CD บทที่ 15 ราวกับผี
เวลา 4 โมงเย็นในวันเดียวกัน เสียงในหัวก็ดังขึ้นบอกว่าการผจญภัยวันนี้สิ้นสุดลง ความสำเร็จรอบนี้อยู่ที่ 72% ทำให้เขาได้รับอุปกรณ์ล่องหนมาอีกครั้ง เมื่อเขาลองเปิดดูของรางวัลที่ได้มา มันเป็นเครื่องติดตามล่องหนเหมือนกับอันก่อน
“อะไรกันเนี่ย ทำไมไม่มีอะไรใหม่ ๆ เลย ไม่เห็นจะน่าสนุกเลย น่าเบื่อมาก”
แม้จะรู้สึกผิดหวังไปบ้าง จนถึงตอนนี้จ้าวหยู่ก็ใช้ระบบปาฏิหาริย์นั้นไปแล้ว 3 ครั้ง แม้เขาจะไม่ได้รู้กฎอะไรเพิ่มเติมมากนักแต่เขาก็ยังคงสืบหาความเป็นมาต่อไป
เขาหยิบสมุดจดเล็ก ๆ ขึ้นมาและเริ่มวิเคราะห์ข้อมูลที่เขาได้รับมา
อย่างแรก ระบบปาฏิหาริย์นี้สามารถใช้งานได้แค่วันละครั้งเท่านั้น ระยะสิ้นสุดตอนไหนก็ไม่อาจแน่ใจได้ จ้าวหยู่คาดคะเนว่าระยะเวลาน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับอัตราความสำเร็จ ยิ่งเขาจบการผจญภัยเร็วเท่าไหร่ เรื่องราวก็จบเร็วขึ้นเท่านั้น
อย่างที่สอง ระบบปาฏิหาริย์ก็แค่สุ่มการผจญภัยให้เขาเท่านั้น ไม่ได้เป็นไปตามที่เขาคาดหวังเอาไว้ ดูได้จากวันนี้ที่เขาตัดสินใจจะใช้ระบบปาฏิหาริย์ไขคดีมือที่หายไปแต่กลายเป็นว่าเขาต้องมาขี่อูฐวิ่งจับโจรวิ่งราวซะอย่างนั้น
และอีกประเด็นหนึ่ง คำศัพท์ยาก ๆ ที่ตอนระบบปาฏิหาริย์ทำงาน มันอาจจะมีความหมายอะไรซ่อนอยู่ อย่างเช่นครั้งที่สามนี้ ที่พูดเรื่องโชคชะตาซึ่งดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับเหยาเจียอย่างมากและอีกคำที่บอกว่าขึ้น ๆ ลง ๆ ดูเหมือนจะหมายถึงเรื่องที่เขาได้ขี่
อูฐเป็นไปได้ไหมว่าคา พูดที่ซับซ้อนนั้นจะหมายถึงเรื่องราวที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต?
คำศัพท์แปลก ๆ พวกนั้นดูเหมือนจะมีความหมายบางอย่างด้วยเช่นกัน เขาจำได้ว่าอย่างคลุมเครือว่ามีคำว่า Gen Dui, และ Kan Gen ซึ่งคำว่า Kan, Gen, Dui เป็นคำเรียกชื่อธาตุตามศาสตร์ฮวงจุ้ย
ในขณะที่จ้าวยู่กำลังหาความเชื่อมโยง เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ โดย Kan หมายถึง น้ำ Gen หมายถึง ภูเขา
จ้าวหยู่รู้สึกว่า ถ้าเขาสามารถเข้าใจที่มาที่ไปของคำศัพท์พวกนี้ บางทีเขาอาจจะสามารถใช้ระบบปาฏิหาริย์ได้เต็มประสิทธิภาพมากกว่าเดิมและช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จของตัวเองได้
ดูเหมือนว่าเขาจะต้องทำความเข้าใจตัวระบบนี้ให้ดีเสียแล้วแต่ตอนนี้ช่างเรื่องระบบนั้นไว้ก่อน เขาต้องกลับมาสนใจคดีมือที่หายไป
ถึงแม้ว่าเขาจะมีระบบปาฏิหาริย์ติดตัวก็ตามแต่ก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่ามันจะช่วยเขาไขคดีนี้ได้ ไม่เพียงแค่นั้น มันอาจจะเพิ่มความผจญภัยที่ยุ่งยากเข้ามาให้ก็ได้อย่างเช่นวันนี้
“ถ้าเป็นอย่างนี้ล่ะก็” จ้าวหยู่เริ่มต้นคิด
หลังจากลองพิจารณาดูแล้ว จ้าวหยู่ก็ตัดสินใจได้ว่า จากนี้ไป เขาจะใช้พลังของตัวเองเพื่อไขคดีมือที่หายไปนี่!
การพนันด้วยเงิน 1,800 หยวน สำหรับเขามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมากนัก จุดสำคัญมันอยู่ที่เรื่องศักดิ์ศรีต่างหาก!
เขาจะไม่ยอมปล่อยให้หลิวชางฮูดูถูกได้อีก เขาจะต้องทำงานให้หนักขึ้น แม้ว่าเขาจะยังเป็นมือใหม่ในการตามจับอาชญากรก็ตามแต่ที่โลกเก่าของเขา เขาสามารถจับพวกสายลับที่อ้างตัวเข้ามาในแก๊งได้หลายต่อหลายคน เขาเชื่อมั่นในตัวเองมีความสามารถมากพอที่จะหาตัวคนร้ายได้!
ดังนั้นจ้าวหยู่จึงปริ้นเอกสารข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวกับคดีเพื่อเอามาอ่านวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติมต่อที่บ้านในคืนนี้
ถึงแม้บ้านหลังใหม่เขาจะดีเยี่ยมมาก็ตามก็แต่ยังขาดสัญญาณ Wi-Fi อยู่ สาเหตุที่บ้านหลังนี้ไม่มีก็เพราะต้าเฟิงฟังต้องการป้องกันลูกสาวตัวเองเล่นเน็ตจนมากเกินไป เขากลัวว่ามันจะไปกระทบกับการเรียนของเสี่ยวเฉินแต่เขาไม่รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของลูกสาวตัวเองเลยว่าเป็นแฮกเกอร์มือโปร เสี่ยวเฉินได้แฮ็กรหัส Wi-Fi มาจากเพื่อนบ้านแล้วเรียบร้อยแล้วและไม่มีอะไรมาหยุดการเล่นเกมของเธอได้
จ้าวหยู่ทำท่าลับ ๆ ล่อ ๆ และก็ได้รับพาสเวิร์ดมาจากเสี่ยวเฉินแล้วเรียบร้อยในวันที่ย้ายเข้ามา การใช้งานอินเทอร์เน็ตของทั้งคู่มาจากบ้านที่อยู่ถัดไปนี่เอง
จ้าวหยู่วางข้อมูลทั้งหมดไว้บนโต๊ะและเริ่มทำการวิเคราะห์มันอีกครั้ง
สถานที่เกิดเหตุแรก เกิดเมื่อวันที่ 22 เมษายนของปีที่แล้ว ณ เมืองฉินชาน ที่อุโมงค์ใต้ดิน ชื่อของผู้หญิงคนนี้คือ เกาเทียน เธอเป็นพนักงานที่ทำงานอยู่ในบริษัทต่างประเทศ ตามปกติแล้วเธออาศัยอยู่ในเมืองหลวงแต่แวะเวียนมาที่เมืองฉินชานเพื่อชมการแสดงดนตรี
จากคำให้การของเธอ เธอบอกว่าหลังเสร็จสิ้นจากการดูคอนเสิร์ต เธอกำลังเดินตามฝูงชนไปที่อุโมงค์ใต้ดินแต่ก็ถูกใครบางคนทำให้สลบลงไป เมื่อเธอฟื้นขึ้นมา มือขวาเธอก็หายไปแล้ว หลังจากที่คนร้ายตัดมือของเหยื่อออกไป ก็ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเพื่อไม่ให้เธอเสียเลือดจนตาย มันเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก
เกี่ยวกับตัวคนร้ายที่ก่อเหตุนี้ ทั้ง ๆ ที่อุโมงค์ใต้ดินเองก็มีกล้องวงจรปิดมากมายแต่ไม่สามารถจับภาพคนร้ายเอาไว้ได้เลย
เหยื่อถูกทำให้สลบและถูกลากออกไปในที่ ๆ ห่างไกลผู้คน ไม่มีแสงไฟ เรื่องพยานไม่ต้องพูดถึง ช่วงเวลาดึกขนาดนั้น ไม่มีใครสามารถมาเป็นพยานให้ได้แน่นอก
ณ ตอนนั้น ทางตำรวจได้ระดมกำลังออกค้นหาตัวคนร้ายอย่างเต็มที่เพื่อไขคดีนี้ แต่หลังจากนั้นในห้าวันถัดมา ก็เกิดเหตุครั้งสองขึ้น
เมื่อวันที่ 26 เมษายน ก็ได้เกิดคดีขึ้นเป็นครั้งที่สอง เหยื่อครั้งนี้ก็คือหยวนหลีลี่ที่จ้าวหยู่กับหลี่เบ่ยหนีได้ไปพูดคุยมา
เคสของหยวนหลีลี่แปลกประหลาดอย่างมาก เธอโดนตัดมือออกไปเมื่อตอนที่เธอกำลังพักผ่อนอยู่บนเตียงของตัวเอง
วันนั้นเป็นเพียงวันปกติธรรมดาทั่วไป หยวนหลีลี่ตื่นขึ้นมาก็พบว่ามือขวาของเธอหายไปเสียแล้ว เธอตื่นมาเต็มไปด้วยความตกใจและความหวาดกลัว
ณ ตอนนั้นหยวนหลีลี่ไม่ได้อาศัยอยู่ในบ้านหลังปัจจุบันแต่ที่ที่เธออาศัยอยู่ตอนนั้นก็มีกล้องวงจรปิดอยู่บ้างเหมือนกันแต่ก็ไม่สามารถจับภาพคนร้ายเอาไว้ได้อีกเช่นเคย
พวกเขาย้อนดูภาพวงจรปิดก่อนเกิดเหตุไป 7 วัน และพยายามมองทุกอย่างที่ผ่านตาเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด แต่ก็ไม่พบอะไรที่ผิดปกติ
จากสำนวนบันทึกคดี ประตูบ้านของหยวนหลีลี่มีสัญญาณเตือนภัยป้องกันเอาไว้แต่วันนั้นสัญญาณเหมือนจะไม่ได้ทำงานแต่อย่างใด นั่นอาจหมายความได้ว่าคนร้ายมีกุญแจบ้านของเธอ ตอนนั้นหยวนหลีลี่อยู่บ้านแต่เพียงผู้เดียว เนื่องจากสองสามวันก่อนเธอได้ทะเลาะกับสามีและไล่เขาให้ไปนอนที่อื่น ตอนนั้นตำรวจเลยเพ่งเล็งไปที่สามีของเธอแต่สามีของเธอก็แค่ออกเดินทางไปเพื่อทำธุรกิจเท่านั้น
หยวนหลีลี่มีความสัมพันธ์ที่ห่างเหินกับสามีขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดพวกเขาก็หย่ากันและหลังจากทางตำรวจก็ไม่สามารถค้นหาอะไรได้เพิ่มเติมจึงทำให้คดีถูกแช่แข็งเป็นเวลาหนึ่งปี
ส่วนคดีที่สามเกิดขึ้นในวันที่ 22 เมษายน ในปีต่อมา เหยื่อรายที่สามคือ หลัวเหม่ยนา เธอเป็นแม่บ้านธรรมดา ๆ สามีของเธอคือชายผู้ร่ำรวยที่ไร้การศึกษา
คืนนั้นเธอได้เข้าร่วมปาร์ตี้งานหนึ่งแต่ระหว่างทางที่เธอกำลังจะเดินไปที่รถ เธอก็ถูกคนร้ายทำให้สลบแล้วตัดมือขวาออกไป
ตอนนั้นเธอกำลังนั่งอยู่ในรถ BMW ของเธอเอง รถจอดอยู่ตรงตรอกบนถนนจิวเฮอ
เมื่อหลัวเหม่ยนาตื่นขึ้นมา เธอก็ตกอยู่ในอาการตกใจ เธอรีบวิ่งออกจากตัวรถไปยังร้านไก่ทอดเพื่อขอความช่วยเหลือ
มันคล้ายกับสองคดีก่อนหน้านี้ เพียงแต่ว่า นอกเหนือจาก BMW ก็ไม่พบร่องรอยอะไรของคนร้ายเลย
จากการคาดเดาเบื้องต้น คนร้ายอาจจะแฝงตัวอยู่ในรถของหลัวเหม่ยนาอยู่ก่อนหน้าแล้ว เมื่อคนร้ายทำให้หลัวเหม่ยนาสลบ จากนั้นก็ขับรถของหลัวเหม่ยนามาที่ถนนจิวเฮอ เมื่อตัดมือของเธอเสร็จ ก็ทิ้งเธอไว้ที่เบาะหลัง แล้วก็หายตัวไป
“แม่งเอ้ย!” เมื่อยิ่งอ่านข้อมูลที่เอามา ก็ทำให้นึกถึงคำพูดของหลี่เบ่ยหนีว่าคนร้ายทำตัวราวกับผีไม่มีผิดแต่ไม่คิดว่ามันจะขนาดนี้!
“เป็นไปได้ไหมว่า…แม้แต่เราเองก็ไม่สามารถไขคดีนี้ได้”