CD บทที่ 7 ฝ่าฝันเพื่อบ้านพัก
จ้าวหยู่ไม่ได้มีเงินมากพอที่จะซื้อแพ็คเกจอินเตอร์เน็ตด้วยซ้ำ ทำให้เขาต้องมาหาของข้อมูลของห้องพักที่ปล่อยเช่าในคอมพิวเตอร์ของที่ทำงานแทน
ท่ามกลางโฆษณาขายบ้านจำนวนมาก เขาสุ่มเลือกห้องพักสองสามแห่งที่อยู่ใกล้กับสถานีตำรวจ
เมื่อได้เป้าหมายแล้ว เขาหยิบแจ็คเก็ตและรีบออกไปทันที
สำหรับคดีของจางจิงเฟิงกับเหลียงฮวนก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสิ่งที่เขาพูด มันจะช่วยไขคดีที่ไขที่ไขไม่ได้มาตลอดสิบปีได้ ถ้าหากสิ่งที่เขาพูดสามารถไขคดีได้ มันต้องเป็นเรื่องตลกที่สุดในประวัติศาสตร์แน่นอน
การข้ามความตายจากประหารชีวิตด้วยยาพิษแล้วข้ามมายังโลกคู่ขนานที่มาพร้อมกับระบบปาฏิหาริย์ เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น มันทำให้จ้าวหยู่อารมณ์ดี
เขาเดินไปตามถนนเรื่อย ๆ แสงอาทิตย์สาดส่องพาดผ่านตัวเขาไปอย่างอบอุ่น ขณะที่เขากำลังเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของฤดูใบไม้ผลิที่แสนวิเศษ
เขาเริ่มคิดว่าการต้องมาเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนคดีแบบนี้ก็อาจเป็นชีวิตที่ไม่เลวเท่าไหร่ ยิ่งเขาจับอาชญากรได้มาก เขาก็ยิ่งได้รับเงินรางวัลเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ไม่นับรวมสิทธิพิเศษบางอย่างที่เขาจะได้มันอีก นี่มันอาจเป็นการใช้ชีวิตแบบไร้ที่ติเลยก็ได้!
บางทีมันก็อาจจะดีกว่าการใช้ชีวิตในโลกเก่าของเขาด้วยซ้ำ...
บ้านเช่าที่จ้าวหยู่จะไปดูที่แรกอยู่ติดกับย่านการค้าที่ไม่ไกลจากสถานีตำรวจเท่าไหร่นัก บ้านหลังนี้ถูกโฆษณาโดยร้านขายผลไม้ต้าเฟิงเกอ เจ้าของบ้านมีลักษณะอ้วนท่วม ผิวซีด ชื่อของเขาคือเจียงต้าเฟิง เขามีใบหน้ายิ้มแย้มสดใส เมื่อเขาเห็นการมาถึงของจ้าวหยู่ เขารีบออกมาต้อนรับและทักทายไปอย่างสุภาพทันที
บ้านเช่าที่จ้าวหยู่ดูมีลักษณะเป็นคูหาสามชั้น ชั้นแรกเป็นร้านขายผลไม้ ชั้นสองเป็นที่พักอาศัยส่วนตัวของเขา ส่วนชั้นสามเป็นพื้นที่โล่ง กว้างหกสิบตารางเมตร เป็นทำเลที่ดีเหมาะแก่ผู้ต้องการหาบ้านเช่าอยู่ไม่น้อย
จ้าวหยู่มองไปรอบ ๆ และพบว่าเขาชอบที่แห่งนี้จริง ๆ เพราะหนึ่ง มันสะดวกต่อการไปที่ทำงานซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนี้ สอง ไม่มีพวกร้านค้าอาหารที่จะส่งเสียงเอะอะรบกวนเขาในยามค่ำคืนและข้อสุดท้าย เขาสามารถย้ายเข้ามาอยู่ได้ทันทีเพราะทางเจ้าของจัดตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ไว้พร้อมใช้งานให้เรียบร้อยแล้ว
ต้าเฟิง เจ้าของตึกได้ให้ข้อมมูลเพิ่มเติมว่า มีเด็กนักศึกษามาเช่าพักอาศัยอยู่ ดูเหมือนจะเป็นนางแบบเสียด้วย ถ้าจ้าวหยู่เช่าห้อง เขาอาจจะได้เจออะไร ‘ดีๆ’ ก็ได้
เมื่อได้ยินดังนั้นจ้าวหยู่เริ่มมองผ่านระเบียงขึ้นไปและพบกับเสื้อผ้าของผู้หญิงที่ถูกแขวนเพื่อตากแดดไว้เป็นจำนวนมาก
‘ว้าว! ยอดเยี่ยมไปเลย!’ ดวงตาของจ้าวหยู่เริ่มเป็นประกายทันทีและยิ่งทำให้เขาตัดสินได้ว่า
“ผมขอเช่าที่นี่ตอนนี้เลย!”
จ้าวหยู่เริ่มสอบถามราคาค่าเช่าและก็ต้องตกใจกับราคาที่แสนจะแพง ค่าเช่าที่นี่มีค่าใช้จ่าย 2,000หยวนต่อเดือน แบ่งจ่ายออกเป็นสองงวดต่อปี ซึ่งจ้าวหยู่ไม่มีเงินมากพอขนาดนั้น!
“มีส่วนลดให้หน่อยไหม?” จ้าวหยู่ถาม
“1,980 หยวนละกัน ถ้ามันยังมากไป คุณแบ่งจ่ายเป็นงวด ๆ เอาก็ได้”
“ให้ตายเถอะ!” จ้าวหยู่เริ่มสบถ “นี่มันไม่แพงไปหน่อยหรือ นี่จะปล้นกันรึไง ผมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนะและผมสามารถจับกุมคุณได้ทันที ณ ตอนนี้เลย คุณเชื่อไหม?”
แต่ต้าเฟิงก็รู้กฎหมายเป็นอย่างดีเช่นกัน “ผมไม่ได้ทำอะไรที่ผิดกฎสักหน่อย ทำไมต้องกลัวคุณด้วย? สถานที่ดี ๆ ในเมืองแบบนี้กับราคาแบบนี้ ผมให้ราคาได้ถูกที่สุดแล้วด้วยซ้ำ! ถ้าไม่มีปัญญาจ่ายก็ออกไปซะ ผมยังมีลูกค้าคนอื่นมาให้เลือกดูอีกเยอะ!”
“ให้ตายเถอะ คิดว่าเป็นใครกันถึงมาพูดจาแบบนี้ได้วะ! ไม่ชงไม่เช่ามันแล้วไอ้ห้องเช่าเฮงซวยเอ๊ย!”
จ้าวหยู่แช่งต้าเฟิงด้วยความโมโห เขาพึมพำเบา ๆ กับตัวเองขณะเดินออกจากที่นั้น
“ถ้าเป็นเมื่อก่อนล่ะก็ ร้านค้าเฮงซวยแบบนี้ต้องมาก้มกราบขอร้องแทบเท้าฉันและยอมจ่ายเงินเพื่อให้ฉันเข้าไปอาศัยอยู่ที่นั่นแท้ ๆ!”
จากที่อารมณ์ดี ๆ ก็ถูกแทนที่ด้วยความโมโห เขาเดินเข้าไปร้านเกี๊ยวและกินเกี๊ยวไปสามชาม ก่อนที่จะเดินทางไปยังบ้านเช่าอีก
หลังที่ดูเอาไว้และเพื่อให้ไปถึงที่นั้น เขาต้องเดินผ่านซอยแคบ ๆ นั้นไปเสียก่อน
พื้นที่นี้ดูใกล้เคียงกับโลกก่อนหน้านี้ของเขาอยู่ไม่น้อย ที่ ๆ เขามักจะทะเลาะวิวาทบ่อย ๆ ตามตรอกซอยอะไรแบบนี้
ตอนนี้เป็นเวลาตอนเที่ยงวันพอดี ชาวบ้านแถวนี้คงออกไปหาข้าวเที่ยงกินกันหมด
เมื่อจ้าวหยู่เดินทะลุผ่านไป เขาสังเกตเห็นเงาที่น่าสงสัยวิ่งผ่านเข้าไปยังตรอกซอยซอยหนึ่ง จ้าวหยู่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมแต่เขาก็ทำการหลบซ่อนตัวไม่ให้ใครเห็นไปตามสัญชาตญาณ
มีเด็กคนหนึ่งสวมหมวกสีเขียวเข้มอยู่ข้างหน้า เด็กคนนั้นมีรูปร่างที่ค่อนข้างผอมและสูงตามลักษณะของเด็กนักเรียนทั่ว ๆ ไป ถึงกระนั้น ใบหน้าของเด็กคนนั้นกลับแสดงสีหน้ากังวลมากราวกับกำลังทำอะไรที่น่าสงสัยอยู่
‘อืม ช่างน่าสงสัยจริง ๆ’
จ้าวหยู่เคยชินกับอาการกังวลอะไรแบบนั้นเป็นเรื่องปกติ มันต้องเป็นเรื่องที่ไม่ดีแน่และตัดสินใจตามเด็กคนนั้นไปด้วยความใคร่รู้
เขาหันซ้ายหันขวาไปมาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครสามารถเห็นเขาได้ เขามีทักษะหลบหนีจากประสบการณ์ที่ต้องหลีกเลี่ยงจากตำรวจมามากพอสมควร
จ้าวหยู่ตามเด็กคนนั้นไปจนถึงมุมถนนมืด ๆ แห่งหนึ่ง ที่ตรงนั้นมีชายผมบลอนด์กำลังยืนรออยู่ ทั้งสองคนไม่พูดพร่ำทำเพลง เด็กคนนั้นเพียงแค่ยื่น USB สีดำไปแลกเปลี่ยนกับซองจดหมายสีขาวจากหนุ่มผมบลอนด์ก็เท่านั้น
‘หือ?’ จ้าวหยู่ยังคงจ้องมองเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่ แม้แต่คนโง่ที่ไหนมาเจอก็สามารถบอกได้เลยว่าทั้งสองกำลังแลกเปลี่ยนอะไรที่ผิดกฎหมายกัน
ถ้าจ้าวหยู่โผล่ออกไปตอนนี้แล้วจับกุมทั้งสองคนได้ ก็ยิ่งเป็นการสร้างผลงานให้กับตัวเองเพิ่มมากขึ้นไปอีกแต่จ้าวหยู่รู้ดีว่าถ้าพรวดพราดออกไปเลยคงจะไม่ได้เรื่องสักเท่าไหร่ เขารู้วิธีจัดการกับ
เรื่องนี้ที่ดูจะมีประโยชน์กว่าการทำแบบนั้นเยอะ
จ้าวหยู่เพียงลอบมองดูสถานการณ์นั้นอย่างเงียบ ๆ จนกระทั่งคนผมบลอนด์นั้นเดินลับหายไปพร้อม USB จ้าวหยู่รีบเข้าไปล็อคตัวเด็กชายที่ใส่หมวกเขียวคนนั้นกับผนังทันทีเมื่อเห็นว่าอยู่ตามลำพัง
“อยู่นิ่ง ๆ อย่าขยับ นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ” เขาพูดมันออกมาด้วยความมั่นใจเต็มที่
‘ว้าว ตอนนี้เรามาเป็นตำรวจแล้วสินะ ได้ลองพูดอะไรแบบนี้ก็เท่ไม่เบาเหมือนกัน!’
เมื่อเด็กชายคนนั้นได้ยินคำว่า ‘ตำรวจ’ ก็เริ่มเอะอะโวยวายเสียงดังและดีดดิ้นให้พ้นจากการจับกุม จนกระทั่งหมวกใบนั้นหลุดออกมาจากศีรษะ
จ้าวหยู่ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าเด็กชายตรงหน้าแท้จริงแล้วคือเด็กผู้หญิงผมสั้นต่างหาก
เมื่อตรวจดูรูปลักษณ์ของเด็กหญิงคนนี้ดูแล้ว น่าจะยังเป็นเด็กประถมอยู่เลยด้วยซ้ำ
จ้าวหยู่ทำท่าประหลาดใจได้ไม่นาน ก็กลับมาตีหน้าเข้มเหมือนเดิม
“รู้ตัวไหมว่าทำไมถึงโดนจับ”
เด็กหญิงเงยหน้าขึ้นมามองจ้าวหยู่ด้วยท่าทีสั่นเทาจากความกลัว
“หนูขอโทษค่ะ หนูจะไม่ทำมันอีกแล้ว ฮือ…”
“บอกความจริงมาให้หมดว่ากำลังทำอะไร ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะก็..”
จ้าวหยู่ทำท่าหยุดคิดสักครู่ ก่อนจะเอ่ยปากต่อ “ฉันจะโทรไปหาผู้ปกครองเธอ ตอนนี้เลย!”
“ไม่นะ ได้โปรด หนูขอโทษ หนูจะไม่ทำมันอีกแล้วจริง ๆ ได้โปรดอย่าโทรหาพ่อแม่ของหนูเลยนะคะ ถ้าพ่อหนูรู้เรื่องนี้เข้า พ่อต้องฆ่าหนูตายแน่”
จ้าวหยู่สังเกตว่าเด็กคนนี้ไม่น่าจะมีพิษมีภัยอะไรจึงปล่อยตัวเธอให้เป็นอิสระ เขาก้มคว้าซองจดหมายนั้นไว้แล้วก็ต้องพบกับเงินจำนวนมาก แม้ก่อนหน้านี้เขาจะรู้ว่าในซองมีเงินแต่ไม่คิดว่ามันจะมากถึงขนาดนี้นี่!
จ้าวหยู่ถามเด็กหญิงนั้นออกไปอย่างร้อนรนถึงที่มาของเงินก้อนนี้ เด็กน้อยคนนั้นเริ่มร้องไห้ออกมาอีกครั้งพร้อมเกาะแขนขอร้องจ้าวหยู่
“ได้โปรดเถอะค่ะ คุณตำรวจ หนูพึ่งทำมันเป็นครั้งแรก หนูสัญญาว่าจะไม่ทำมันอีก หนูรู้หนูผิดแต่อย่าจับหนูไปเลยนะคะ”
“เฮ้ย…เฮ้ย เช็ดน้ำมูกนั่นซะ อย่าให้มาเลอะเสื้อฉันสิ” จ้าวหยู่ผลักหัวไปที่เด็กน้อยคนนั้นออกเบา ๆ
“เอาล่ะ ๆ ไม่ต้องร้องไห้ได้แล้ว คราวนี้ก็บอกฉันมาเสียที ว่าไปแลกเปลี่ยนอะไรกับผู้ชายคนเมื่อกี้”