องลูกสาวของเขามาก(เกินไป) และเธอมักจะถูกให้อยู่แต่ในบริเวณที่ดินของครอบครัว มีความอยากรู้อยากเห็นเกิดขึ้นมากมายเกี่ยวกับเด็กผู้หญิงคนนั้น และจนกระทั่งสาวใช้คนหนึ่งถูกเครือข่ายข่าวติดสินบน และเปิดเผยให้โลกรู้ว่าความจริงแล้วเด็กสาวนั้นเป็นลูกผสม
ข่าวนี้คงจะไม่ใช่ข่าวที่น่าตกใจด้วยตัวมันเอง แต่ดยุคประกาศว่าเขาไม่มีความตั้งใจที่จะแต่งงานใหม่ และโซฟีจะเป็นทายาทของตระกูลปีเตอร์เลอร์
เขาถูกตราหน้าว่าเป็นคนบ้า
มีอยู่สองสามตระกูลในหมู่ขุนนางชั้นต่ำที่ไม่ได้เป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์แบบ แต่ก็มีน้อยมากและอยู่ห่างไกลกัน
ไม่มีขุนนางระดับสูงคนใดเคยแต่งตั้งลูกผสมให้เป็นทายาทของตระกูลมาก่อน
แม้จะมีคำแนะนำและการต่อต้านจากคนรอบข้าง แต่ดยุคยังคงแน่วแน่ในการประกาศของเขาและออกจากกองเรือลำดับที่หนึ่งเพื่อเลี้ยงดูลูกสาวของเขาเป็นการส่วนตัว
เมื่อถูกถามคำถามเกี่ยวกับชาติกำเนิดของมารดาของเด็ก ดยุคจะอ้างว่าแม้แต่ตัวเขาเองก็คิดไม่ออกเหมือนกัน เบาะแสเดียวเกี่ยวกับมรดกทางเชื้อชาติของมารดาคือ ดวงตาสีทองและใบหูเล็กแหลมที่ลูกสาวของเธอได้รับ