CD บทที่ 10 การเดิมพันด้วยความโมโห
การยั่วยุของหลิวชางฮูไม่ทำให้จ้าวหยู่สะทกสะท้านเท่าไหร่ เขาหรี่ตามองไม่ได้กระพริบและพูดว่า “ถ้าใช่แล้วมันจะทำไม!”
หลังพูดจบจ้าวหยู่ก็ทำท่าต้องการออกไปแต่ก็โดนหลิวชางฮูขวางเอาไว้อักครั้ง
“จ้าวหยู่ ฉันมีตำแหน่งสูงกว่าของแกนะ ฉันกำลังทำตัวเป็นกลางให้กับหน่วยของเรา นาฬิกาของแกไม่ได้ทำงานหรืออย่างไร วันนี้ทั้งวันแกก็ไม่ได้มาทำงาน ไม่ต้องพูดเรื่องที่แกมาเข้าประชุมสายเกือบชั่วโมงนี่อีก ตามกฎระเบียบแล้วคุณจะต้องถูกลงโทษให้ขาดงาน!”
“ชิ...”
จ้าวหยู่ไม่เห็นว่าการโดนลงชื่อขาดงานจะสำคัญอะไรมากนักหนา
แต่หลี่เบ่ยหนีและคนอื่น ๆ ที่ได้ยินเข้าก็เกิดอาการตกใจเป็นอย่างมากเพราะในสถานีตำรวจแห่งนี้ น้อยคนนักที่จะถูกโดนลงโทษขาดงาน เนื่องจากการขาดงานอาจมีผลกระทบรุนแรงตามมาได้!
การทำงานของแผนกสืบสวน ส่วนใหญ่มักเป็นการลงพื้นที่ภาคสนามและมักลงเอยด้วยการทำงานล่วงเวลาอยู่เสมอ การเข้างานของพวกเขาจะไม่ใช่ระบบในการบันทึกเวลาเข้าออก แต่พวกเขา
จะถูกสังเกตการเข้างานจากหัวหน้าทีมของตัวเองและการทำงานล่วงเวลาก็อาจเกิดขึ้นได้ตามแต่ละสถานการณ์ อาจมีบ้างที่พวกเขาได้รับอนุญาตให้พักจากการทำงานได้ชั่วครู่หนึ่งที่ห้องพักเจ้าหน้าที่
จ้าวหยู่คือหนึ่งในสมาชิกทีม A ดังนั้นการสังเกตการเขาจะมาจากหัวหน้าทีม A แต่ทว่าตอนนี้ หัวหน้าทีม A อย่างเหมาเว่ย ได้รับบาดเจ็บสาหัสและกำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ทำให้หลิวชางฮูต้องขึ้นมาดูแลในส่วนหน้าที่นี้แทนชั่วคราว
ถึงแม้จะมีกฎที่เข้มงวดแต่บางทีก็มีการปล่อยปะละเลยให้สมาชิกในหน่วยได้พักหายใจหายคอกันบ้าง โดยทั่วไปแล้วทุกคนก็มักจะมาทำงานกันปกติ อาจจะมีบ้างคนที่ต้องหยุดลางานไปแบบฉุกเฉินหรือแบบกะทันหัน แต่ก็ไม่มีใครสนใจในส่วนนี้มากเท่าไหร่นัก
แต่การกระทำวันนี้ของหลิวชางฮูเห็นได้ชัดว่าเขาต้องการที่จะกลั่นแกล้งจ้าวหยู่และใช้อำนาจที่มีอยู่ในมือของเขา
ถ้าเป็นงานตามปกติทั่วไป การขาดงานอาจจะดูไม่มีผลกระทบอะไรมากนักแต่ไม่ใช่กับกรณีของตำรวจ
การขาดงานในที่นี่ สะท้อนถึงทัศนะคติในการทำงานต่อเบื้องบน พวกเขาจะมีคำสั่งบทลงโทษที่เข้มงวดตามมา การขาดงานเพียงครั้งเดียวอาจทำให้คุณสูญเสียเงินเดือนทั้งเดือนและยังลดโอกาสในการเป็นสอบเลื่อนตำแหน่งประจำปีอีก
หากขาดสองครั้ง จะถูกลงโทษทางวินัยต่อหน้าทุกคนในหน่วยและถ้าขาดครบสามครั้งเมื่อไหร่ คน ๆ นั้นจะถูกถอดออกจากหน่วยสืบสวนคดีไปทันที
นี่คือผลกระทบที่น่าเกรงกลัวและไม่สามารถละเลยไปได้ การกระทำ ครั้งนี้ของหลิวชางฮูนับว่าทำเกินไปมาก ที่เขาทำแบบนี้ก็เพื่อที่จะแก้แค้นจ้าวหยู่
หลิวชางฮูยกยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะหยิบแผ่นกระดาษขึ้นมาหนึ่งแผ่นแล้วยื่นไปยังจ้าวหยู่
“อ้อ…แล้วก็สิ่งที่แกอาละวาดไปเมื่อคืนก่อนและสร้างความเสียหายให้กับคอมพิวเตอร์ของเรา นี่คือใบเสร็จเรียกเก็บเงิน 1,800 หยวน ฉันได้หารือกับเบื้องบนแล้วเห็นพ้องต้องกันว่าแกควรจะเป็นคนชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดนี่ ที่เหลือแกก็แค่รับใบเสร็จนี้ไปจ่ายเงินให้แผนกธุรกรรม...เฮ้ย!!”
เมื่อเห็นจ้าวหยู่เริ่มจับไปที่แก้วกาแฟ หลิวชางฮูรีบถอยหลังหลบอย่างเร็ว
“นี่!!..แกกำลังถูกคุมความประพฤติอยู่นะ! ถ้าแกเกิดเป็นบ้าขึ้นมาอีกล่ะก็ ฉันจะส่งสำนวนรายงานความประพฤติแกไปยังสำนักงานใหญ่และจะให้พวกเขาไล่แกออกทันทีเลยคอยดู!”
“รองหัวหน้าหลิวคะ!” หลี่เบ่ยหนีไม่สามารถทนยืนดูจ้าวหยู่ถูกกลั่นแกล้งได้อีกต่อไป เธอพยายามโต้เถียงกับหลิวชางฮูแทนเขา
“เมื่อคืนพวกเราก็เห็นนี่ค่ะว่าคุณจ้าวหยู่ไม่ได้เป็นคนทำคอมพิวเตอร์พังค่ะ!”
“ถ้าไม่ใช่มันแล้วจะเป็นใครล่ะ!?” หลิวชางฮูขยับท่าทีออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ “ถ้ามันไม่เกิดบ้าขึ้นมา คอมพิวเตอร์จะพังไหม!”
“ใช่!!” นายตำรวจคนหนึ่งเสริมขึ้น “ถ้าวันนั้นฉันไม่ถูกหมอนั้นผลักจนไปกระแทกเข้า คอมพิวเตอร์นั้นก็คงไม่พังหรอก”
“ใช่ ๆ” คนในหน่วยสืบสวนอีกสองสามคนเริ่มออกเสียงเข้าข้างหลิวชางฮู
บรรยากาศตอนนี้เหมือนกับทุกคนพร้อมจะหาเรื่องกันได้ตลอดเวลา
“หึหึหึ...” เมื่อเห็นบรรยากาศเต็มไปด้วยความน่าอึดอัด จ้าวหยู่ยิ้มแทนการร่วมวงที่โหวกเหวก เขาค่อย ๆ วางถ้วยกาแฟลงแล้วเดินไปหยุดตรงหน้าหลิวชางฮู เสียงของเขาดูสงบจนน่าตกใจ
“ท่านรองหัวหน้าครับ จากบ้านเกิดของผมเนี่ย มันจะมีคติสอนใจอยู่ว่า ‘จงเปิดทางให้กับตัวเองอยู่เสมอ แล้วเราจะได้รับชนะกลับมา’ แต่ดูเหมือนคุณกำลังทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกันอยู่นะครับ ท่านรองหัวหน้า”
“หื้ม! แกคือคนที่ไม่ยอมคารพกฎที่มี การที่ฉันไม่ชอบหน้าแกแล้วแกจะทำไม!” หลิวชางฮูยกคิ้วขึ้นพร้อมกับตอบออกไปอย่างชัดเจน
“เข้าใจแล้ว” จ้าวหยู่ยิ้ม “ผม จ้าวหยู่ ไม่ได้กลัวคุณเลยสักนิดเพราะคุณไม่มีอะไรให้กลัวเลยสักอย่าง เอางี้เราสองคนมาแยกตัวไปคนละฝั่ง แล้วลองมาดูกันสิว่า ใครจะยืนหยัดอยู่ตรงนี้ได้เป็นคนสุดท้าย”
“นี่แก หนอย…” หลิวชางฮูตกใจและใช้เวลาสักพักเพื่อสรุปสิ่งที่จ้าวหยู่จะสื่อและเริ่มหัวเสียใส่กับผู้คนรอบข้าง
“คิดว่าตัวเองเป็นใครกันห๊ะ!! ฉันคือรองหัวหน้าแผนกสืบสวนนะ!! คิดว่าคนอย่างฉันจะกลัวแกหรืออย่างไรกัน ฉันจะกำจัดแกออกไปจากโลกนี้เลยคอยดู!!”
“ถ้าทำได้ก็เข้ามาเลย!!” จ้าวหยู่ขู่และยิ้มให้อย่างท้าทาย “คิดว่าคนอย่างฉันจะกลัวอะไรกับอำนาจกระจอก ๆ ของแกหรือไง ไอ้ค่า
คอมพิวเตอร์นั้น คิดว่าฉันจะจ่ายให้อย่างนั้นเหรอ? ใครจะยอมจ่ายให้โง่ แล้วยังมีหน้าจะมาลงบันทึกขาดงานให้ฉันอีก คอยระวังตัวแกเองและระวังหลุมศพบรรพบุรุษให้ดีก็แล้วกัน วันดีคืนดี เศษกระดูกในหลุมศพอาจจะหายไปก็ได้ โอ้ แล้วก็อย่าลืมหมั่นเช็คตู้เสื้อผ้าของเมียแกไว้ให้ดีล่ะ ไม่แน่อาจจะมีใครเขาเอาโครงกระดูกโคตรเหง้าของแกไปใส่ไว้ในนั้น…”
วาจาอันหยาบคายแสนโสมม ไม่เพียงแต่หลิวชางฮูเท่านั้นที่ตกใจ แม้กระทั่งคนอื่น ๆ ในแผนกสืบสวนก็ตกใจไม่ต่างกัน
คนเหล่านี้ไม่เคยพบเจอกับวาจาหยาบคายอะไรเท่านี้มาก่อนในชีวิต ดูเหมือนว่าพวกเขาทั้งหลายไม่สามารถตอบโต้อะไรกลับไปได้เลย
หลังจากการพูดที่ยาวนานของจ้าวหยู่จบลงโดยไร้ท่าทีรู้สึกผิดใด ๆ หลิวชางฮูเหมือนจะมีอาการหัวใจวาย ใบหน้าของเขาแดงก่ำไปด้วยความโกรธ
“จ้าวหยู่ แก!! ไอ้สารเลว…”
หลิวชางฮูไม่สามารถหาคำใด ๆ เอ่ยออกไปได้ เขารู้ว่าตอนนี้จ้าวหยู่กลายมาเป็นคนที่มีอารมณ์รุนแรงแต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะสามารถใช้ถ้อยคำที่หยาบคายได้ถึงเพียงนี้
จ้าวหยู่ยกยิ้มอย่าพอใจและก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรต่อ จู่ ๆ ประตูห้องประชุมก็ถูกเหวี่ยงเปิดอย่างแรงโดยหัวหน้าจิน การแสดงออกของเขาสร้างความกลัวให้กับคนในห้องได้เป็นอย่างดี ยามที่เขาตะโกนเสียงดังลั่นออกมา
“พวกคุณคิดว่ากำลังทำอะไรกันอยู่!!” คิ้วของชายชราถูกยกขึ้นสูงในขณะที่เขากำลังตะโกนด่าว่าคนในแผนกสืบสวน “ตอนนี้เรามีคดีต้องทำไม่ใช่รึไง!! ประชาชนกำลังรอความช่วยเหลือจากพวกเราอยู่ แล้วนี่มันอะไร มาทะเลาะกันเองแบบนี้ พวกคุณเห็นงานตำรวจเป็นอะไร!!”
เมื่อเห็นว่าหัวหน้าจินกำลังโมโหอย่างเต็มที่จึงไม่มีใครกล้าส่งเสียงดังออกไปเลยแม้แต่นิดเดียว
“จ้าวหยู่!!” จินเจินปิงหันหน้าไปทางจ้าวหยู่แล้วตะโกนต่อว่า “ฉันได้ยินปัญหาเกี่ยวกับคุณมาแล้ว ตำแหน่งที่คุณมีอยู่ตอนน้มันไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรมากนัก หัดใช้สมองมากกว่านี้หน่อย อย่าสักแต่ที่จะใช้กำลังตัดสินปัญหาอีก ไม่เช่นนั้นคนเขาจะดูหมิ่นคุณกันได้”
หลังจากพูดจบ เขาก็ชี้มือไปหลิวชางฮูต่อ
“หลิว ยกเลิกการขาดงานของจ้าวหยู่ซะ มันไม่มีมานานนับสิบปีแล้ว คิดว่าถ้าสำนักงานใหญ่รู้เรื่องนี้เข้า ฉันจะแบกหน้าเอาไปไว้ที่ไหน!!”
“แต่หัวหน้าครับ…” หลิวชางฮูพยายามโต้แย้ง
“หุบปาก!!” เสียงชายชราดังลั่นและด้วยท่าทีนั้นทำให้รองหัวหน้าหลิวสงบปากลงในทันที
จินเจินปิงหันกลับมาที่จ้าวหยู่อีกครั้ง
“คุณไม่สามารถหลีกเลี่ยงการชดใช้ค่าเสียหายของคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นได้จ้าวหยู่ นั้นถือเป็นการทำลายทรัพย์สินทางราชการและการกระทำเมื่อวานมันก็ดูเกินกว่าเหตุ”
เมื่อได้ยินดังนี้ หลิวชางฮูยิ้มออกมาอย่างสะใจ จ้าวหยู่กำหมัดแน่นก่อนจะเกือบตะโกนออกมาอย่างดังแต่หัวหน้าจินยกมือห้ามปรามเขาไว้เสียก่อน
“ฉันกำลังพยายามทำทุกอย่างให้เป็นกลาง การที่คุณสามารถแก้ไขคดีก่อนหน้านี้ได้ นับว่าสร้างความประหลาดใจให้กับฉันได้มากทีเดียว เอาอย่างนี้ไหมล่ะ คุณกับฉันมาเดิมพันกัน ถ้าคุณสามารถไขคดีมือที่หายไปได้ ฉันจะยอมชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดนั้นแทน”
“อะไรนะ!?” จ้าวหยู่อ้าปากค้าง เขาไม่คิดว่าชายชราตรงหน้าจะกล้ามาเดิมพันอะไรแบบนี้กับเขาได้
“หัวหน้าจินอย่าทำแบบนี้เลยครับ” นัยน์ตาหลิวชางฮูเบิกโพลงไปด้วยความตกใจ “เราไม่สามารถรบกวนคุณมาทำอะไรไร้สาระแบบนี้ได้หรอกครับ เอาอย่างนี้แล้วกัน ผมจะเดิมพันกับจ้าวหยู่มันเอง! ถ้าจ้าวหยู่สามารถไขคดีได้ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ได้แล้วล่ะก็ ผมจะเป็นคนจ่ายเงินนั้นให้เอง!”
ทั้งชีวิตจ้าวหยู่ไม่เคยถูกข่มขู่หรือต้องมาพนันบ้าบออะไรแบบนี้มาก่อน เขากำหมัดแน่นก่อนจะทุบลงไปที่โต๊ะอย่างแรง
“ได้!! จะเอาแบบนี้ใช่ไหมไอ้หลิว!! ภายในหนึ่งสัปดาห์ ฉันจะไขคดีมือที่หายไปให้ได้ คอยดู๊!!”