CD บทที่ 11 คดีมือที่หายไป ไม่ใช่คดีลักขโมย
เมื่อต่างฝ่ายวางเดิมพันเสร็จ ทุกคนก็แยกย้ายไปตามหน้าที่ของตัวเอง
หลี่เบ่ยหนีรีบดึงตัวจ้าวหยู่มาคุย “เจ้าหน้าที่จ้าวเกิดอะไรขึ้นกับคุณคะ? สมองของคุณได้รับความกระทบกระเทือนรึเปล่าคะ? คดีนี้เป็นคดีที่ฉาวโฉ่ของทางตำรวจ คุณกล้าเดิมพันแบบนั้นได้ยังไง!?”
“คดีมือที่หายไป? ทำไมคนถึงสนใจมันด้วย?” จ้าวหยู่ยักไหล่และตอบกลับไปอย่างไม่สนใจ
จ้าวหยู่ลองค้นเรื่องคดีนี้ผ่านทางความทรงจำของเขาอย่างเร่งรีบเพื่อหาความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกันกับความทรงจำของเขา
ย้อนพากลับไปเมื่อประมาณหนึ่งปีก่อน ในเวลานั้นเขาเป็นเพียงเจ้าหน้าที่ฝึกงานในแผนกสืบสวนแต่ถูกส่งตัวไปแผนกพิสูจน์หลักฐานเพื่อช่วยติดตั้งอุปกรณ์ใหม่ที่จะมีส่วนร่วมในการไขคดีนี้
หลี่เบ่ยหนีถอนหายใจออกมาอย่างหมดแรง “เจ้าหน้าที่เกือบทั้งสถานีต้องตกงานเพราะคดีนี้ ถ้าคดีนี้มันง่ายขนาดนั้น เราไม่มาตั้งประชุมกันในวันนี้หรอกค่ะ!”
ในที่สุด จ้าวหยูก็จำได้ เมื่อราว ๆ ปลายเดือนเมษาปีที่แล้วที่เมืองฉินชาน เกิดคดีมือที่หายไปต่อเนื่องขึ้นสองคดี จนทำให้เกิดความวุ่นวายใหญ่โต มือขวาของเหยื่อถูกตัดออกไปด้วยของมีคมอย่างไร้ความปรานีและความคืบหน้าในการสืบสวนคดีที่เป็นไปอย่างล่าช้า หนึ่งในผู้เคราะห์ร้ายได้ทำการร้องเรียนเรื่องการทำงานเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนบังเอิญเรื่องนี้ดังไปถึงหูของนักข่าวเข้าจนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต ส่งผลให้ภาพลักษณ์ของกองตำรวจด่างพร้อย นอกจากนี้ หัวหน้าของทีม B คนก่อนและเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ถูกบังคับให้ออกจากราชการ เลยทำให้คูปิงเลยได้รับการเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเป็นหัวหน้าทีมแทน ถึงแม้ทางตำรวจจะพยายามคลี่คลายคดีและทุ่มเททรัพยากรทุกอย่างแต่สุดท้ายคดีก็ถูกแช่แข็งไว้จนมาถึงทุกวันนี้
“นี่คุณไม่รู้จริง ๆ เหรอคะ? หรือคุณแค่กำลังล้อเล่นกับฉัน?” ดวงตาของหลี่เบ่ยหนีเต็มไปด้วยความสงสัย “เมื่อตอนเช้าเวลาตีห้าครึ่ง ที่ใกล้ ๆ ถนนจิวเฮอได้เกิดคดีนี้ขึ้นอีกครั้งแล้วค่ะ!”
“หา! อีกครั้ง?!” จ้าวหยู่เผยท่าทีประหลาดใจ
“ใช่ค่ะ!” หลี่เบ่ยหนีตอบกลับ “ไม่เช่นนั้นเราจะมาประชุมฉุกเฉินแบบนี้กันเหรอคะ? คุณไม่เห็นหรือพวกเรากำลังเตรียมรับมือกับเรื่องที่กำลังจะตามมา โดยเฉพาะหัวหน้าทีมคูปิง เธอยังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เช้าเลยด้วยซ้ำ!”
“โอ้…” ในที่สุดเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเมื่อตอนที่เขาออกไปตามหาบ้านเช่าใหม่ ทำไมคนในหน่วยสืบสวนหายไปไหนกันหมด พวกเขาออกไปทำคดีนี้กันนี่เอง
“หัวหน้าทีมคูปิงได้ออกมาอธิบายคดีไว้หมดแล้วค่ะ” หลี่เบ่ยหนีเริ่มกล่าวต่อ “คดีที่เพิ่งเกิดขึ้นยังมีจุดที่แตกต่างออกไปอยู่หนึ่งจุดเมื่อเทียบกับคดีของปีก่อนแต่วิธีการของคนร้ายยังคงเหมือนเดิม ถ้าไม่นับถึงปัจจัยบางอย่างที่เพิ่มเข้ามา คาดว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนเดียวกันแน่นอนเลยค่ะ!”
“น่าสนใจ…” จ้าวหยูเริ่มตรวจดูสำนวนคดี
ในบันทึกระบุไว้ว่า เหยื่อในคดีมือหายไป ณ ปัจจุบันเป็นแม่บ้านวัยสามสิบหกปี สามีมีอาชีพทำงานเกี่ยวกับงานสิ่งก่อสร้าง มีฐานะความเป็นอยู่ที่ค่อนข้างดี
ช่วงเวลาที่เกิดเหตุ เหยื่อเพิ่งเลิกจากการไปงานปาร์ตี้มา เธอถูกทำ ให้สลบขณะที่กำลังเดินไปยังรถหรูของตัวเอง เมื่อเธอรู้สึกตัวในตอนเช้าก็พบว่ามือขวาถูกตัดออกไปเสียแล้ว จุดที่น่าสนใจคือคนร้ายได้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นกันไม่ให้หล่อนเสียเลือดไว้ให้ด้วย เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายทั้งสองคดีของปีก่อนคือหญิงอายุราว ๆ สามสิบปีเช่นกัน
“ไม่มีทาง...?” จ้าวหยู่พึมพำกับตัวเองตอนที่กำลังอ่านรายละเอียดของคดี “ในเมื่อมีกล้องตามถนนอยู่ทั่วทุกพื้นที่ มันต้องมีกล้องวงจรปิดสักตัวจับภาพของคนร้ายได้สักกล้อง”
“คุณคิดผิดแล้วค่ะ!” หลี่เบ่ยหนีส่ายหัวไปมาพร้อมถอนหายใจ “ไม่มีกล้องวงจรปิดตัวไหนที่จับภาพคนร้ายได้เลย คนร้ายราวกับผี เชื่อฉันสิคะว่าคุณไม่สามารถชนะการเดิมพันนี่ได้หรอก ประหยัดเงินนิดหน่อยแล้วเอาเงินนั้นมาจ่ายค่าเสียหายเถอะนะคะ”
“นี่เธอ อย่าพูดชักใบให้เรือเสียสิ มันทำให้ฉันหมดกำลังใจกันพอดี!” จ้าวหยูพูดอย่างเยือกเย็น “ถ้าคนร้ายกล้ามากพอที่จะก่อเหตุซ้ำแบบนี้ล่ะก็ รับประประกันได้เลยว่าหมอนี่จะต้องถูกจับได้แน่นอน!”
“ฉันไม่ได้กังวลว่าคดีนี้จะถูกปิดลงได้ไหม?” หลี่เบ่ยหนีแสดงสีหน้าอย่างเหนื่อยใจ “ฉันกังวลว่าคุณจะปิดคดีนี้ไม่ได้ต่างหาก”
“หมายความว่าไง?” จ้าวหยูไม่เข้าใจ
“ก็ตอนนี้คุณไปเดิมพันกับรองหัวหน้าหลิวชางฮูไว้นี่คะ!” หลี่เบ่ยหนีย่นคิ้ว “ถ้าคุณสามารถไขคดีนี้ได้ด้วยตัวคุณเองคุณก็จะเป็นฝ่ายชนะแต่ถ้าไม่รองหัวหน้าก็จะเป็นฝ่ายชนะไปและคุณก็จะกลายเป็นผู้แพ้!”
“อืม!” จ้าวหยูกำลังคิดถึงระบบปาฏิหาริย์ เขาโยนสำนวนคดีไปด้านข้างด้วยความมั่นใจ “ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล อะไรก็เกิดขึ้นได้ ใครจะไปรู้ ฉันอาจจะไขคดีและจับกุมตัวคนร้ายภายในวันพรุ่งนี้ได้ก็ได้ ถ้าถามฉันแล้วล่ะก็ ไม่แน่คนร้ายก็คือสามีของหล่อนเองนี่แหละ ภรรยาพวกนี้ก็แค่เผาผลาญเงินของสามีไปวัน ๆ แล้วสามีก็เกิด
ทนไม่ไหวขึ้นมาเลยตัดมือที่ใช้เงินพวกนั้นทิ้งไปซะ ก็แค่นั้น”
“อา…งั้นเหรอคะ” หลี่เบ่ยหนีทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ของเธอ เธอรู้สึกผิดหวังในตัวจ้าวหยู่เป็นอย่างมาก
หลังจากนั้นจ้าวหยู่กลับมายังบ้านพักของตัวเอง เขาก็ไม่สามารถข่มตาให้นอนหลับได้ เขากังวลว่าถ้าเกิดว่าระบบปาฏิหาริย์นั้นเกิดหายไปขึ้นมา แล้วถ้าพรุ่งนี้เขาตื่นมาสูบบุหรี่แล้วไม่เกิดอะไรเปลี่ยนแปลง ทุกสิ่งทุกอย่างก็คงจบทันที ถ้าเขาไม่มีระบบปาฏิหาริย์ขึ้นมาจริง ๆ เขาจะไขคดีได้อย่างไรกัน ไหนจะเรื่องที่เดิม
พันเอาไว้อีก
คดีมือที่หายไป? ทำไมคนร้ายต้องตัดมือไปด้วย? แล้วเหยื่อทั้งหมดก็เป็นผู้หญิงอีก คนร้ายมีปมอะไรกับผู้หญิงรึเปล่า?
ยิ่งคิดจ้าวหยูก็เริ่มสนใจเกี่ยวกับคดีนี้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เขาอยู่ในอารมณ์ที่สงบนิ่งและเริ่มอ่านบันทึกสำนวนคดีซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้ว่าจ้าวหยู่จะดูเป็นคนหยาบคายแต่เมื่อถึงเวลาทำงานเขากลับดูจริงจังอย่างน่าประหลาด เขาเป็นประเภทที่จะไม่ยอมหยุดพัก ถ้าหากว่าสิ่งที่เขาทำกำลังยังไม่เสร็จเรียบร้อยดี
ด้วยทัศนคติในการทำงานแบบนี้ของจ้าวหยูสามารถผลักดันตัวเองให้กลายเป็นหนึ่งในคนมีอำนาจสูงสุดของแก๊งฉิงหลงได้
หลังจากที่จ้าวหยู่อ่านบันทึกสำนวนคดีจนหมดและจดจำรายละเอียดปลีกย่อยอย่างดีแล้ว เขาก็อดคิดไม่ได้ว่านี้เป็นคดีที่ยากมาก เขาไม่ได้จินตนาการมาก่อนว่าจะเป็นคดีที่ซับซ้อนมากถึงขนาดนี้ ไม่แปลกใจว่าทำไมตำรวจถึงพยายามกันอย่างหนักแต่ก็ไม่สามารถปิดคดีลงได้สักที
เนื่องจากคนร้ายระมัดระวังตัวได้อย่างดี จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งสามครั้ง คนร้ายสามารถเลี่ยงกล้องวงจรปิดได้ทุกครั้ง นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนปกติจะสามารถทำได้แน่
ไม่เพียงเท่านั้น วิธีการก่อเหตุของคนร้ายก็โหดร้ายมาก มือขวาของเหยื่อทั้งสามคนถูกตัดออกไปในครั้งเดียวด้วยอาวุธที่อาจจะเป็นขวานหรืออะไรที่ใกล้เคียง ทางตำรวจเลยสงสัยว่าคนร้ายน่าจะเป็นชายหนุ่มที่ค่อนข้างแข็งแรง
แต่หลังจากได้ตรวจดูข้อมูลจากฝ่ายพิสูจน์หลักฐานแล้ว คนร้ายสามารถระบุตำแหน่งของจุดที่จะตัดมือได้เป็นอย่างดี หลีกเลี่ยงตรงจุดที่เป็นกระดูกแข็ง ๆ ได้อย่างแม่นยำและถ้าอาวุธมีความคมที่มากพอ ไม่ว่าใครก็สามารถลงมือได้ ดังนั้นพวกเขาไม่ควรที่จะตัดความเป็นไปได้ว่าคนร้ายคือผู้หญิงออกไป
นอกจากนี้ การกระทำของคนร้ายก็น่าสงสัยอยู่ไม่น้อย ทำไมถึงเลือกที่จะก่อเหตุกับหญิงสาววัยสามสิบปีที่มีสภาพความเป็นอยู่ที่ค่อนข้างดีด้วย เมื่อปีที่แล้วคนร้ายก่อคดีขึ้นสองครั้งภายใน
ระยะเวลาห้าวันก่อนที่จะหายตัวไป ทำไมเขาถึงกลับมาก่อคดีอีกครั้งหลังจากผ่านไปหนึ่งปี
ถ้าจะให้เหมือนปีก่อน คนร้ายจะก่อเหตุอีกครั้งภายในไม่กี่วันนี้หรือไม่? แล้วทำไมถึงต้องเลือกที่จะตัดมือของผู้หญิงเท่านั้น?
มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับปัญหาการเงินจริง ๆ หรือ? หรือมันจะเกี่ยวข้องกับพวกแก๊ง?
จ้าวหยูพยายามคิดอย่างหนักแต่ก็ไม่สามารถอดทนให้ดวงตาเปิดต่อไปได้ เขาค่อย ๆ ก้มและผล็อยหลับไป
...
เช้าวันต่อมา เวลาหกโมงเช้า เจียงต้าเฟิงกำลังเตรียมตัวออกไปจ่ายตลาดเพื่อไปรับผลไม้สด ๆ มาวางขายที่ร้าน ขณะที่เขากำลังบีบยาสีฟันลงบนแปรงเขาก็ได้ยินเสียงไออย่างดังมาจากชั้นบน
“แค่ก! แค่ก! แค่ก!”
“หมอนั่นเป็นอะไรไป?” เจียงต้าเฟิงยังคงจดจำเสียงของจ้าวหยู่ได้เป็นอย่างดี เขาแสดงความโกรธก่อนจะพูดออกมาว่า “ดี สมควรแล้ว! ตาย ๆ ไปเลยไป๊!!”
ทันใดนั้น ก็มีเสียงที่เกิดจากข้างบนดังมากจนทำให้เขาตกใจจนทำแปรงสีฟันตกลงบนพื้น มันเป็นเสียงที่เขาได้ยินนั้นมาจากจ้าวหยู่ที่อยู่ข้างบน
“ใช่แล้ว!! นั่นแหละใช่เลย!! ฮ่าฮ่าฮ่า!!”